วันนี้ เวลา 05:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

“Joker: Folie à Deux” คือหนังเจ๊งหนักสุดของปี 2024 ขาดทุนกว่า $144.2 ล้านเหรียญ

เมื่อถึงช่วงต้นไตรมาสสองของปี ด้านสื่ออย่าง Deadline ก็จะทำการรายงานสรุปยอดรายได้ของภาพยนตร์ปีก่อน ๆ ที่สามารถทำรายได้และสร้างกำไรได้มากสุดของปี โดยขณะที่ปี 2023 เป็นปีของ “The Super Mario Bros. Movie” จาก Universal ที่ทำกำไรได้มากสุดกว่า $559 ล้านเหรียญ และเป็นคราวเคราะห์ของภาคต่อหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง “The Marvels” จาก Disney ที่ขาดทุนมากถึง $237 ล้านเหรียญ
โดยทางรายงานจาก Deadline ซึ่งทำหน้าที่รวมรวบข้อมูลตัวเลขรายได้ของภาพยนตร์ประจำปี 2024 ภายใต้ชื่อ “Deadline’s Most Valuable Blockbuster Tournament” นั้น ก็ได้ทำการเผยข้อมูล ถึงรายชื่อภาพยนตร์ที่ถูกคัดเลือกมา 5 เรื่องที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2024 ซึ่งน่าสนใจว่า 4 ใน 5 คือหนังที่สร้างมาจาก IP หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่น่าจะดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาได้ แต่กลับล้มเหลวทางรายได้อย่างไม่คาดคิด
ทั้งนี้ ภายในรายงานยังชี้แจงด้วยว่า ภาพยนตร์จาก Apple Original Films และ Amazon MGM Studios นั้น จะไม่ถูกนำมารวบรวมด้วยในรายชื่อนี้
“Joker: Folie à Deux” : ขาดทุน -$144.25 ล้านเหรียญ
โดยในรายชื่อของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักสุดของปี 2024 ได้แก่ “Joker: Folie à Deux” ของ Warner Bros. ซึ่งทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกทั้งสิ้น $207.5 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $227 ล้านเหรียญ
แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $200 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $371.3 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “Joker: Folie à Deux” ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $144.25 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ รายงานยังไม่ได้วิเคราะห์ถึง ความล้มเหลวทางรายได้ของ “Joker: Folie à Deux” สักเท่าไหร่ นอกเหนือจากการชี้ถึงความมั่นใจจากทาง Warner Bros. ที่มอบอำนาจและความไว้วางใจให้กับผู้กำกับ ฯ อย่าง ท็อดด์ ฟิลลิป ได้รับงบที่สูงระดับ $200 ล้านเหรียญ ส่วนนึงก็จากความสำเร็จจาก “Joker” ภาคแรก รวมถึงชื่อชั้นที่เคยฝากไว้กับแฟรนไชส์อย่าง “The Hangover” อีกทั้งการดึงตัว เลดี้ กาก้า มารับบทเป็น ฮาร์ลีย์ ควินน์ ก็ดูจะเป็นสิ่งน่าดึงดูด ที่จะทำให้ตัวหนังสร้างเม็ดเงินได้อย่างงาม
แต่ไม่กระนั้น “Joker: Folie à Deux” กลับเป็นความล้มเหลว ที่การตีความมหากาพย์อาชญากรรมของตัวละครวายร้ายแห่งเมืองก็อธแทมฉบับของฟิลลิป ที่คงรูปอยู่ในรูปแบบมิวสิคัลในภาคต่อนี้นั้น ไม่ได้ดึงดูดใจผู้ชมเท่าไหร่นัก
“Furiosa: A Mad Max Saga” : ขาดทุน -$119.6 ล้านเหรียญ
ส่วนอันดับสอง ของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดของปี 2024 ก็ยังเป็นของ Warner Bros. นั่นคือหนังภาคต้นแดนรกร้างอย่าง “Furiosa: A Mad Max Saga” ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $174.2 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $211 ล้านเหรียญ
แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $168 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $330.6 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “Furiosa: A Mad Max Saga” ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $119.6 ล้านเหรียญ
ซึ่งปัจจัยของการขาดทุนนั้น รายงานวิเคราะห์ถึง การตัดสินใจสร้างภาคต้นแทนที่จะเป็นภาคต่อ หรือกระทั่ง การเดิมพันเลือก อันย่า เทย์เลอร์-จอย มารับบท ฟูริโอซ่า ในวัยเยาว์ แทนที่จะนำ ชาร์ลิซ เธอรอน กลับมารับบทบาทเดิม รวมถึงการตลาดของหนังที่คล้ายคลึงกับ “Mad Max: Fury Road” อย่างมาก ซึ่งถึงแม้ตัวหนังจะกวาดเสียงชื่นชมและเสียงปรบมือจากการปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ แต่ด้วยจำนวนแฟนหนังที่ค่อนข้างจำกัด จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวหนังขาดทุนระดับร้อยล้านเหรียญครับ
“Borderlands” : ขาดทุน -$80 ล้านเหรียญ
