4 พ.ค. เวลา 12:25 • การศึกษา
สาระ หรือ สาหร่าย By Charifkub

7 วิธีพัฒนาทักษะการเล่าเรื่อง (Storytelling) ให้ทรงพลัง น่าจดจำ

โดย
การเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นทักษะสำคัญไม่ว่าจะใช้ในการนำเสนอ ขายของ พูดในที่ชุมชน หรือ แม้แต่สนทนาประจำวัน คนที่เล่าเรื่องเก่งมักได้เปรียบทั้งเรื่องงาน และ ความสัมพันธ์ บทความนี้รวบรวม 7 วิธีพัฒนาทักษะการเล่าเรื่องแบบครบจบ พร้อมเทคนิคประยุกต์ใช้จริง!
  • ​1) รู้จักโครงสร้างเรื่องที่ดึงดูดผู้ฟัง​
เรื่องราวที่ดีต้องมีโครงสร้างชัดเจน เพื่อให้ผู้ฟังติดตามอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ได้ผลคือ "3 Acts Structure"
- Act 1: เริ่มต้น (Setup) – แนะนำตัวละคร/สถานการณ์
- Act 2: ปัญหา (Confrontation) – มีอุปสรรค ความท้าทาย
- Act 3: คลี่คลาย (Resolution) – วิธีแก้ปัญหา/บทเรียนที่ได้
[ตัวอย่างการประยุกต์]
"เมื่อก่อนฉันพูดในที่ชุมชนไม่ได้เลย (Setup) จนวันหนึ่งต้องนำเสนอต่อหน้าคน 50 คน (Confrontation) หลังจากฝึกฝนทุกวัน ตอนนี้กลายเป็นจุดแข็งของฉันไปแล้ว (Resolution)"
  • ​2) ใช้รายละเอียดเฉพาะ เสริมการบรรยายทั่วไป
แทนที่จะบอกว่า "ฉันรู้สึกแย่มาก" ลองใช้ รายละเอียดที่สร้างภาพในหัว เช่น
"มือฉันสั่น เหงื่อไหลตามหลัง รู้สึกเหมือนห้องกำลังหมุน"
[เทคนิคเพิ่มเติม]
- ใช้ตัวเลข และ เวลา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ("3 โมงเช้าวันอาทิตย์ที่ฝนตกหนัก")
- เลือกคำกริยาแข็งแรง ("เขาถลันตัวออกจากรถ" ดีกว่า "เขาออกจากรถ")
  • ​3) สร้างอารมณ์ร่วมผ่านจุดเปลี่ยน
สมองมนุษย์จดจำเรื่องราวที่มี ความขัดแย้ง และ จุดเปลี่ยน ได้ดีกว่าเรื่องราบเรียบ
☆ สูตรสร้างจุดเปลี่ยน
1. สถานการณ์ปกติ → 2. มีเหตุการณ์ไม่คาดคิด → 3. ปรับตัว/เรียนรู้ → 4. ผลลัพธ์ใหม่
[ตัวอย่าง]
"ชีวิตการทำงานฉันเคยเน้นแต่ปริมาณ (ปกติ) จนวันหนึ่งลูกค้าบอกว่า 'เราไม่ต้องการงานเร็ว เราต้องงานดี' (จุดเปลี่ยน) ตอนนี้ฉันเรียนรู้ที่จะทำงานแบบ 'น้อยแต่ดี' (ผลลัพธ์)"
  • ​4) ฝึกการเว้นจังหวะ และ น้ำเสียง
การเล่าเรื่องที่ดีต้องมีจังหวะเร็ว-ช้า สลับกัน
☆ เทคนิคการเว้นจังหวะ
- พูดช้าลงตอนเน้นข้อความสำคัญ
- หยุดสัก 2-3 วินาทีก่อนประโยคสำคัญ
- เปลี่ยนระดับเสียง (สูงต่ำ) ตามเนื้อหา
[แบบฝึกหัด]
> อ่านบทความสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงสามแบบ: 1) แบบรีบเร่ง 2) แบบปกติ 3) แบบมีจังหวะขึ้นลง แล้วบันทึกเสียงเปรียบเทียบ
  • ​ใช้กฎของ 3 (Rule Of Three)
สมองมนุษย์ชอบข้อมูลที่จัดเป็นกลุ่มละ 3 เพราะจดจำง่าย
☆ ตัวอย่างการประยุกต์
- "สามสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากความล้มเหลว: 1) ความอดทน 2) การปรับตัว 3) มองโอกาสในวิกฤต"
- ในเรื่องตลก: "หมอ คนไข้ กับพระ เข้าไปในบาร์..."
  • ​6) ฝึกเล่าเรื่องจากประสบการจริง
☆ วิธีหาเนื้อหาเล่า
1. สร้างลิสต์ "ช่วงเวลาสำคัญ" ในชีวิต (ทั้งดีและแย่)
2. วิเคราะห์ว่าแต่ละเหตุการณ์สอนอะไรเรา
3. ฝึกเล่าแบบสั้นๆ 20 วินาที / 1 นาที / 3 นาที
[หัวข้อสำหรับฝึก]
- ครั้งแรกที่... (ทำงาน, แสดงบนเวที)
- วันที่ฉันเข้าใจความหมายของคำว่า...
- ความผิดพลาดที่เปลี่ยนมุมมองฉัน
  • ​7) ฝึกฝนด้วยวิธีนักแสดง
นักแสดงมืออาชีพมีเทคนิคการเล่าเรื่องน่าสนใจ
☆ 3 เทคนิคน่าลอง
1. วิธี "Yes, And..."
– รับพลังงานจากคู่สนทนาแล้วต่อยอด (ใช้ในการเล่าเรื่องโต้ตอบ)
2. การแสดงบทบาท
– ลองเล่าเรื่องด้วยท่าทาง และ อารมณ์ต่างกัน
3. การมองตา
– สบตาผู้ฟังสลับกันเหมือนคุยกับแต่ละคน
[แบบฝึกหัด]
> เล่าเรื่องเดิมกับเพื่อน 3 แบบ: 1) แบบเศร้า 2) แบบตลก 3) แบบลึกลับ
  • ​Bonus วัดผล และ ปรับปรุง
- บันทึกวิดีโอ ตนเองเวลาเล่าเรื่อง ดูว่าดีแล้ว และ จุดไหนควรปรับ
- ขอ Feedback จากผู้ฟัง 3 ข้อ: 1) ข้อดี 2) ขอควรปรับปรุง 3) ส่วนที่น่าจดจำ
- ใช้ Application ฝึกพูด เช่น Orai หรือ Speeko
✏️ Charifkub
Credit :
👇
  • ​https://www.educathai.com/knowledge/articles/590
  • ​https://futureskill.co/blog/2024/03/25/8-tips-for-powerful-storytelling/
  • ​https://creativetalkconference.com/5-technics-to-become-a-better-leader-through-storytelling/

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา