5 พ.ค. เวลา 02:16 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
..จะออกศึกทั้งที ต้องเข้าป่าคนเดียว เสื้อผ้าชุดเดียว ไม่มีอะไร แก้วน้ำสักใบก็ไม่มี..ร่างกายต้องเป็นบุญหนุนนำมาเต็มที่ ต้องมีขันติบารมี เพื่อให้เกิดปัญญาธรรม ให้พ้นทุกข์
..จิตที่ไม่สะสมบุญบารมีมาเต็มที ทำไม่ได้ ..เข้าป่าแล้วทำไม่ได้ ก็ออกมา ..สอนคนนั่นคนนี้ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อเข้าป่า .เขียนตำรามากมาย . แต่ผู้ที่ทำได้ กลับไม่ออกจากป่า นอนที่นอนกว้างใหญ่ไพศาล นอนที่ไหนก็นอนได้ มีพระแม่ธรณีเป็นที่นอน ไม่ออกมานอนห้องแคบๆอีกเลย ที่เค้าเรียกว่า ไปแล้ว ไม่กลับมา .เป็นผู้ชนะทุกข์ .ความทุกข์ละลายไปจนหมดสิ้น
เมื่อสร้างบุญกุศลมายาวนาน ยิ่งสร้างบุญกุศล สะสมมายาวนาน ก็ยิ่งเกิดมาร่ำรวย เกิดแต่ละครั้ง ก็ได้กายเป็นมนุษย์ สร้างบุญกุศลฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ จิตออกจากร่างก็ ก็ได้กายบุญเป็นเทพยดาอินทร์พรหม เกิดมาแต่ละครั้งก็ต้องไปหากินน้ำเลือดน้ำหนองของผู้มีกรรมมาหล่อเลี้ยงสังขาร แล้วก็ยังมีตัวกินเลือดกินเนื้อ สัตว์นรก มากัดกินน้ำเลือดน้ำหนิงในเรือนกาย พอเกิดรอยแผลฟอกซ้ำ ตัวกิดเลือดกินเนื้อ ออกมากิน แผลน้ำเลือดน้ำหนอง
พอแก่ตัวไป ร่างกายก็เหมือนต้นไม้ ผิวเปลือกไม้ก็มีมดมีปลวก มีหนอน มาชอนไชกัดกิน เคยกินเค้าเอร็ดอร่อย เค้าก็มากัดกินตัวเราบ้าง พอกพูนเป็นเหมือนแป้งดินสอพอง หลุดลอกออกมา เป็นผงๆขาวๆ บ้างก็ลอกออกมา เป็นเหยื่อๆ ที่ผิวกาย
กายค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเหมือนต้นไม้ จะยืนต้นตาย เลือดลมในกาย ก็ลำเลียง ไหลเวียนไม่สะดวก ไอ้ตัวกินเลือดกินเนื้อ มันกัดกินลุกลาม ไปตามเส้น เป็นพังพืด ก็กินตรงนั้นตรงนี้ เส้นเอ็นก็ตึง จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย เจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ..นักรบสู้ศึก ..ชีวิตต้องหากิน อ่อนเรี่ยวแรง ..เฉาตาย ใครจะช่วยรักษา กายมันก็หมดสภาพ เหมือนต้นไม้เฉาตาย ตายแล้ว ตัวกินเลือดกินเนื้อ ก็ออกมาเพ่นพ่าน กัดกิน เปื่อยเน่าเหม็น ใครที่ว่ารัก ว่ายึดกายนี้ ..เค้าก็เบือนหน้าหนีจากไป
ชาติ..สุดท้าย เกิดมาก็มีทรัพย์สมบัติ ยศศักดิ์มารอคอย ได้พ่อแม่เป็นมนุษย์ มองเห็นวัตถุ สิ่งของทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสบริวาร อ้อ.. ไอ้วัตถุสิ่งของที่เราใช้ ข้าทาสบริวาร เป็นเหตุให้เกิด มองเห็นสิ่งเล่านั้น เป็นเหมือนพญามาร ใช้ของๆเค้า เราก็ต้องเกิดมาใช้อีก ก็เลิกใช้ ทรัพย์สิน ทรัพย์สมบัติ ที่มี ใครอยากได้ ไม่มีใช้ ก็นอบน้อมยกให้เค้าไป สองมือประคองให้ด้วยความเต็มใจ เดินออกไป เข้าป่าด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ไม่อะไรติดตัวเลย
เข้าป่าไปนั่งพับเพียบ นอบบน้อม ทำกายนิ่ง จิตนิ่ง ตัวคนเดียวในป่า นั่งกายนิ่งจิตเฉย เกิดแสงสวางให้ปัญญา นั่งทบทวน ชีวิตที่เกิดมา ที่ยึดถือ ทั้งบุญกุศล นั่งส่องธุลีเม็ดทรายธาตุในเรือนกาย ..พิจารณาลงไปที่ไหน ทำให้เกิด ตรงไหนมันทุกข์ ก็ทำให้ไม่มีทุกข์ ทำไปด้วยจิตที่มีแสงรัตนะ ด้วยขันติบารมี นั่งนิ่ง กายนิ่ง จิตเฉย ท่ามกลางดินฟ้าอากาศ อะไรเกิดขึ้น ในกาย ก็ไม่ยึด ด้วยปัญญาธรรม เพื่อพาจิตให้พ้นทุกข์
