Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Hi Story - ที่นี่มีเรื่องเล่า
•
ติดตาม
3 พ.ค. เวลา 14:15 • ประวัติศาสตร์
GS-EP.9–ครูกายแก้ว บรมครูผู้เรืองเวทย์
งานประติมากรรมน่าเกรงขามขนาดใหญ่ที่เคยถูกนำมาตั้งใจกลางกรุงเทพ มีกายสีดำ รูปร่างหน้าตาคล้ายคนแก่ แต่มีปีกคล้ายนก ตาสีแดง เล็บยาวสีแดงสด และมีเขี้ยวสีทอง คือสิ่งที่ผู้คนเรียกกันว่าครูกายแก้ว
มีเสียงร่ำลือถึงครูกายแก้วต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าครูกายแก้วเป็นเทพ บ้างก็ว่าเป็นอสูรกาย บ้างก็บอกว่าเป็นฤาษี หรือบางคนบอกว่าแท้จริงแล้วก็คือซาตาน แต่จริง ๆ แล้วครูกายแก้วคือสิ่งใดกันแน่? มีที่มาที่ไปอย่างไร? เชิญทุกท่านรับฟังครับ
เรื่องราวต่อจากนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทางผมและรายการ G-story เพียงเอาเรื่องราวที่ค้นคว้ารวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ มาบอกเล่าสู่กันฟัง ไม่มีเจตนาสนับสนุนหรือต่อต้านการบูชาใด ๆ ทั้งสิ้นเลยนะครับ
เรื่องราวที่มาที่ไปของครูกายแก้วมีหลายตำนานครับ ตามตำนานหนึ่งที่เล่าต่อกันมาเนี่ย ว่ากันว่าครูกายแก้วเนี่ยเดิมทีก็เป็นมนุษย์ธรรมดาเลยครับ มีชีวิตเมื่อสักราว ๆ พันปีก่อน แต่ครูกายแก้วเป็นผู้ที่บำเพ็ญตบะจนแก่กล้า มีวิชาอาคมเวทมนต์มาก ทีนี้พอสังขารของครูกายแก้วเสื่อมไปตามกาลเวลาใช่ไหมครับ แต่จิตวิญญาณเนี่ยกลับถูกฝึกมาจนแกร่งกล้าจากการบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ไม่ได้สลายไปตามสังขารด้วยครับ ดวงจิตหรือวิญญาณของครูกายแก้วก็จะวนเวียนอยู่แบบนั้น
ส่วนอีกตำนานหนึ่งครับที่ผมได้ฟังมาจากเซียนพระท่านหนึ่งเล่าว่า เดิมทีครูกายแก้วเป็นอสูรเทพและมีบทบาทเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของขอม ในเวลาเดียวกัน ตัวครูกายแก้วเนี่ยมีความน่ากลัว โหดร้าย แต่ก็ยิ่งใหญ่และมีอำนาจ
สาเหตุที่เป็นอสูรเทพและมีหน้าตาที่ดูน่ากลัวเนี่ยก็เพราะทำบุญด้วยโมหะ ความหมายก็คือทำบุญเยอะเพื่อเอาชนะผู้อื่นทำให้หน้าตาคล้ายอสูร ซึ่งข้อมูลตำนานที่ผมเล่ามาล้วนน่าสนใจครับ แต่คิดว่าคงเป็นความเชื่อตามกันมา จะให้หาบันทึกหรือหลักฐานพิสูจน์ก็อาจจะยากสักหน่อย
ทีนี้ครับ วันเวลาผ่านไป จนกระทั่งเมื่อหลายสิบปีก่อนครับ มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินทางจะไปทำสมาธิที่ปราสาทนครวัดนครธม ณ ประเทศกัมพูชา ขณะที่กำลังเดินทางธุดงค์อยู่นั่นเองก็บังเอิญไปพบกับดวงจิตดวงหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่รู้จะนิยามดวงจิตที่ว่านี้ในลักษณะของเทพ อสูรกาย หรือในสถานะอะไร ณ เวลานั้นนะครับ แต่สิ่งที่พระธุดงค์รูปนี้พบก็คือครูกายแก้วนั่นเอง
