เมื่อวาน เวลา 05:17 • ข่าวรอบโลก

📌 เมื่อพิธีจบการศึกษากลายเป็นสนามต่อสู้ทางนโยบาย

📚 Crackdown on Diversity Programmes is Reshaping College Graduation Ceremonies
มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ เริ่มยกเลิกพิธีจบการศึกษาสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศ และภูมิหลัง หลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เร่งรัดการปฏิรูปนโยบาย DEI (Diversity, Equity and Inclusion) ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ โดยอ้างว่าพิธีเหล่านี้เข้าข่าย “แบ่งแยกเชื้อชาติ” ซึ่งขัดต่อคำตัดสินของศาลสูงสุดในปี 2023
🎓 พิธีจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเฉพาะถูกรื้อถอน
ที่มหาวิทยาลัย Kentucky พิธีสำหรับนักศึกษา First-Gen (คนแรกในครอบครัวที่เรียนจบมหาวิทยาลัย) นักศึกษา LGBTQ+ และนักศึกษาผิวดำ ถูกยกเลิกแบบกะทันหัน ท่ามกลางความผิดหวังของผู้เรียนที่เฝ้ารอการเฉลิมฉลองร่วมกับคนที่เข้าใจประสบการณ์เดียวกัน
🗣️ “มันเหมือนกับว่าคุณไม่ให้เราเป็นตัวของตัวเอง ไม่ให้เราฉลองในแบบที่เราเป็น” – Austin Kissinger ผู้นำนักศึกษากลุ่ม First Generation
🏛️ การแทรกแซงของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต่อวิทยาลัย
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ส่งจดหมาย “Dear Colleague” ไปยังมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ระบุว่าการจัดกิจกรรมที่แยกนักศึกษาตามเชื้อชาติหรือรสนิยมทางเพศอาจละเมิดสิทธิ์ของกลุ่มอื่น โดยเฉพาะคนผิวขาวและชาวเอเชีย ทำให้มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวทั้งในแง่การรับนักศึกษา ทุนการศึกษาและพิธีจบการศึกษา
⚖️ “นี่คือภาพสะท้อนอันน่าเศร้าของยุคที่เคยมีการแบ่งแยกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ” – Craig Trainor กระทรวงศึกษาธิการ
🌈 การตอบสนองของชุมชนและมหาวิทยาลัยบางแห่ง
แม้บางสถาบันอย่าง Harvard จะหยุดสนับสนุนงบประมาณและสถานที่จัดพิธีเฉพาะกลุ่ม แต่ก็มีอีกหลายแห่ง เช่น Cal State Long Beach ที่ยังจัดพิธีแบบเปิดสำหรับทุกคนภายใต้หลักการ “รวมทุกคนอย่างเท่าเทียม” เช่น พิธีสำหรับชาวเกาะแปซิฟิก หรือชาวกัมพูชา ที่ใครก็เข้าร่วมได้
🏙️ ที่รัฐแอริโซนา ชุมชนชนเผ่า Salt River Pima-Maricopa ยื่นมือเข้าช่วยจัดพิธีให้กับนักศึกษาชาวอเมริกันพื้นเมืองแทน
📌 ผลกระทบต่อโลกและไทย
📉 ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนแนวโน้ม "รัฐนิยม" ที่กำลังทวีความเข้มข้นในหลายประเทศ ซึ่งอาจถูกเลียนแบบโดยรัฐบาลอื่นๆ ที่ต่อต้านแนวคิดเสรีนิยม เช่น การจำกัดสิทธิ์ของกลุ่มหลากหลายเพศ เชื้อชาติ หรือชนกลุ่มน้อยในระบบการศึกษา
🇹🇭 สำหรับประเทศไทย แม้ยังไม่มีนโยบายยกเลิกพิธีจบการศึกษาแบบเฉพาะกลุ่ม แต่มหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดตะวันตก อาจต้องทบทวนรูปแบบกิจกรรมภายในใหม่ หากมีแรงกดดันจากนโยบายรัฐหรือสังคมนิยมที่เข้มข้นขึ้น
💼 ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย
📊 หากแนวโน้มต่อต้าน DEI ขยายไปสู่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินงานในระดับสากล อาจส่งผลให้
📉 หุ้นในกลุ่มที่มี ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เป็นจุดขาย เช่น BCPG, BGRIM, GPSC และ SCGP อาจเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่จับตาประเด็นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด หากมีเหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับหลักการเหล่านี้ แม้จะมีคะแนน ESG ในระดับสูงก็ตาม
🏫 หุ้นกลุ่มการศึกษาเอกชน ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น SISB อาจต้องปรับกลยุทธ์ด้านประชาสัมพันธ์และกิจกรรมภายในให้ปลอดการแบ่งแยกหรือเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่นักเรียนต่างชาติเริ่มแสดงความกังวลต่อประเด็นความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมในสังคมพหุวัฒนธรรม
📌 บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการจ้างงานที่หลากหลาย เช่น CPALL, SCB, PTTGC ควรเตรียมรายงานนโยบายด้าน DEI อย่างโปร่งใส เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับตามองจากองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
🔍 บทสรุป
เหตุการณ์นี้สะท้อนแรงกดดันจากนโยบายรัฐบาลต่อเสรีภาพในรั้วมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังสั่นคลอนบทบาทดั้งเดิมของสถาบันการศึกษาในฐานะแหล่งรวมความคิดหลากหลาย หากแนวคิดนี้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่น อาจกลายเป็นแรงสะเทือนต่อประชาธิปไตยเชิงวัฒนธรรมทั่วโลก
🏷️ Hashtags ที่เกี่ยวข้อง
#WorldScope #CampusUnderPressure #DEICrackdown #สิทธิความหลากหลาย #พิธีจบการศึกษา #นโยบายทรัมป์ #FirstGenVoices #LGBTQStudents #AcademicFreedom #ThaiStockImpact
โฆษณา