ถ้าเราเบือนหน้าหนีจากภาพของคนหรือชนชั้นแรงงานที่มีชีวิตอย่างยากลำบากแล้วไปดูทางฝั่งของเจ้าของธุรกิจ เราก็จะได้เห็นคนที่มีชื่อเสียงสำคัญหลายคนที่ทุกวันนี้เรายังคุ้นเคยชื่อ พวกเขาเป็นกลุ่มนายทุนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างประเทศอเมริกาให้กลายมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีความยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลกับโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนอย่าง John D. Rockefeller, Andrew Carnegie, Cornelius Vanderbilt และ J.P. Morgan
เย็นวันนั้นนายกเทศมนตรีของเมืองชิคาโก ชื่อว่า Carter Harrison Sr. ก็เดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมด้วยตัวเอง พอเห็นว่าเป็นการชุมนุมแบบที่สงบ ก็เลยบอกตำรวจว่าไม่ต้องส่งกำลังมาเพิ่ม และขอให้ตำรวจแยกย้ายกันกลับไป แต่ไม่ใช่ตำรวจทุกคนที่เชื่อฟังคำสั่งของนายกเทศมนตรี
หลุยส์ ลิงก์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ในคุกก่อนถึงวันประหาร ส่วนอีก 4 คน (สปีส์, พาร์สันส์, ฟิชเชอร์ และเองเจล) ถูกแขวนคอในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1887 ก่อนถูกประหาร สปีส์ได้กล่าวคำพูดอันโด่งดัง: "The time will come when our silence will be more powerful than the voices you strangle today" (วันหนึ่งเสียงที่เงียบของเราจะกลายเป็นเสียงที่ทรงพลังยิ่งกว่าเสียงที่ถูกรัดคอให้เงียบในวันนี้)
1
เรื่องราวเหมือนกับจะจบลงตรงนี้ที่เป็นชัยชนะของทางฝ่ายต่อต้านชนชั้นแรงงาน แต่ 6 ปีหลังการประหารชีวิต คือในปี ค.ศ. 1893 ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์คนใหม่ชื่อว่า John Peter Altgeld ก็ให้มีการตรวจสอบคดีอย่างละเอียด และออกคำสั่งอภัยโทษให้กับนีบ, ฟิลเดน และชวาบ ซึ่งในเวลานั้นยังมีชีวิตอยู่ในคุก เขาให้เหตุผลว่าีหลักฐานไม่มากพอจะบอกว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการขว้างระเบิดใส่ตำรวจ เขายังวิจารณ์การกระทำของตำรวจในเหตุการณ์ว่าทำเกินกว่าเหตุ