เมื่อวาน เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์

บริษัทพันล้านอาจทำได้ด้วยคนๆ เดียว ไม่ต้องมีพนักงาน ใช้ AI แทน?

ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน คงไม่มีใครคิดว่า “คนๆ เดียว” จะสามารถสร้างธุรกิจระดับพันล้านได้ แต่ตอนนี้ โลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคใหม่ที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของบริษัทได้ ด้วยตัวคนเดียว และเพียงแค่ใช้ AI เป็นผู้ช่วยงานเป็นหลัก ซึ่งอาจสามารถทดแทนพนักงานได้จำนวนมาก
จากภาพวันวานของมนุษย์เงินเดือนที่เคยบ่นเรื่องเจ้านาย เคยท้อกับการเมืองภายในบริษัท หรือเต็มไปด้วยความเครียดและความกดดันขององค์กร ฯลฯ แต่ในอนาคตอันใกล้พนักงานหลายคนอาจกลายเป็นผู้ประกอบการเดี่ยว สร้างบริษัทเองได้โดยที่ไม่ต้องมีพนักงาน ไม่ต้องมีออฟฟิศ และไม่ต้องมีแผนกการตลาด เพราะทุกอย่าง... AI จัดให้ได้
นี่คือแนวคิดที่ "ทิม คอร์ติโนวิส" (Tim Cortinovis) นักอนาคตศาสตร์และนักธุรกิจ ได้นำเสนอไว้ในหนังสือ "Single-Handed Unicorn: How to Solo Build a Billion-Dollar Company" ผู้ซึ่งเชื่อว่า การสร้างบริษัทพันล้านไม่จำเป็นต้องมีพนักงานประจำแบบฟูลทีมอีกต่อไป “แค่มีปัญหาที่อยากแก้ เลือกใช้เครื่องมือ AI ที่เหมาะสม และมีฟรีแลนซ์ช่วยเสริมเล็กน้อย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะสร้างอาณาจักรธุรกิจได้แล้ว” เขากล่าวไว้ในการสัมภาษณ์ล่าสุด
1
ขณะที่ "แซม อัลท์แมน" (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI ก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เขาบอกว่า อีกไม่นานผู้คนอาจจะได้เห็นบริษัทที่มีคนทำงานแค่ 10 คน แต่มีมูลค่าหลักพันล้าน และกำลังจะมี ‘บริษัทพันล้านที่มีเจ้าของแค่คนเดียว’ ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งถ้าไม่มี AI เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้เลย
📌 สร้างบริษัทแบบลุยเดี่ยว ทำได้จริงไหม ต้องเริ่มยังไง?
หลายคนคงสงสัยว่าการสร้างบริษัทขึ้นมา แล้วบริหารมันด้วยตัวคนเดียวจะเป็นไปได้จริงแค่ไหน? เรื่องนี้นักอนาคตศาสตร์มีคำตอบว่า อาจมีความเป็นไปได้ แต่ชัดเจนว่า..อย่าเริ่มจากเทคโนโลยีมา แต่ให้เริ่มจาก “ปัญหา” ก่อน แล้วค่อยหาเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมมาแก้ปัญหานั้นมาใช้
เหมือนกับกรณีของ “เอมิลี่” ตัวละครสมมติในหนังสือเล่มดังกล่าว ที่สะท้อนภาพของคนทำงานยุคใหม่ เอมิลี่ไม่ได้มองตัวเองเป็นเจ้าของกิจการเลยด้วยซ้ำตอนเรียนจบ เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยตามคำแนะนำของครอบครัว แล้วก็เข้าสู่วังวนชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำตามคำสั่งแบบไม่ถามอะไรได้เลย
แต่เธออยากมีธุรกิจอีคอมเมิร์ซของตัวเอง! แม้จะไม่ใช่วิศวกร ไม่ใช่นักเขียนโค้ด แต่เธอสังเกตเห็นปัญหาหนึ่งที่หลายแบรนด์ขนาดเล็กกำลังเผชิญ นั่นคือ โฆษณา Facebook ที่ไม่คุ้มค่าเงินลงทุน เอมิลี่จึงหันมาใช้แพลตฟอร์มแบบ “no-code” ที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง เพื่อแก้ปัญหานี้ และเริ่มต้นธุรกิจของเธอ