ไม่มีข้อมูลว่าการพบกับครั้งนี้มีบทสนทนาหรือมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง บ้างก็เชื่อว่าพระธุดงค์ได้เรียนวิชาคาถาอาคมกับครูกายแก้ว แต่หลังจากพระธุดงค์องค์นี้พบครูกายแก้วแล้วใช่ไหมครับได้จดจำลักษณะดวงจิตที่ได้พบแล้วทำการปั้นหุ่นเล็ก ๆ สีดำ ขนาดประมาณ 2 นิ้ว ลักษณะคล้ายคนนั่งกอดเข่าธรรมดา ลักษณะเป็นศิลปะแบบบายน และนี่ก็คือจุดกำเนิดวัตถุมงคลของครูกายแก้วครั้งแรก
จากนั้นพระธุดงค์ก็นำหุ่นปั้นดังกล่าวกลับมายังจังหวัดลำปาง ที่มาที่ไปไม่แน่ชัดแต่หลังจากกลับมาลำปางก็พบว่ารูปปั้นครูกายแก้วขนาดเล็กนี้ก็ถูกส่งมอบให้กับลูกศิษย์ท่านหนึ่งก็คือ จ่าสิบเอกถวิล มิลินทจินดา นักร้องเพลงไทยเดิมของกองดุริยางค์ทหาร ซึ่งคุณถวิลก็ได้นำมาบูชาจนตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดัง เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย
ซึ่งถ้ายึดถือจากเรื่องเล่าตั้งแต่ตำนานที่ผมเล่ามาครั้งแรกจะเห็นว่าครูกายแก้วอาจจะเป็นครูคนหนึ่งที่สอนเวทมนต์ให้พระธุดงค์ พระธุดงค์ก็เป็นอาจารย์ของจ่าสิบเอกถวิล ดังนั้นจึงนับได้ว่าครูกายแก้วเนี่ยเป็นอาจารย์ปู่หรือบรมครูเวทมนต์คนหนึ่ง
หลังจากที่จ่าสิบเอกถวิล โด่งดังมีชื่อเสียงเงินทองแล้ว ก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกพอสมควร ซึ่งไม่ได้ถูกรายงานไว้ว่าเพราะอะไรบ้าง แต่ครูกายแก้วขนาดเล็ก 2 นิ้ว ที่ว่านี้ ก็เปลี่ยนมือไปจนได้ไปอยู่ในการครอบครองของอาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ซึ่งมีชื่อเสียงจากการการตั้งศาลเทพหลายต่อหลายแห่ง ผลงานของอาจารย์สุชาติที่พวกเราพอจะคุ้นเคยก็ได้แก่องค์พระพิฆเนศที่ห้วยขวาง พระตรีมูรติที่เซ็นทรัลเวิลด์ และพระแม่ลักษมี บนตึกเกสรพลาซ่า
ภายใต้การครอบครองของอาจารย์สุชาตินี่เองที่ว่ากันว่าครูกายแก้วได้ปรากฏกายให้อาจารย์สุชาติเห็น และอาจารย์สุชาติก็ได้จดจำภาพที่เห็นแล้วทำการวาดภาพพร้อมกับทำการหล่อครูกายแก้วขึ้นเป็นองค์แรก ผมขอใช้สรรพนามว่าองค์นะครับ ตามต้นฉบับที่ผมได้อ่านมา ซึ่งรูปหล่อครูกายแก้วที่อาจารย์สุชาตินี้เราจะเห็นภาพของครูกายแก้วชัดเจนขึ้น
ครูกายแก้วองค์นี้มีลักษณะผสมทั้งระหว่างมนุษย์ เทพ สัตว์ และอสูรกาย โดยรูปร่าง สรีระ อวัยวะคล้ายคนแก่ หน้าตาดุดันน่ากลัว หูยาวแหลมเหมือนค้างคาว รูปร่างผอม แต่มีปีกด้านหลังเหมือนนก มีเขี้ยวสีทอง กริยาอยู่ในท่ายืน
