29 เม.ย. เวลา 11:11 • ประวัติศาสตร์

6 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับราชวงศ์หมิง (ตอนที่ 1)

ราชวงศ์หมิง ทำให้จีนมาถึงจุดสูงสุดจนกลายเป็นมหาอำนาจของโลกเป็นที่รู้จักกันดีมีอิทธิพลทางด้านการค้าโลกและวัฒนธรรม ก้าวผ่านเวลามายาวนานกว่าสามร้อยปีจากยุคตกต่ำราชวงศ์หยวนของมองโกลในค.ศ.1368 ถึงการเข้ามาปกครองของแมนจู ค.ศ.1644 และนี่คือเรื่องราว 6 สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับราชวงศ์หมิง ต้องมาติดตาม
จูหยวนจาง
1. ผู้สถาปนาราชวงศ์เติบโตมากับความยากจน
จูหยวนจาง พระราชสมภพ เมื่อ ค.ศ. 1328 เมื่ออายุ 16 ปี เป็นเด็กกำพร้า และยังเป็นผู้วางรากฐานราชวงศ์หมิง พระองค์ทรงอยู่รอดมาได้ด้วยการยังชีพเป็นวณิพกขอทาน ก่อนที่จะไปผนวชในวัดพระพุทธศาสนา 2-3 ปี
ต่อมา วัดที่จูหยวนจางผนวชอยู่นั้นได้ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของทหารราชวงศ์หยวน เพราะช่วงเวลาดังกล่าวราชวงศ์หยวนมีความขัดแย้งกับกบฏชาวนา โดยกบฏกลุ่มนี้มีผ้าแดงโพกหัวเป็นสัญลักษณ์ กบฏเริ่มมีจำนวนมากขึ้น จนกระทั่ง จูหยวนจางได้รับตำแหน่งสูงขึ้นจนได้รับตำแหน่งใหญ่ในกลุ่มกบฏ และได้แต่งงานกับลูกสาวของผู้บังคับบัญชากบฏ
เมื่ออายุ 40 ปี เขายกกำลังเข้ายึดครองนครหนานจิงจากราชวงศ์หยวนของมองโกลได้ หนทางของจูหยวนจางจากกบฏเป็นจักรพรรดิไม่ง่ายเลย ยังมีความรู้ที่ได้รับการฝึกจากลัทธิประหลาดที่บูชาไฟ (ศาสนาที่บูชาไฟในเปอร์เซีย) ถึงแม้ว่าความหมายของราชวงศ์หมิง จะหมายถึงแสงสว่างก็จริง บางที่อาจหมายถึงพระเจ้าผู้ประทานแสงสว่างซึ่งเพื่อนมิตรสหายเก่าของจูหยวนจากให้การเคารพนับถือด้วยก็ได้ (ลองไปชมดาบมังกรหยก กระบี่อิงฟ้า)
พระราชวังต้องห้าม
2. ปักกิ่งมหานครของราชวงศ์และความจริงอันซับซ้อนของพระราชต้องห้าม
ต้นศตวรรษที่ 15 พระราชโอรสของจักรพรรดิหงอู่ (จูหยวนจาง) ทรงมีพระนามว่า พระจักรพรรดิ หย่งเล่อ ทรงกำกับการโยกย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรจากหนานจิง สู่เมืองใหม่นั้น คือกรุงปักกิ่ง 550 ไมล์ทางตอนเหนือถัดจากเมือง Dabu เมืองหลวงเก่าของราชวงศ์หยวนซึ่งสร้างโดยกุบไลข่านตั้งแต่ ค.ศ. 1264 เมืองหลวงใหม่ของจักรพรรดิหมิงถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองยาว 15 ไมล์ สูง 40 ฟิต เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับการปกครองสำนักราชการขุนนาง
พระราชวังที่ถูกจำกัดไปด้วยซับซ้อน มีห้องเกือบหนึ่งหมื่นห้องมีที่จะเข้ามาอยู่ได้จะต้องได้รับพระบรมราชานุญาติเสียก่อนจึงจะเข้ามาอยู่ได้ รู้จักกันในนามว่าพระราชวังต้องห้าม ชาวจีนเรียกว่า “ZijinCheng” มีความหมายว่าเมืองต้องห้ามสีม่วง จื่อ จิ้น เฉิง ซึ่งแปลตามตัวอักษรได้ว่า "เมืองต้องห้ามสีเลือดหมู"ด้วยเหตุที่ว่า ห้ามสามัญชนเข้าไปในบริเวณวังหลวงโดยเด็ดขาดและสีเลือดหมูนั้นเป็นสีอาคารและหลังคาโดยทั่วไป
เสน่ห์ที่กล่าวถึงนี้มิได้หมายถึงเมืองที่มีกำแพงล้อมแต่หมายถึงดาวฤกษ์สีม่วงมีดาวเหนือเป็นศูนย์กลาง (The heart of Beijing) ตามหลักดาราศาสตร์ของจีนโบราณ ซึ่งจักรพรรดิทรงหวังว่าเมืองหลวงใหม่ของพระองค์บนโลกมนุษย์มีความรุ่งเรืองราวดาวนำทางบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
กำแพงเมืองจีนที่สร้างสมัยราชวงศ์หมิง
3. กำแพงเมืองจีนรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง
ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของกำแพงนี้มีความยาวราว 4,500 ไมล์ ย้อนกลับไปหลายพันปีก่อนผู้ปกครองจีนคนแรกสร้างป้อมปราการไว้ให้กองทัพทางตอนเหนือ ระหว่าง 204-201ปีก่อนคริสตกาลมหากำแพงนี้ถูกสร้างโดยผู้คนนับร้อยนับพันที่ถูกเกณฑ์มา เพื่อตอบสนองความต้องการต่อการคุกคามจากกลุ่มอนารยชนทางตอนเหนือ
ปลาย ค.ศ.1500 จักรพรรดิราชวงศ์หมิง เริ่มก่อสร้างกำแพงใหม่ใช้เวลากว่า 80 ปีสร้างใหม่จากหินแกรนิตทำให้แข็งแรงหนาแน่นด้วยอิฐและใช้ความเหนียวของข้าวลักษณะกำแพงยาวมีหอสังเกตการณ์ค่ายทหาร โกดังเก็บของที่ยึดได้จากทะเลปั๋วไห่ทางตะวันออกจนถึงด่านเจียยฺวี่ (โอเอซิสสำคัญบนเส้นทางสายไหมอยู่ในมณฑลกานซู)
เรื่องราวสาระน่ารู้เกี่ยวกับราชวงศ์หมิง เป็นเพียวส่วนเสี้ยวเดียวประวัติศาสตร์เท่านั้น ถ้าอย่างรู้เพิ่มเติมรอติดตามได้
โฆษณา