30 เม.ย. เวลา 07:17 • ข่าว
ถ้าเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทยนานนับสิบชั่วโมง
แบบที่เคยเกิดในยุโรป
ผลกระทบจะรุนแรงและโยงใย
เป็นลูกโซ่หลายด้านมากๆ
1
โดยเฉพาะในประเทศที่พึ่งพาเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลสูง
อย่างไทยในยุคปัจจุบัน
ผลกระทบหลักจากไฟฟ้าดับ
ทั่วประเทศ (Blackout)
ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
  • 1.
    ​หยุดการผลิตและบริการโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม, โลจิสติกส์, โรงงาน, SME
  • 2.
    ​ธุรกิจค้าปลีก-ออนไลน์ใช้ระบบ POS, ระบบคลังสินค้า, IoTหยุดชะงักหมด
  • 3.
    ​ความเสียหายจากสินค้าเน่าเสีย เช่น อาหารสด/แช่แข็งในห้างและร้านสะดวกซื้อ
1
ภาคการสื่อสารและเทคโนโลยี
  • 1.
    ​ระบบมือถือ, อินเทอร์เน็ต, Cloud, Server ล่ม ทำให้การสื่อสารหยุดลง
  • 2.
    ​ธุรกิจที่พึ่งระบบ Online 100% (เช่น E-Commerce, Fintech) หยุดทันที
1
ภาคบริการสาธารณะและ
ความมั่นคง
  • 1.
    ​โรงพยาบาล: เครื่องช่วยหายใจ, ห้องผ่าตัด—เสี่ยงชีวิตหากไม่มีระบบสำรอง
  • 2.
    ​ระบบขนส่งสาธารณะ: BTS, MRT, สนามบิน—หยุดทำงาน
  • 3.
    ​การจราจรติดขัดหนักจากสัญญาณไฟจราจรดับทั่วประเทศ
  • 4.
    ​เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมในบางพื้นที่
2
ประชาชนทั่วไป
  • 1.
    ​ความไม่สะดวกขั้นพื้นฐาน:ไม่มีไฟ, น้ำประปาหยุดในหลายพื้นที่
  • 2.
    ​เกิดความวิตกกังวล แพนิก การแย่งชิงอาหาร น้ำ และของจำเป็น
1
การรับมืออย่างมีระบบ
(เชิงกลยุทธ์ระดับชาติและองค์กร)
ด้านระดับนโยบายรัฐ
  • 1.
    ​วางแผน BCP (Business Continuity Plan) สำหรับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น พลังงาน น้ำ ระบบสื่อสาร
  • 2.
    ​จัดตั้งเครือข่ายพลังงานสำรอง เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ชุมชนพลังงานทดแทน Microgrid
  • 3.
    ​ซ้อมรับมือแบบ Nationwide Blackout Drill แบบเดียวกับซ้อมอัคคีภัยในองค์กร
  • 4.
    ​สร้างศูนย์บัญชาการฉุกเฉินแห่งชาติ (NCEC) ที่สามารถควบคุมระบบได้แม้ในภาวะวิกฤต
1
ด้านภาคธุรกิจ
  • 1.
    ​จัดทำแผน BCP และ DRP (Disaster Recovery Plan) สำหรับระบบหลัก เช่น IT, เครื่องจักร, การเงิน
  • 2.
    ​ลงทุนในระบบไฟสำรอง/Generator และ Battery Backup โดยเฉพาะในโรงงาน, Data Center, โรงพยาบาล
  • 3.
    ​ฝึกอบรมพนักงานให้พร้อมรับมือการทำงานแบบออฟไลน์
ด้านครัวเรือนและชุมชน
  • 1.
    ​เตรียมเครื่องใช้สำรอง เช่น ไฟฉาย, พาวเวอร์แบงก์, น้ำสะอาด, อาหารแห้ง
  • 2.
    ​สร้างกลุ่มชุมชนเพื่อช่วยเหลือกันในภาวะวิกฤต เช่น กลุ่มเวรยาม, จุดแจกน้ำ
  • 3.
    ​ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ตามบ้านเพื่อพึ่งพาตนเองในยามฉุกเฉิน
1
สำหรับผู้นำ
ประเทศไทยไม่ควรรอให้
“ไฟดับก่อนค่อยคิด” แต่ควรเริ่มวางแผนเชิงรุกด้วยมุมมองระบบ และการประสานงานข้ามภาคส่วน การสร้าง “ความยืดหยุ่นระดับระบบ” (Systemic Resilience) คือหัวใจในการอยู่รอดของประเทศในยุคที่ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างจะเกิดได้ตลอดเวลา
1
แต่ที่แน่ๆอ่ะ
อดกิงกะแฟกันเลย
จะด้งจะดิฟอะไรก่ะ
คงต้องหักไม้ก่อไฟ
มานั่งคุยกัน ต้มกาแฟ
ซะนั่น ยิ่งถ้าดับสนิท
น้านนานรึยาวนานเลย
ตอนไฟไม่ดับกาแฟรึขนมหวานดีนะ
เราอาจได้เจอกันใน
วันที่ไม่มีแสงไฟแต่มี
เพียงเปลวไฟที่ช่วย
กันสุ่มกันหนาวให้กัน
“ยินดี”นะ
โฆษณา