ถ้าภาพจำของคนไทยก็พอจะอธิบายให้เห็นภาพได้ง่าย ๆ ว่า ลักษณะคล้ายเวตาลในนิทานนั่นเองครับ แรกเริ่มเดิมทีเนี่ยการสร้างครูกายแก้วองค์นี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการบูชาครู ซึ่งครูกายแก้วองค์ที่ว่านี้ปัจจุบันถูกย้ายไปที่บ้านของคุณสุวรรณี เต็มเจริญสุข องค์ที่เก็บไว้บูชาที่บ้านอาจารย์สุชาติตอนนี้เป็นอีกองค์ที่อยู่ในกริยานั่งแทน
ภายหลังอาจารย์สุชาติก็มาเสียชีวิตในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 วิชาความรู้ รวมทั้งองค์ครูกายแก้วก็ถูกส่งต่อให้กับอาจารย์สมสฤษดิ์ รัตนสุข บุตรชายของอาจารย์สุชาตินั่นเอง ความเชื่อเรื่องครูกายแก้วก็ค่อย ๆ ขยายจากผู้นับถือกลุ่มเล็ก ๆ จนมีขนาดใหญ่ขึ้น มีการสร้างงานประติมากรรมครูกายแก้วขึ้นเพื่อสักการะบูชาเพิ่มอีกหลายองค์
ครูกายแก้วกลายเป็นที่รู้จักในสังคมไทยวงกว้างจากเหตุการณ์ที่มีการขนรูปปั้นครูกายแก้วขนาดใหญ่ด้วยรถบรรทุกเลขทะเบียน 72-7679 สระบุรี จากโรงงานนครปฐมจะนำไปตั้งไว้หน้าโรงแรมบาซาร์ รัชดา เพื่อทำพิธีเบิกเนตร แต่ด้วยความสูงของรูปปั้นทำให้ส่วนศรีษะไม่พ้นความสูงของสะพานลอยคนข้ามครับ ก็คือติดคานสะพานลอยคนข้ามไปไม่ได้นั่นเอง จะยกลงก็หนักทำให้รถต้องจอดบนถนนอยู่แบบนั้น
ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมากบริเวณถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า ก่อนถึงซอยรัชดาภิเษก 36 ท้ายแถวสะสมต่อเนื่องถึงสะพานพระราม 7 เลยทีเดียว ทำให้เรื่องราวศรีษะติดสะพานของครูกายแก้วเนี่ยกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ในทันที
เราจะเห็นกระแสในอินเตอร์เน็ตที่ให้ข้อมูลว่าครูกายแก้วแท้จริงเป็นเวตาล อสูรกาย หรือแม้กระทั่งซาตาน การบูชาครูกายแก้วต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ของลูกสุนัขหรือลูกแมวมาทำการบูชายัญ แต่อาจารย์สมสฤษดิ์ทายาทของอาจารย์สุชาติเป็นผู้ที่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครูกายแก้วว่า ครูกายแก้วไม่ใช่เวตาลหรือสัตว์ประหลาด การบูชาครูกายแก้วว่าห้ามนำของสดไปไหว้บูชาครูกายแก้ว ข่าวลือที่ว่าการบูชาครูกายแก้วต้องทำการบูชายัญด้วยลูกสุนัขหรือลูกแมวนั้นไม่เป็นความจริง
ปัจจุบันประชาชนทั่วไปสามารถบูชาองค์ครูกายแก้วขนาดยักษ์ที่ว่านี้ได้ที่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว หน้าโรงแรมบาร์ซ่า โดยครูกายแก้วองค์นี้อยู่ในท่านั่ง กายสีดำ รูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่มีปีกคล้ายนก ตาสีแดง เล็บยาวสีแดงสด และมีเขี้ยวสีทองสื่อถึงนกการเวก
