5 พ.ค. เวลา 10:08 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 244 พี่น้องพร้อมขบถ

ซ่งเจียงร่ายบทกวีจบ รู้สึกเศร้าใจนัก ดังเห็นภาพแล้วเจ็บปวด เย็นวันนั้น ตั้งค่ายพักแรมกันที่ปากน้ำชิวหลิน ซ่งเจียงนั่งอยู่ในกระโจมคิดถึงเรื่องเอี้ยนชิงยิงห่านป่าแล้วยังต้องทอดถอนใจ รู้สึกอึดอัดต้องขอกระดาษพู่กันมาระบายเป็นฉือ 词 อีกหนึ่งบท
楚天空阔,雁离群万里,恍然惊散。
自顾影欲下寒塘,正草枯沙净,水平天远。
写不成书,只寄的相思一点。
暮日空濠,晓烟古堑,诉不尽许多哀怨。
拣尽芦花无处宿,叹何时玉关重见。
嘹呖忧愁呜咽,恨江渚难留恋。
请观他春昼归来,画梁双燕。
นภาฉู่กว้างไพศาล
ห่านป่าหลงมาหมื่นลี้
อารามตกใจเหลือที่
หนีหายมาอย่างรวดร้าว
เห็นเงาตนเศร้าใจ
ใคร่ลงไปในบ่อหนาว
เห็นหญ้าแห้งทรายขาว
ยาวจรดขอบฟ้าไกล
เดียวดายจำจากจร
เขียนอักษรเต็มตัวไม่
ได้เพียงแต่ส่งใจ
ให้พอรู้คิดถึงเจ้า
ร่องอ้างว้างยามเย็น
เห็นคูเก่าในยามเช้า
ช่างเปลี่ยวเปล่าเหงาเศร้า
เล่าไม่สิ้นความในใจ
เลือกสิ้นพงดอกอ้อ
ไร้ที่พอเกาะอาศัย
ทอดถอนใจยามใด
จึงได้หวนคืนยังด่าน
สะอื้นไห้ห่วงใยยิ่ง
ชังตลิ่งช่างร้าวราน
รอวสันต์คืนสถาน
เกาะคานเขียนเคียงคู่ครอง
(นภาฉู่ 楚天 หมายถึงทิศใต้ แคว้นฉู่อยู่ทางภาคใต้
วี่กวน 玉关 คือด่านวี่เหมินกวน 玉门关 ด่านสำคัญบนกำแพงเมืองจีน ที่เส้นทางสายไหมทอดออกนอกด่าน; ด่าน ด่านหยก นอกด่านจึงมีความนัยถึง ทิศเหนือ
写不成书 เขียนอักษรไม่เต็มตัว ห่านป่าขาดคู่จึงบินเป็นแถวขาดตอน เขียนไม่เต็มขีดอักษร)
ซ่งเจียงเขียนเสร็จส่งต่อให้อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งดู ความหมายในบทกวีแฝงความเศร้ากังวล ในใจซ่งเจียงไม่เบิกบาน อู๋ย่งจึงชวนดื่มจนเมาแล้วเข้านอน เช้าวันรุ่งขึ้น ออกเดินทางต่อมาทางใต้ ตกเย็นก็ถึงเมืองหลวง พักทัพอยู่ที่สถานีสะพานเฉินเฉียวเพื่อรอเข้าเฝ้า
เฉินอันฝู่กับพวกเข้าเฝ้าก่อนแล้วกราบทูลถึงความกล้าหาญและความสามารถของพวกซ่งเจียงที่ปราบเถียนหู่และหวางชิ่งได้ บัดนี้เสร็จศึกมาถึงเมืองหลวง พักรออยู่นอกเมือง ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยยิ่งนัก ก่อนอื่นจึงอวยยศให้แก่เฉินกวน โหวเหมิง หลอเจี่ยนก่อน แล้วจึงให้มหาดเล็กเชิญพระราชโองการไปแจ้งให้พวกซ่งเจียงสวมชุดเกราะเข้าเฝ้า
1
พวกซ่งเจียงเมื่อคราวชนะศึกเหลียวมายังไม่ได้รับอวยยศก็ออกศึกเหอเป่ยปราบเถียนหู่ เสร็จศึกเถียนหู่ไม่ได้เข้าเมืองหลวง ยกไปปราบหวางชิ่งที่ไหวยซี ท่องทำศึกเหนือใต้ เพิ่งจะได้เข้าวังเพื่ออวยยศ
去时三十六,回来十八双。  
纵横千万里,谈笑却还乡。
สามสิบหกเมื่อขาไป
สิบแปดคู่ในขาล่อง
พันหมื่นลี้ที่ครรลอง
ท่องสรวลเสแล้วคืนเรือน
