2 พ.ค. เวลา 06:30 • ข่าวรอบโลก

ภาษีทรัมป์จ่อฉุด Apple แบกต้นทุนเพิ่มอีก 3 หมื่นล้าน แม้ผลงาน Q2/68 เติบโตดีกว่าที่คาด

Apple เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม ชี้รายได้รวมสุทธิเกินความคาดหวังของนักวิเคราะห์ แต่รายได้จากธุรกิจบริการ หรือ Services กลับต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้หุ้นบริษัทร่วงลงสูงสุดถึง 4% หลังปิดตลาด
โดยมีตัวเลขไฮไลต์ของผลประกอบการเทียบกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ (LSEG) ดังนี้
- รายได้รวม: 95,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สูงกว่าคาดที่ 94,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- รายได้จาก iPhone: 46,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สูงกว่าคาดที่ 45,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- รายได้จาก Mac: 7,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สูงกว่าคาดที่ 7,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- รายได้จาก iPad: 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สูงกว่าคาดที่ 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- รายได้จาก Wearables, Home, Accessories: 7,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ต่ำกว่าคาดที่ 7,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- รายได้จากบริการ (Services): 26,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ต่ำกว่าคาดที่ 26,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin): 47.1% เท่ากับที่คาดไว้
ทั้งนี้ Apple รายงานกำไรต่อหุ้น 1.65 ดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิที่ 24,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 23,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน
สินค้ากลุ่ม iPhone, Mac และ iPad ยังเติบโตแรง โดย iPhone ยังถือเป็นสินค้าหลัก และในส่วนของ iPad และ Mac ก็ได้ทำการเปิดตัว iPad Air และ MacBook Air รุ่นใหม่ในเดือนมีนาคมไปจึงทำให้รายได้ส่วนนี้แข็งแกร่ง ในขณะที่กลุ่ม Wearables อย่างเช่น Apple Watch, AirPods และอุปกรณ์เสริมเริ่มอ่อนตัว ซึ่งรายได้ของสินค้ากลุ่มนี้ลดลง 5% เป็นผลมาจากการเปิดตัว Vision Pro ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับธุรกิจบริการที่รวมรายได้จาก iCloud, Apple Music, Apple TV+, การรับประกัน และการดีลกับ Google ก็เติบโตขึ้น 11.65% และแม้จะเป็นจุดทำกำไรสูงของบริษัท แต่ก็ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ และเติบโตน้อยกว่าปีที่แล้วที่ 14.2%
ภาษีนำเข้ายังไม่กระทบในไตรมาสนี้
Tim Cook ซีอีโอของ Apple ออกมากล่าวระหว่างการประชุมกับนักวิเคราะห์ว่า ภาษีนำเข้า นโยบายใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ส่งผลกระทบมากนักในไตรมาสนี้ เนื่องจากสามารถบริหารจัดการซัพพลายเชนได้ดี แต่คาดว่าในไตรมาสถัดไปบริษัทอาจจะต้องเพิ่มต้นทุนขึ้นอีกราว 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 30,052 ล้านบาท) หากไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน Apple คาดว่ารายได้ในไตรมาสถัดไป (สิ้นสุดมิถุนายน) จะเติบโตในช่วงตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำถึงกลาง เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 85,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 46%
โดย Tim Cook ยังได้เปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC อีกว่า ขณะนี้ iPhone สำหรับตลาดสหรัฐฯ ประมาณครึ่งหนึ่งผลิตจากอินเดีย ส่วนสินค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ย้ายฐานมาที่เวียดนาม ซึ่งมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าจีน แต่ก็ยังคงพึ่งพาจีนเป็นฐานผลิตหลักสำหรับตลาดโลก นอกจากนี้ Cook เผยว่า Apple จะทำการซื้อชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ สูงถึง 19,000 ล้านชิ้นในปีนี้อีกด้วย
ตลาดจีนยังท้าทาย - ตลาดอเมริกาฟื้นตัว
ทั้งนี้ ยอดขายสินค้าและบริการของ Apple ในจีนแผ่นดินใหญ่รวมถึงไต้หวันและฮ่องกงลดลงมาเล็กน้อยมาอยู่ที่ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Cook ชี้ว่าถ้าไม่คิดผลกระทบจากอัตราการแลกเปลี่ยน จริง ๆ แล้วยอดขายในจีนจะยังทรงตัว
ขณะที่ตลาดสหรัฐอเมริกาเติบโตถึง 8% และไม่ได้มาจากผลที่ผู้บริโภคเร่งซื้อก่อนภาษีใหม่จะดำเนินการ โดย Tim Cook กล่าวว่า “เรามีความเชื่อว่า ในไตรมาสเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังไม่มีการเร่งสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากภาษีนำเข้า เพราะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องนี้เลย”
ท้ายที่สุด Tim Cook ยังได้ยืนยันอีกว่า Apple ได้ทำการเลื่อนเปิดตัวฟีเจอร์ AI ที่เคยประกาศในปีที่แล้วออกไปเป็นปีนี้ เพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของบริษัท โดยมีรายงานว่าฟีเจอร์ที่เลื่อนออกไปมีทั้งการอัปเกรด Siri และฟังก์ชันที่เคยโฆษณาไว้ก่อนหน้านี้
ที่มา: Apple, CNBC
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
โฆษณา