ซึ่งนกการเวกนี่เชื่อกันว่าเป็นนกที่อยู่ในป่าหิมพานต์ ส่งเสียงร้องไพเราะ เรียกทรัพย์ได้ เป็นที่มาของความเชื่อกันว่าครูกายแก้วสามารถประทานพรให้สมดั่งใจปรารถนาได้ โดยเฉพาะเรื่องงาน การค้าขาย และทรัพย์สินเงินทองนั่นเอง ซึ่งความเชื่อความนิยมนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย เพราะยังเป็นที่เลื่องลือไปจนถึงแดนไกลอย่างจีน ไต้หวัน และฮ่องกง อีกด้วย
นอกจากนี้ครับรอบบริเวณที่ตั้งครูกายแก้วที่รัชดาเนี่ยยังมีการตั้งประดิษฐานของ องค์เทพ อีกหลายองค์ อาทิ พระศิวะ, พระพิฆเนศ ,พระนารายณ์ทรงครุฑ เป็นต้น ซึ่งช่วงนี้มีประชาชนเดินทางมาสักการะไม่ขาดสายเลย ผู้สื่อข่าวจะทำการสัมภาษณ์ผู้ศรัทธาหลายท่านก็ให้ข้อมูลคล้ายกันว่าไม่รู้ที่มาที่ไปของครูกายแก้ว และไม่เชื่อเรื่องการบูชายัญลูกสุนัขและลูกแมว แต่ก็เลือกจะกราบไหว้เพื่อความสบายใจนั่นเอง
วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีพิธีเปิดฤกษ์พิธีบวงสรวงเบิกเนตร “ครูกายแก้ว” พร้อมกับมีพิธีบวงสรวงใหญ่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว โดยมีประชาชนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก บริเวณนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องรถติดอยู่แล้วใช่ไหมครับ พอมีพิธีนี้ก็ยิ่งทำให้รถติดยาวเหยียด ขณะที่ทำพิธีนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับลมกระโชกแรง
แต่อย่างไรก็ตามครับท่านผู้ฟังจำที่ผมเล่าเรื่องรถบรรทุกที่ขนรูปปั้นครูกายแก้วแล้วติดสะพานได้ไหมครับ ผมได้เล่าให้ฟังว่าเลขทะเบียนรถคันนั้นคือ 72-7679 สระบุรี ท่านผู้ฟังอาจจะนึกสงสัยว่าผมจะบอกทำไมข้อมูลเลขทะเบียน มีความน่าสนใจแบบนี้ครับ ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 รางวัลเลขท้าย 2 ตัว นั้นเลขที่ออกได้แก่ 67 ครับ ซึ่งเป็นตัวเลขตรงกลางบนป้านทะเบียนรถคันนั้นอย่างพอดิบพอดีเลย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มขึ้นไปอีก
การบูชาครูกายแก้วนี้นอกจากที่รัชดาหน้าโรงแรมบาซาร์แล้วยังพบว่ามีสถานที่ที่สามารถสักการะครูกายแก้วได้อีก 2 แห่ง ได้แก่เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี และศาลพระพิฆเนศ อาเขตจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วยกันทั้งคู่เลยครับ
จากการค้นคว้าพบว่าสิ่งที่ครูกายแก้วโปรดปราน ได้แก่ ทอง น้ำหอม มะพร้าวน้ำหอม ขนมกุยช่าย ผลไม้และขนมหวานไทย มะม่วงกวน ขนมครก ดอกไม้กลิ่นหอม และ ดอกไม้ 7 สี
#ครูกายแก้ว #ครูกายแก้วคือใคร #ประวัติ #history #ที่นี่มีเรื่องเล่า #ประวัติศาสตร์ #gstory
ประวัติศาสตร์
ข่าวรอบโลก
เรื่องเล่า
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย