เมื่อวาน เวลา 09:58 • ข่าว

นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศตัดสัมพันธ์สหรัฐ

หลังงานเลือกตั้งครั้งล่าสุดของแคนาดา เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ชาวแคนาดาก็ได้นายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ชื่อ นาย มาร์ก คาร์นีย์
1
แม้เขาจะไม่ใช่นายกฯ คนใหม่แกะกล่อง เพราะได้มารับช่วงต่อจาก จัสติน ทรูโดว์ ที่ได้สละตำแหน่ง ลาออกไปเมื่อตอนเดือนมีนาคม เป็นการชั่วคราว ก่อนที่เขาจะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ และสามารถรักษาฐานเสียงของพรรคเสรีนิยม กลับเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแคนาดาผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่สมบูรณ์
5
และทันทีที่นัดประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่กรุงออตตาวา มาร์ก คาร์นีย์ ก็ได้กล่าวชัดเจนในที่ประชุมว่า "ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรครั้งเก่าระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของการบูรณาการด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และ การทหารที่เคยมีร่วมกันมานั้น ได้สิ้นสุดลงแล้ว และแคนาดาจะตอบโต้ภาษีนำเข้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะสร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน"
2
ความขัดแย้งระหว่าง ทรัมป์ และ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของแคนาดา ผู้มีดีกรีเป็นถึงอดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติแคนาดา และ ธนาคารกลางอังกฤษ มีมาตั้งแต่ที่ทรัมป์ หลุดปากพูดว่าอยากให้แคนาดามาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ อีกทั้งการประกาศนโยบายขึ้นกำแพงภาษี รถยนต์ และ ชิ้นส่วน อะไหล่รถยนต์ที่นำเข้าสหรัฐด้วยอัตรา 25% เป็นการถาวร
มาร์ก คาร์นีย์ ได้อ้างถึง ข้อตกลงผลิตภัณฑ์ยานยนต์ แคนาดา-สหรัฐ ที่เคยเซ็นร่วมกันมาตั้งแต่ปี 1965 นั้นเป็นการบรรลุข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเขา แต่นโยบายภาษีของทรัมป์ ทำลายมันจนหมดสิ้นไปแล้ว
1
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แคนาดาก็จะสามารถรักษาอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไว้ได้ แม้จะเจอภาษีของสหรัฐก็ตาม โดยรัฐบาล และ กลุ่มนักธุรกิจจะหันหน้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อคิดใหม่ ทำใหม่ หาเครื่องมือใหม่ๆ มาพัฒนาอุตสาหกรรมของเราต่อไป
1
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ความแข็งกร้าวของ มาร์ก คาร์นีย์ ต่อนโยบายของทรัมป์ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากจัสติน ทรูโดว์ มีผลต่อการเลือกตั้ง ที่ทำให้พรรคเสรีนิยมได้ที่นั่งในสภามากขึ้น ท่ามกลางกระแสต่อต้านสินค้าสหรัฐ ในแคนาดาที่ยกระดับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
อันจะส่งผลถึงการเจรจา หาทางออกในข้อพิพาทเรื่องภาษีศุลกากรระหว่าง 2 ชาติจะมีความซับซ้อน และ รุนแรงขึ้นเช่นกัน
มาร์ก คาร์นีย์ ได้ปราศรัยกลางกลุ่มผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลพรรคเสรีนิยมของเขาว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการดินแดนของเรา ทรัพยากร และ น้ำ จากประเทศของเรา นั่นไม่ใช่การใช้คำพูดคุกคามโดยไร้เหตุผล แต่เขาตั้งใจที่จะทำลายเราจริงๆ เพื่อครอบครองสิ่งที่เป็นของชาวแคนาดา ซึ่งมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น"
1
คาร์นีย์ยังชูนโยบายต่อต้านภาษีการค้าของทรัมป์ และจะเพิ่มช่องทางกระจายความร่วมมือทางเศรษฐกิจออกไปยังประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่สหรัฐมากขึ้น ซึ่งเขามั่นใจว่าแคนาดามี "ทางเลือก" อื่นๆอีกมากมายที่จะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปหวาดกลัวกับแรงกดดันจากประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ และเขาจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตย และ เอกราชทางเศรษฐกิจของแคนาดา
2
คำประกาศของมาร์ก คาร์นีย์ จึงเป็นการวางจุดยืนให้กับรัฐบาลแคนาดาต่อจากนี้ว่าจะอยู่ตรงข้ามกับทรัมป์เพื่อต่อต้านนโยบายกำแพงภาษี และ อื่นๆ ที่คุกคามแคนาดา ที่จะอาจแตกต่างจาก อดีตนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโดว์ ที่ก็เคยเป็นหนึ่งในผู้นำที่ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ ทรัมป์มาโดยตลอดตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1 แต่ก็ยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทางการทูตไว้ตามธรรมเนียมอยู่
1
แต่เมื่อมาถึงสมัยของมาร์ก คาร์นีย์ มีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่แค่เรื่องข้อพิพาทในนโยบายภาษีศุลกากร แต่เคลื่อนไหว (ทางวาจา) ของทรัมป์หลายครั้งที่แสดงออกว่าต้องการผนวกดินแดนแคนาดามาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่คุกคามแคนาดาในระดับความมั่นคง และอธิปไตยอย่างร้ายแรง เกินกว่าจะอ้างว่าเป็นแค่การพูดเล่นๆได้
ดังนั้น การประกาศตัดสัมพันธ์กับสหรัฐ อาจหมายถึงจุดเปลี่ยนสำคัญด้านความสัมพันธ์ทางการค้า และ การทูตระหว่าง 2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ที่คาร์นีย์แย้มว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของแคนาดา
1
ไม่มีอีกแล้ว เพื่อนเก่า เพื่อนแก่ มีแต่เพื่อนบ้านที่จ้องจะหยุมหัวกันดี หยิกหลังกันบ่อย มิตรแท้ไม่มี แต่ศัตรูถาวรไม่แน่ รักกันมาเป็นสิบๆปี เจอทรัมป์แค่ 100 วัน ถึงขั้นประกาศตัดเพื่อนกันได้เลยทีเดียว
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา