3 พ.ค. เวลา 11:47 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

ทวีปมู กับ ทวีปเลมูเรีย บักคุณเจมส์ เชิชเวิร์ด กำลังลวงสิ่งใดให้ผู้ชมบนแผนที่โลก ?? (2)

เวบเพจที่สอง เป็นเวบบล้อกนะครับ https://www.blockdit.com/posts/5eaab63ca9681f0ca87f832c
เราได้สิ่งใดบ้าง จากเวบบล้อกของเขา สิ่งที่อยากจะขยายเนื้อหาให้คือ เมื่อสมัยห้าหมื่นปีก่อน ที่บักเจมส์ เชิชเวิร์ดระบุกล่าวอ้างนั้น ถึงการมีอยู่ของทวีปมู มันตรงกับยุคสมัยใด มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เมื่อเรามาพิเคราห์ะ พิจารณาตัวเลขห้าหมื่นปีกลมๆลวงโลกของบักเจมส์ เชิชเวิร์ด ก็ไม่ใช่สิ่งไร้สาระสักทีเดียวเลย เมื่อห้าหมื่นปีก่อนคริสตศักราช ตรงกับยุคไพลโตซีน กลางครับ มันเป็นยุคน้ำแข็ง
ต่อมา บักเจมส์ เชิชเวิร์ด ก็กล่าวว่าทวีปมูนี้ก็เหมือนกับอารยธรรมอื่นๆ คือได้ล่มสลายหายไปกับมหันตยุค คือในยุคโฮโลซีน คือเมื่อราวๆ 12,000 BC เมื่อเราบวกลบคูณหารคำนวณดูแล้ว เมื่อ 62,000 BC (อายุห้าหมื่นปี คือความยาวนานของทวีปมู ของบักเจมส์ เชิชเวิ์ด) ก่อนนั้น ทวีปมูนี้ยังไม่จมหายลงไปไหนแน่นอน ตามคำกล่าวอ้างของเชิชเวิร์ด
เมื่อ62,000BC ตรงกับยุคสมัยใดบนโลก ?ก็ตรงกับยุคน้ำแข็ง หรือยุคไพลโตซีนอีกเช่นกัน แล้วถ้าย้อนเวลากลับขึ้นไปอีกล่ะ 70,000 BC ?,75,000BC? ,80,000BC? 90,000BC ?, 95,000 BC ,100,000BC? 150,000BC,200,000BC.... ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบยุคไพลโตซีน หรือยุคน้ำแข็ง
ตารางยุคธรณีกาล แสดงสมัยต่างๆของโลกดึกดำบรรพ์
อาณาจักรมู ก็น่าจะยังไม่สูญหายไปไหนบนแผนที่โลก อาณาจักรนี้น่าจะยังตั้งตระหง่านและมีผู้คนมากมายอยู่บนเกาะแห่งนี้ อารยธรรมนี้มีความเจริญรุ่งเรืองอาจจะมีจนถึงยุคโนโลจีนโน่นแหล่ะ หากพิจารณาจากตารางยุคธรณีกาล
แต่มันมีปัญหาอยู่นิดหน่อย เพราะว่าในยุคโนโลจีน นั้นมันมีแต่ลิงสองข้าง กับมนุษย์เผ่าโฮโมอีเล็กตรัส ที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดให้เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ มนุษย์เผ่าโฮโมมาอยู่ในยุคไพลโตซีน
มนุษย์เผ่าโฮโมอิเล็กตรัสนั้น ก็คือมนุษย์ลิงดีๆนี่เอง จะไม่มีเชื้อชาติอะไรต่างๆ ผิวขาว ผิวดำ ผิวแดง ผิวเหลืองอะไรก็ไม่มี อย่าง
ตาบักเจมส์ ว่าสมัยนั้นๆ บนเกาะมีคนหลายเชื้อชาติมาอาศัยอยู่ มีผู้นำเป็นพวกผิวขาวจั๊ว มนุษย์โฮโมอิเล็กตรัสนั้น คงจะไม่มีผิวสีขาวอย่างนั้นหรอกครับ มันก็ลิงเราดีๆนี่เองนั่นล่ะ สีผิวกายอย่างลิงกันไปหมด ปกครองก็คงจะปกครองอย่างเผ่าพันธุ์ลิง
แสดงว่า หากทวีปมู ของบักเจมส์ เชิชเวิร์ดมีอยู่จริงๆ น่าจะมีอายุไม่เกินยุคไพลโตซีนขึ้นไปแน่ๆ บักเจมส์นี่ น่าจะบวกๆขึ้นไปจนจรด
เพดานยุคโนโลจีนได้ แต่ทำไมเขาจึงไม่กล้าทำเช่นนั้น ยังไม่แน่ใจ?รึว่ายังมีหลักฐานไม่เพียงพอ? เลข ห้าหมื่นปีกลมๆนี่มันมีความสำคัญอย่างไร ?แล้วเลข65,000ล่ะ คืออะไร?บักเจมส์ จงใจให้มาลงเลขห้าหมื่นรึเปล่า?
50,000 *BC เป็นช่วงระยะเวลาที่มนุษย์เผ่าโฮโมซาเปี้ยนส์ กำลังเคลื่อนย้ายออกจากทวีปแอฟริกา เข้าไปตั้งถิ่นฐานรกรากอยู่ในทวีปยุโรปและเอเชีย หรือแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย จากแผ่นเปลือกโลกแอฟริกา เข้าไปสู่แผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย
เมื่อราวๆ65 ล้านปีBC แผ่นเปลือกโลกแอฟริกา เริ่มเข้ามาเคลื่อนย้ายประชิดติดกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย และเมื่อถึง50,000BC เผ่าโฮโมซาเปี้ยนส์เมื่อถูกผ่าตัดสำเร็จ ก็ได้เคลื่อนย้ายไปสู่ทวีปยุโรปอย่างรวดเร็ว ด้วยประการฉะนี้ล่ะครับ
และตัวเลข 50,000 ปี ยังบ่งบอกอะไรได้อีกล่ะ ? หนึ่ง สมัยนี้ มีวิวัฒนาการการพูดเป็นภาษาต่างๆ และสอง เริ่มมียีนส์การพูด **FOXP2
มันคล้ายๆกับเรื่องตำนานหอคอยบาเบล ในพระคริสต์คัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคเจเนซิส ซึ่งกล่าวว่า พระยะโฮวาท่านทรงพิโรธมนุษย์มาก ที่กล้าสร้างหอคอยที่สูงเสียดฟ้าอย่างนั้น จึงบันดาลให้ ผู้คนแตกกระจัดกระจายพลัดพรายกันออกไปคนละทิศละทาง และทำให้มนุษย์ติดต่อสื่อสารกันไม่เข้าใจด้วยมีหลายภาษา
นี่จึงเป็นความสำคัญของตัวเลข 50,000 ที่เจมส์ เชิชเวิร์ดจงใจให้บวกขึ้นไปพอดีกับเลขนี้ แสดงว่า ในความคิดของเขา เมื่อห้าหมื่นปีมาถึง ทวีปนี้ก็จมน้ำทะเลหายไปพอดีเลย และผู้คนบนเกาะก็แตกกระจัดกระจายกันไป และพูดกันคนละภาษาด้วย ตรงกับเรื่องหอบาเบลพอดี
เมื่อ 62,000 BC ล่ะ ?? ตัวเลขนี้ บ่งบอกว่าทวีปมูน่าจะยังไม่จมน้ำทะเลแปซิฟิคไปไหน แต่ถ้าเกินไปกว่านี้ล่ะ ไม่แน่แล้ว อาจไม่มีทวีปนี้ เพราะบักเจมส์ ดูท่าเค้าจะจงใจให้ตรงกับเลขกลมๆนี้ เนื่องจากธรณีกาลมันได้ และมันไปสอดคล้อง กับตำนานหอบาเบลด้วย บักเจมส์เค้าจึงให้มาลงพอดีกับจำนวนห้าหมื่นนี้ แสดงว่า เหนือขึ้นไปกว่านี้ รึต่ำลงไปกว่านี้ ก็จะไม่ใช่แล้ว
ก็คล้ายๆกับบักเจมส์โกหกเรา
และตาบักเจมส์กำลังกล่าวถึงศาสนาคริสต์อยู่ครับ มิใช่ศาสนาพุทธแต่อย่างใด เพราะมีทั้งเรื่องราวการอพยพของมนุษย์สมัยดึกดำบรรพ์ การเข้าไปสู่ทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกาของเผ่าโฮโมซาเปี้ยนส์ การมีวิวัฒนาการภาษาพูด และตำนานหอบาเบล
โฮโมซาเปี้ยนส์ เมื่อสามแสนปีก่อน ก่อนเคลื่อนย้ายเข้าไปยังยุโรปกับเอเชีย
ในบทความชิ้นนี้ เราก็ยังทราบอีกว่า ยังมีกลุ่มมนุษย์ที่ยังหลงเหลือรอดอยู่และได้แตกกระจัดพลัดพราย จนกระทั่งไปเล่าเรื่องราวความอัศจรรย์ของทวีปนี้ ให้ผู้คนที่อื่นๆฟัง รวมทั้งบักเจมส์ เชิชเวิร์ดด้วย จนเขาได้ยินเรื่องของจารึกแห่งนาอะคาลของนักบวชที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้
วิเคราะห์เวบไซต์นี้บ้าง ของอเมริกา
ทวีปมู เป็นชื่อของทวีปที่สาบสูญไปซึ่งมีแนวคิดมาจากนักเดินเรือในศตวรรษที่ 19 และนักเขียน Augustus Le Plongeon ซึ่งเป็นผู้ที่อ้างว่ามีอารยธรรมโบราณอย่างเช่น อารยธรรมอียิปต์, อารายธรรมเมโสอเมริกา ซึ่งคาดว่าผู้ลี้ภัยชาวมูมาตั้งรกรานอยู่ในบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก[1]แนวคิดนี้เริ่มมีการแพร่กระจายมากขึ้นหลังจากที่ James Churchward ผู้ที่อ้างว่าเขาเคยอาศัยในทวีปมูซึ่งตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก[2]
การที่มีแนวคิดว่าทวีปมูมีอยู่เริ่มมี่ข้อโต้แย้งถึงความเป็นไปได้ตามเวลาของ Le Plongeon's
นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีทวีปมู (พร้อมกับกรณีอื่น เช่น เรื่องของทวีปลีมูเรีย) เนื่องจากโครงสร้างทางกายภาพและสิ่งต่าง ๆ ไม่สอดคล้องกัน เช่น ระยะเวลาในการล่มสลายไม่ว่าจะจมหรือการทำลายในช่วงเวลาสั้น ๆ[3][4] การมีของทวีปมูปัจจุบันยังไม่มีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ[5][6]
กล่าวสรุปโดยรวม เขาไม่เชื่อบักเจมส์เลย เขาเชื่อนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นๆมากกว่า ที่ได้ออกมาคัดค้านกับบักเจมส์ เชิชเวิร์ด
น่าแปลกใจไหมครับ? ไม่น่าแปลกเลย เพราะพวกเขาเกรงอกเกรงใจชาวญี่ปุ่นและประเทศญี่ปุ่น เพื่อนร่วมมหาสมุทรน่านน้ำเดียวกันนั่นล่ะ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าชาวอาทิตย์อุทัย ว่าความจริงนั่นคืออะไร อเมริกาก็เลยเกรงใจมาก อีกประเทศ นั่นก็คือ ฟิลิปปินส์ ที่เขาไปครอบครองเหนือดินแดนนั่นล่ะครับ
สรุปว่า ตอนนี้บักเจมส์ของเรา ก็มีพยานคัดค้านเกิดขึ้นมาบนโลกแล้วครับ อย่างน้อยๆสองประเทศนี้ ว่าบักเจมส์บักหุ่งปลาแดกนี้โกหกหลายเติบอยู่
* มีบางเวบไซต์ใช้BP สลับกับ BC เช่น เวบที่นำมาอ้างอิงข้างล่างนี้ครับ BP นั้นย่อมาจาก Before Present ก่อนยุคปัจจุบัน จะใช้สำหรับเวลาที่ไม่มีความสำคัญอะไรมากมาย หรือไม่ค่อยมีความเด่นชัด เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แต่ถ้าใช้ BC แทรกมา แสดงว่าห้วงเวลานั้นๆ เป็นเหตุการ์ณสำคัญของพัฒนาการของศาสนาคริสต์ ก็จะมีสลับกันไป สลับกันมาบ้าง เขาคงพิจารณาว่า ห้วงเวลาใดมันชัดเจนสำหรับศาสนาคริสต์ ห้วงเวลาใดแค่เกี่ยวกับมนุษยชาติทั่วๆไปเฉยๆ
** ยีนส์การพูด นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย ค้นพบว่ามันอยู่ ปรากฏทั้งในมนุษย์นีแอนด์เดอทัลรุ่นสุดท้ายและมนุษย์ปัจจุบันด้วยอย่างแปลกใจ เพิ่มความน่าจะเป็นในข้อสันนิษฐานว่า มนุษย์นีแอนด์เดอทัลอาจจะพูดได้ และเป็นต้นรากของภาษา มีความแตกต่างกันสองตำแหน่ง ระหว่างนีแอนด์เดอทัลกับลิงชิมแพนซี และสามตำแหน่ง ระหว่างนีแอนด์เดอทัลกับหนู นั่นจึงทำให้นีแอนด์เดอทัลสามารถพูดได้เป็นภาษา หากแต่ว่า จะไม่สามารถออกเสียงสั้น ยาวของสระได้ดีเท่ากับมนุษย์โฮโมซาเปี้ยนส์ นักวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็ก
น้อยนี้ อาจย้อนไปถึงตั้งแต่200,000BC หรือ อาจจะไปถึง 400,000ปี BC เลยก็ได้ และยังพบยีนส์ชนิดนี้ ตั้งแต่ในหนูไปจนถึงลิงอุรังอุตังอีกด้วย
หนูกับลิงชิมแพนซี มีบรรพบุรุษร่วมกันจนถึง75ล้านปี BC ส่วนมนุษย์กับชิมแพนซี ก็เริ่มจากกันตั้งแต่ 7ล้านปีก่อน แต่บางเวบ กล่าวว่าพบยีนส์นี้ เมื่อราวๆห้าหมื่นปีก่อน คงจะเริ่มเมื่อมีมนุษย์โฮโมปรากฏขึ้นมาบนโลกแล้ว แต่ความจริง มันสามารถย้อนไปไกลได้เป็นแสนๆปีนะครับ สำหรับยีนส์ชนิดนี้
ขอขอบพระคุณอ้างอิง จาก
โฆษณา