30 เม.ย. เวลา 07:30 • ข่าวรอบโลก

สตาร์บัคส์ สวนกระแส จ้างบาริสต้าเพิ่ม ลดการใช้เทคโนโลยี

ซีอีโอสตาร์บัคส์ สวนกระแส เตรียมจ้างพนักงานบาริสต้าเพิ่ม ลดการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ หวังดึงดูดลูกค้ากลับมา หลังจากที่ยอดขายลดลงต่อเนื่อง
ไบรอัน นิคอล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทสตาร์บัคส์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอในเดือนกันยายน 2024 เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมจ้างบาริสต้าเพิ่มและลดแผนการใช้ระบบอัตโนมัติลง
สวนทางกับร้านอาหารและเครื่องดื่มหลายแห่งทั่วโลกที่เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนแรงงาน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้ากลับมา หลังจากยอดขายยังคงลดลงต่อเนื่อง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ต่ำกว่าคาดการณ์ โดยมียอดขายทั่วโลกลดลง 1% ในช่วง 3 เดือน จนถึงเดือนมีนาคม ถือเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5
โดยนายไบรอัน นิคอล กล่าวในการประชุมกับนักลงทุนว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทพยายามลดจำนวนแรงงานในร้าน ด้วยความหวังว่าเครื่องจักรจะเข้ามาทดแทนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สมมุติฐานนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง
โดยบริษัทเริ่มทดลองเพิ่มจำนวนพนักงานในบางสาขาตั้งแต่ช่วงที่นายไบรอันเข้ารับตำแหน่ง และในปีนี้ได้ขยายแนวทางดังกล่าวไปยังร้านกว่า 3,000 สาขา
ขณะเดียวกันสตาร์บัคส์ ระบุว่าจะลดการใช้งานระบบอัตโนมัติที่เรียกว่า Siren system ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เปิดตัวเมื่อปี 2022 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำเครื่องดื่ม
แม้การเพิ่มพนักงานจะนำมาซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้น แต่นายนิคอลระบุว่า เขาคาดหวังว่าการลงทุนนี้จะช่วยสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว
นอกจากการจ้างงานเพิ่มแล้วสตาร์บัคส์ ยังมีแผนปรับปรุงร้าน เมนู และระเบียบเครื่องแต่งกายของพนักงาน โดยในเดือนเมษายน บริษัทระบุว่า บาริสต้าจะต้องสวมเสื้อสีเข้มแบบสีเดียว เพื่อให้ผ้ากันเปื้อนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์โดดเด่นและสร้างความคุ้นเคยกับลูกค้า
ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม บริษัทได้ยกเลิกนโยบายที่อนุญาตให้ลูกค้าใช้พื้นที่และห้องน้ำในร้านโดยไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้า ซึ่งเป็นนโยบายที่ใช้มากว่า 6 ปี
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้านเกิดขึ้น แต่ผลลัพธ์ยังค่อนข้างจำกัด โดยตลาดหลักอย่าง สหรัฐฯ ยังคงมียอดขายตกต่ำ อย่างไรก็ตาม ยอดขายใน จีนและแคนาดา กลับมีการเติบโต โดยหลังการประกาศผลประกอบการ หุ้นของสตาร์บัคส์ก็ร่วงลงกว่า 6.5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ.
ที่มา : BBC
โฆษณา