นั่งพับเพียบ.กายนิ่ง จิตก็นิ่ง นั่งไปฝนตกน้ำท่วม ฝนฟ้าคะนิงเลื่อนลั่น ฟ้าผ่าลงข้างกาย ก็ไม่หวั่นไหว นั่งไปจน น้ำไหล พัดพากิ่งไม้ทอนซุง ไหลมาเทมา พอเสียงฟ้าสงบ ลืมตายอีกที่ โคลมตม กิ่งไม้ท่อนซุง หายไปหมด กายก็นิ่ง จิตก็นิ่ง นั่งอยู่ที่เดิม ..สว่างไสว ด้วยแสงสีรัตนะ ไม่มีภาระ ก็นั่งนิ่ง จืตก็นิ่ง ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ไม่มีภาระ ก็นั่งนิ่งสำรวจตรวจสอบ ทำไม กายไม่ไหลไปตาม น้ำโคลน กิ่งไม้ท่อนซุง
..เมื่อดินฟ้าอากาศสงบ ก็นั่งสำรวจตรวจสอบ ..อ้อ.บุญกุศลบารมี ที่สะสมมา เป็นอสงไขย อยู่กับดินฟ้าอากาศ ก็หนุนนำกาย กายนี่งเหมือนเสาหิน .หนักปักลึก ในแม่พระธรณี ฝนตกฟ้าร้อง ไม่หวั่นไหว ต้านทานกระแสน้้โคลนแล่นท่อนซุง ก็นั่งนิ่ง จิตเฉย นั่งเจียระไน ธาตุให้เป็นแก้ว
..กายเป็นแก้ว จิตเป็นแก้วเจียระไนจนหมดจด ใสบริสุทธิ์ บรรลุสำเร็จธรรมตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชำระสะสางจนหมดสิ้น .ถึงธรรมพระอรหันต์ ถึงธรรมโลกุตระ สถิตย์อยู่จ้ต เปล่งประกายรัตนะ พรั่งพร้อมเข้า ดินแดนพระนิพพาน.
ที่เขียนมา นี้ ก็เรื่องพระผู้ใหญ่ ท่านบอกเล่ามา บางองค์เคยเป็นเจ้าชาย เป็นมหาเศรษฐี .ท่านเล่าให้ฟัง เราก็จดจำมา ท่านก็เตือนมา เรื่องธาตุพ่อแม่ กายบิดามารดา .พูดไปเถิด เมื่อมากราบพระ นำกายบิดามารดามาสร้างบุญกุศล ใช้กิริยากายวาจาใจที่ดี เอาสร้างบุญกุศล บันทึกบุญกุศลไว้กับธาตุทั้งสี่ สะสมไปเรื่อย ๆ เป็นของตัวเราเองทั้งนั้น เราทำได้ ธาตุนะโม ธาตุทั้งสี่ อยู่กับเราจนเป็นขี้เถ้า
เราก็นำมาสร้างเรื่องราวดี ให้แก่จิตของตัวเอง ..ก่อนที่กายนี้เป็นขี้เถ้า เราสะสมไปกับจิตขิงเราเอง เรื่องของอารมณ์กรรมนำพาไปสร้างกรรม เราก็ค่อยๆถอยออกมา เพราะสิ่งนั้น คือโคลนตม พาเกิดตายๆ
..อย่าเชื่อ ..พระท่านบอกมา การประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศล ต้องใช้เหตุผลให้มากๆ ทบทวนแล้ว พิจารณาอีก .กลับไปกลับมา พิจารณาให้ละเอียดละออ ในการนำกายมาสร้างบุญกุศลบารมี ตลอดทั้งการกระจายบุญกุศล การให้อารมณ์เป็นทาน การประพฤติปฏิบัติธรรม จิตต้องเข้มแข็ง . อารมณ์จะได้ไม่ชอนไช รบกวนมากนัก
การมุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ไม่มีบุญกุศลหนุนนำ กายก็หนัก จิตก็หนัก มีแต่กรรมทักขัดขวาง เดี๋ยว ก็เลิกทำ นั่งนิ่งไม่ได้เลย
แล้วปฏิบัติธรรม กราบพระ อธิษฐานไปนั่งต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า เป็นเหมือนพ่อธรรม เราไม่นอบน้อม พระธรรมนั้นเหมือนแม่ ท่านก็ไม่สอนให้ ต้องนั่งพับเพียบนอบน้อม เหมือนลูกน้อย ไปกราบพ่อแม่ ยิ่งเรากล่าว ไปในท่ามกลางดินฟ้าอากาศ .หูทิพย์ตาทิพย์ ที่ท่านก็อยู่กับดินฟ้าอากาศ ก็จ้องมองดู ..ทำจริงตามที่พูดหรือไม่ เราเป็นคนจริงพูดจริงทำจริง เดินตามรอยคำสอนขององค์พระสัมสัมพุทธเจ้าจริง หูทิพย์ตาทิพย์ ท่านก็ช่วยส่งเสริมอนุโมทนา
..ธรรม..นั่นต้องการคนจริง.. พูดไม่จริง ทำไม่จริง เห็นธรรมเป็นของเล่น .ล้อเล่นกับอารมณ์ เป็นเด็กผมจุกผมแกะ พอจะบอกอะไร ก็ว่า รู้แล้วๆ แต่ไม่ทำ มันก็รับรู้ไม่ได้ ปิดกั้นตัวเอง..จิตมีธรรมที่ไหน เค้าจะสอนให้.
