วัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ได้รับยา SSRI ขาดการติดตามผลตามคำแนะนำ
ผลการศึกษาใหม่ที่นำเสนอในการประชุม Pediatric Academic Societies (PAS) 2025 พบว่า วัยรุ่นจำนวนมากที่ได้รับใบสั่งยาในกลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitor (SSRI) ซึ่งเป็นยาต้านเศร้าที่ใช้กันทั่วไป ไม่ได้รับการนัดหมายติดตามผลภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ตามคำแนะนำ
การศึกษานี้ดำเนินการที่คลินิกปฐมภูมิสำหรับเด็กขนาดใหญ่สองแห่งในชิคาโก พบว่ามีวัยรุ่นเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่ได้รับการติดตามผลตามกำหนด และน่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ประมาณ 1 ใน 5 ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ขาดการติดต่อเพื่อติดตามผลโดยสิ้นเชิง
ข้อมูลจากการศึกษานี้ ซึ่งวิเคราะห์เวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ป่วยอายุ 6-18 ปี จำนวน 98 ราย ที่ได้รับใบสั่งยา SSRI ระหว่างเดือนธันวาคม 2022 ถึง ธันวาคม 2023 แสดงให้เห็นว่า มีผู้ป่วยเพียง 48% เท่านั้นที่ได้รับการติดตามผลภายใน 6 สัปดาห์แรกหลังเริ่มใช้ยา ขณะที่อีกราว 31.6% ได้รับการติดตามผล แต่ล่าช้ากว่ากำหนด 6 สัปดาห์ โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยในการติดตามผลอยู่ที่ 51 วัน หรือประมาณ 7.3 สัปดาห์
กลุ่มตัวอย่างในการศึกษานี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและชาติพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (62%) มีอายุเฉลี่ย 15 ปี และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตเมืองชิคาโก (81%) ผู้ป่วยส่วนใหญ่ใช้ประกันสุขภาพของรัฐ (80%) และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นทั้งโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า (40%) หรือเป็นโรควิตกกังวลอย่างเดียว (35%) หรือโรคซึมเศร้าอย่างเดียว (18%) ยา SSRI ที่สั่งจ่ายมากที่สุดคือ Fluoxetine (58%)
สถาบันจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่นแห่งอเมริกา (American Academy of Child and Adolescent Psychiatry) แนะนำให้แพทย์ติดตามผลกับวัยรุ่นภายใน 4-6 สัปดาห์หลังจากเริ่มใช้ยา SSRI ตัวใหม่ การติดตามผลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อประเมินผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย นักวิจัยที่ทำการศึกษานี้สรุปว่า "ความล่าช้านี้อาจจำกัดการประเมินผลข้างเคียงอย่างทันท่วงที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา"
ที่น่าสนใจคือ การศึกษานี้ไม่พบความแตกต่างของระยะเวลาในการติดตามผลที่สัมพันธ์กับข้อมูลประชากรของผู้ป่วยหรือผู้ให้บริการปฐมภูมิ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอุปสรรคในการติดตามผลอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยและผู้ให้บริการทุกคนในคลินิกทั้งสองแห่งอย่างแพร่หลาย
ดร. มาร์ทีน ลามี รองศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซินซินแนติ ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษานี้ ให้ความเห็นว่า ผลการค้นพบนี้มีความสำคัญ เนื่องจากสถานพยาบาลปฐมภูมิสำหรับเด็กมีบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหาสุขภาพจิตเชิงรุก
แต่กุมารแพทย์มักขาดประสบการณ์เพียงพอในการจัดการภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลในวัยรุ่น เธอกล่าวเสริมว่า "การทำความเข้าใจอุปสรรคที่สถานพยาบาลเด็กต้องเผชิญในการรักษาภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลอย่างมีประสิทธิภาพในสถานพยาบาลปฐมภูมินั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับปรุงการให้บริการตามหลักฐานเชิงประจักษ์"
ดร. ลามี ตั้งข้อสังเกตว่า ผลการวิจัยนี้ไม่น่าแปลกใจและน่าจะเป็นภาพสะท้อนของสถานพยาบาลเด็กนอกโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศที่เผชิญกับความท้าทายคล้ายคลึงกัน อุปสรรคที่เป็นไปได้ในการติดตามผลอย่างทันท่วงที ได้แก่ "ความรู้ความเข้าใจของแพทย์ปฐมภูมิเกี่ยวกับแนวทางการสั่งจ่ายยา SSRI สำหรับเด็กในเรื่องการติดตามผล และโครงสร้างของคลินิกที่อาจทำให้การนัดหมายติดตามผลภายในกรอบเวลา 6 สัปดาห์ตามคำแนะนำเป็นไปได้ยาก"
แม้ว่าการมีส่วนร่วมของทีมจิตเวชศาสตร์แบบสหวิชาชีพจะสัมพันธ์กับการที่ผู้ป่วยได้รับการติดตามผลมากขึ้นเกือบ 3 เท่า แต่ก็ไม่สัมพันธ์กับการติดตามผลภายใน 6 สัปดาห์ ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคอยู่ ดร. ลามี ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการ "เพิ่มพูนความรู้สำหรับทั้งกุมารแพทย์และครอบครัวเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ รวมถึงความพยายามในการปรับปรุงคุณภาพเพื่อพัฒนากระบวนการนัดหมายและขั้นตอนการทำงานอื่นๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการติดตามผลที่ทันท่วงที"
ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงความท้าทายในการดูแลต่อเนื่องสำหรับวัยรุ่นที่เริ่มใช้ยา SSRI การขาดการติดตามผลตามคำแนะนำอาจส่งผลเสียต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา จำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันในการให้ความรู้แก่ผู้ให้บริการและครอบครัวเกี่ยวกับความสำคัญของแนวทางการติดตามผล รวมถึงการพัฒนาระบบในคลินิกเพื่ออำนวยความสะดวกในการนัดหมายและติดตามผลให้เป็นไปตามกำหนดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าวัยรุ่นที่ต้องการการดูแลด้านสุขภาพจิตจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
แหล่งอ้างอิง:
Haelle, T. (2025, April 29). Most Teens Prescribed SSRIs Did Not Have Recommended Follow-Up Appointments. Medscape Medical News.
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