1
📌 เปิดตัวอย่างการใช้งาน AI แทนพนักงาน ในโมเดลนี้
อย่างแรกที่ตัวละครตัวนี้พาเราเข้าไปรู้จักก็คือ แพลตฟอร์มอย่าง Bubble มันทำให้คนที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้ง่ายๆ ด้วยระบบลากแล้ววาง (drag-and-drop) ต่อข้อมูลเข้ากับซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้ในอินเทอร์เฟซเดียว TechCrunch ถึงกับบอกว่า Bubble กำลัง “ทำให้ทุกคนสร้างสตาร์ทอัพของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเขียนโค้ดเป็นหรือไม่”
หลังจากเอมิลี่สร้างแดชบอร์ดสำหรับช่วยลูกค้าจัดการโฆษณาบน Facebook ได้แล้ว เธอยังใช้เครื่องมืออย่าง AdCreative.ai เพื่อสร้างข้อความโฆษณาและภาพโปรโมตที่มีแนวโน้มขายได้สูง โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีโฆษณาคุณภาพสูงนับหมื่นชิ้นมาฝึก AI
แม้จะไม่มีทีมครีเอทีฟมาร่วมคิดงาน แต่เอมิลี่ก็มี AI อย่าง ChatGPT คอยช่วยคิดแทน ทั้งเรื่องแผนธุรกิจ หรือแม้แต่การสื่อสารกับลูกค้าที่มีปัญหาส่วนตัว
จากพนักงานที่เคยรู้สึกไร้อำนาจ ไม่นาน.. เธอก็กลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่ควบคุมทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่ คอร์ทิโนวิส นักเขียนหนังสือเล่มนี้ย้ำอยู่เสมอก็คือ อย่าเริ่มจากเทคโนโลยีแต่ให้เริ่มจาก “ปัญหา” แล้วค่อยหา AI มาช่วยแก้ จนเกิดเป็นโมเดลใหม่ที่เขาเชื่อว่า การสร้างบริษัทด้วยตัวคนเดียวนั้นเป็นไปได้ โดยใช้ AI เป็นพลังเสริม ไม่ต้องมีทีม ไม่ต้องมีออฟฟิศ ไม่ต้องพึ่งระบบเดิมๆ ที่เคยต้องมีแผนกเป็นสิบและพนักงานเป็นร้อย
📌 เส้นทางนี้ แน่นอนว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แม้วันนี้จะยังไม่มีใครสร้างบริษัทพันล้านด้วยตัวคนเดียวสำเร็จจริงๆ แต่เมื่อเรามองไปข้างหน้าในยุค 2030 มันก็ใกล้เข้ามาทุกที และนั่นทำให้คำว่า “Solopreneur” หรือเจ้าของกิจการเดี่ยว อาจไม่ใช่แค่คำเก๋ๆ อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจคนเดียวก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ โดยเฉพาะเรื่อง “ความเหงา” นักอนาคตศาสตร์แนะนำให้หาเครือข่ายผู้ประกอบการกลุ่มเล็กๆ ที่ช่วยกันแชร์ปัญหา แบ่งปันแนวคิด และเติบโตไปด้วยกัน เพราะไม่ว่าเทคโนโลยีจะล้ำแค่ไหน มนุษย์ก็ยังต้องการพื้นที่ในการพูดคุยและได้รับพลังใจ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเกิดองค์กรอย่าง Vistage หรือ YPO ขึ้น นั่นก็เพื่อให้ผู้นำธุรกิจได้รวมกลุ่มกันในแบบ Mastermind group แลกเปลี่ยนปัญหา แบ่งปันมุมมอง และช่วยกันเติบโต ทั้งในมิติธุรกิจและชีวิตส่วนตัว
ดังนั้น ในโลกการทำงานที่รูปแบบออฟฟิศเดิมๆ กำลังจางหายไป และการสร้างบริษัทแบบลุยเดี่ยวอาจเข้ามาแทน คำถาม ณ วันนี้จึงไม่ใช่ว่า “มันจะเกิดขึ้นไหม” แต่คือ “ใครจะเป็นคนทำมันสำเร็จคนแรก?” บางที…อาจเป็นคุณก็ได้
โฆษณา