เรื่องหนึ่ง ที่ชักชวน พระท่านบอกให้สร้างบุญกุศล ก็เพื่อให้จิตนั่นไปพัก สถิตย์ในกายบุญ กายเทพยดาอินทร์พรหม มีแสงรัตนะ แลงของบุญช่วยพยุงกาย กายอิ่มเอิบด้วยบุญกุศล ไม่ต้องไปอาศัยกายที่ต้องอาศัยน้ำเลือน้ำหนองของผู้ที่มีกรรมมาหนุนนำกาย ไปพัดจิต ..มีสุย . ยาวนาน จนลืมทุกข์ พอหมดแสง แสงหรี่ลง ก็ต้องหาพ่อแม่เป็นมนุษย์ สร้างบุญกุฃสลกันใหม่
หากเกิดมา นิสัยสร้างกุศลบารมีไม่เพียงพอ บุญกุศลส่งเสริมให้ ร่ำรวยเงินทอง ยศศักดิ์ ก็หลงลืมสร้างบุญกุศลบารมี หลงยึดในทรัพย์สมบัติ อะไรต่างๆ ของๆโลก .หลงอบาย เมื่อหมดกายที่หลงกินน้ำเลือดน้ำหนอง จิตออกจากร่าง ธาตุทั้งสี่ ก็ช่วยส่งไปให้มีกายกินน้ำเลือดน้ำหนองเอร็ดอร่อย ที่เราก็เห็นด้วยสายตา ..กายนั้นไม่มีน้ำเลือดน้ำหนองกินเข้าไปเลี้ยงกาย มันก็อยู่ไม่ได้ อยู่แบบผู้ทุกข์ทรมาน แล้วจะเอาอะไร ไปออกศึกสงครามได้ สงครามกับอารมณ์โลภโกรธหลงในตัวตน ชนะให้ราบคาบ ชนะอารมณ์ ก็พ้นทุกข์
ก่อนจะออกศึกใหญ่ ก็เรียนรู้จัก ชนะอารมณ์ ที่เล็กที่ละน้อย ให้สติปัญญาของจิต มีความช่ำชองในการรบ ..เราไม่ใช่ผู้มีปัญญาธรรม ที่สะสมบุญกุศลบารมีมาเต็มที่ เราก็ฝึกหัดสะสม บุญกุศลบารมี ตามรอยท่านไป เกิดมาได้กายมนุษย์ .เราก็สร้างบุญกุศลบารมี ไปทุกข์ชาติ ด้วยสติสัมปชัญญะรู้จักกรรม สติสัมปชัญญะรู้จักธรรม สร้างบุญกุศลบารมีหนีกรรมไปทุกภพทุกชาติของเราไป ทุกชาติๆ
..ชาติหนึ่งคงออกได้ออก ..ดินฟ้าอากาศนำพา ออกศึกสงครามใหญ่ ตัวคนเดียว ด้วยกายบิดามารดา ให้มาครบอาการสามสิบสอง ..จะชนะหรือพ่ายแพ้ ก็ด้วยบุญกุศลที่ทำมา .หนุนนำ ชนะ..เป็นชาติ อสงคราม.
…เรื่องราวที่ที่สะสมบุญกุศลบารมี ต้องทำไปให้ถึง. เกิดทันพระศรีอริยะเมตตไตร หากเกิดไม่ทัน .ไปอยู่ที่อื่นก็คงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน.
โฆษณา