อันดับสาม ของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2024 คือ หนังดัดแปลงจากเกมอย่าง “Borderlands” ของ Lionsgate ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $33 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่ก็มีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $104 ล้านเหรียญ
และเมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $120 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $184 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “Borderlands” ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $80 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ แม้การดึงตัวเกมที่มียอดจัดจำหน่ายราว 68 ล้านชุดทั่วโลกมาดัดแปลงเป็นหนัง แต่ “Borderlands” ก็ไม่ใช่เกมที่มีชื่อชั้นกว้างขวางเท่า “Minecraft” หรือ “Sonic the Hedgehog” ปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวหนังไม่ประสบความสำเร็จ ก็คือทิศทางการนำเสนอที่ไปในแนว หนังหลังโลกล่มสลายแนวพังก์ที่ผสมผสานกันระหว่าง “Tank Girl” กับ “Mad Max” รวมถึง การดึงนักแสดงเจ้าของรางวัลออสก้าร์ 2 สมัยอย่าง เคท บลันเชตต์ มารับบทนำ ก็ดูจะไม่ตอบโจทย์แฟนเกมเสียเท่าไหร่
“Megalopolis” : ขาดทุน -$75.5 ล้านเหรียญ
ในขณะที่สามอันดับก่อนหน้า ล้วนเป็นหนังแฟรนไชส์ ภาคต่อภาคต้น ซึ่งการขาดทุนอาจเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ แต่สำหรับอันดับสี่ของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2024 คือ โครงการในฝัน ภาพยนตร์เรื่องแรกในรอบเกือบ 20 ปีของผู้กำกับฯ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า อย่าง “Megalopolis”
โดยโครงการหนังแสนสุดเหวี่ยงและกล้าหาญเรื่องนี้ของคอปโปล่า ก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกไปน้อยนิดราว $14.4 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์, การฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง รวมถึงการขายสิทธิจัดจำหน่ายในต่างประเทศ อยู่ที่ราว $70.5 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ แม้จะมีกระแสที่ไม่สู้ดีต่อตัวหนังมากมายก่อนหน้าเข้าฉาย แต่ตัวหนัง ก็แทบไม่ได้รับผลกระทบต่อยอดรายได้จากการเข้าฉายทั่วโลกของ “Megalopolis” ที่ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ เนื่องด้วยเหตุผลของตัวหนังที่เข้าใจได้ยาก นับตั้งแต่เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ซึ่งถึงแม้ยอดการเข้าฉายรวมทั่วโลกจะต่ำมาก แต่ตัวหนังก็สามารถทำยอดคืนจากการขายสิทธิฉายในต่างประเทศ รวมเป็นมูลค่ากว่า $50 ล้านเหรียญ
แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $120 ล้านเหรียญ ซึ่งคอปโปล่าออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด จากการกู้ยืมในกรรมสิทธิที่มีจากไร่ไวน์องุ่นของตนเอง, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $146 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “Megalopolis“ ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $75.5 ล้านเหรียญ
“Kraven the Hunter” : ขาดทุน -$71 ล้านเหรียญ
ปิดท้ายด้วย อันดับที่ห้าของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2024 คือ “Kraven the Hunter” ของ Sony Pictures ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $62.1 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $120 ล้านเหรียญ
แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $110 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $191 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “Kraven the Hunter” ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $71 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ “Kraven the Hunter” ก็เป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวต่ำสุดสำหรับหนังฮีโร่ Sony/Marvel และถือเป็นหนังที่มีงานถ่ายซ่อมจนดึงให้ทุนสร้างพุ่งไปถึงระดับ $110 ล้านเหรียญ แถมยังถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของผู้ชมที่มีต่อหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ ยังไม่นับการที่ตัวหนังขยับกำหนดฉายอยู่หลายครั้ง อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ตัวหนังไม่น่าดึงดูดอีกต่อไป
ที่มา : Deadline – Four Fanboy Flicks Bomb Out In Deadline’s 2024 Most Valuable Blockbuster Tournament
โฆษณา