(สามสิบหก หมายนับกลุ่มดาวเทียนกังสามสิบหกคนของพวกซ่งเจียง)
ซ่งเจียงและพวกใส่ชุดแพรสวมเกราะ คาดป้ายเงินป้ายทองพระราชทานที่เข็มขัดสวนสนามเข้าเมืองทางประตูตงหัว 东华门 มาเข้าเฝ้าที่ตำหนักเหวินเต๋อ 文德殿
ฮ่องเต้ทรงตรัสชื่นชมผลงานของพวกซ่งเจียง และสำหรับโจรขบถหวางชิ่งทรงรับสั่งให้ลงโทษประหารหลิงฉือ 凌迟 (แล่เนื้อเป็นหมื่นชิ้นจนตาย) และทรงปรึกษาสำนักเสิ่งย่วนกวน 省院官 ถึงเรื่องยศที่ควรพระราชทานแก่พวกซ่งเจียง
ราชครูไฉ้จิง และซูมี่ถงก้วนกราบทูลว่า
“แผ่นดินทุกวันนี้ยังไม่สงบ มิควรเลื่อนยศตำแหน่งเร็วนัก เห็นควรแต่งตั้งเป็นขุนนางลำดับขั้นเป่าอี้หลาง 保义郎 ดำรงตำแหน่ง หวงเฉิงสื่อ 皇城使 รองแม่ทัพหลูจวิ้นอี้ลำดับขั้นเซวียนอู่หลาง 宣武郎 ดำรงตำแหน่ง ถวนเลี่ยนสื่อ 团练使 พวกอู๋ย่งสามสิบสี่คนแต่งตั้งเป็นขุนนางลำดับขั้นขุนพลเอก 正将军 พวกจูอู่เจ็ดสิบสองคนแต่งตั้งเป็นขุนนางลำดับขั้นขุนพลโท 偏将军”
ฮ่องเต้ทรงเห็นชอบ และพระราชทานแก่ซ่งเจียง ชุดแพรหนึ่งชุด เกราะทองหนึ่งชุด ม้าดีหนึ่งตัว ส่วนหลูจวิ้นอี้ลงไป ได้รับพระราชทานลดหลั่นตามลำดับ
จากนั้นพวกซ่งเจียงกราบลาแล้วเดินทางกลับที่พักรอรับมอบหมายหน้าที่ถัดไป
(ลำดับขั้นข้างต้น ไม่มีชื่อจริงในทำเนียบขุนนางซ่ง ล้วนเป็นเรื่องสมมติ ยกเว้นลำดับขั้นเป่าอี้หลางของซ่งเจียง ซึ่งเป็นเพียงขุนนางฝ่ายทหารชั้นผู้น้อยขั้นเก้า ไม่ชัดเจนว่าเหตุใดผู้ประพันธ์จึงไม่ใช้ลำดับขั้นที่มีจริง)
ในวันนั้น หวางชิ่งถูกนำตัวออกจากที่คุมขังปักป้าย “เชือด 剐” แล้วนำตัวมาประจานยังตลาด ผู้คนต่างมารุมประนามก่นด่า คอบครัวญาติพี่น้องถูกลงโทษประหารไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว วันนี้จึงมีเพียงหวางชิ่งเพียงผู้เดียว เสียงกลองย่ำสองครั้งตามด้วยฆ้องหนึ่งครั้ง ดงคมดาบขาววาววับ ธงดำดังเมฆฝนมืดทั้งลาน เวลาเที่ยงสามเค่อ 午时三刻 หวางชิ่งถูกนำตัวมากลางสี่แยก อ่านคำกล่าวโทษจบ ถูกลงมีดเชือดเนื้อทีละชิ้นจนตาย แล้วตัดศีรษะเสียบประจาน
此是恶人榜样,到底骈首戕身。  
若非犯着十恶,如何受此极刑?
นี่คือแบบอย่างของผู้โฉดชั่ว
ที่สุดต้องหัวหายสลายร่าง
แม้นมิใช่มหันตโทษทั้งสิบอย่าง
มิวายวางด้วยโทษทัณฑ์ดังฉะนี้
วันรุ่งขึ้น กงซุนเสิ้งเข้ามาในกระโจม คารวะซ่งเจียงและเหล่าพี่น้องแล้วแจ้งซ่งเจียงว่า
“ก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์หลอเจินเหยินกำชับพรตผู้ยากไว้ว่า ส่งพี่ท่านกลับกรุงแล้วให้หวนคืนสู่เขา บัดนี้พี่ท่านประสบความสำเร็จชื่อเสียงเลื่องลือ พรตผู้ยากจึงใคร่ขออำลาพี่ท่านและเหล่าพี่น้องกลับสู่อาศรมเพื่อศึกษาพระธรรมกับท่านอาจารย์และเลี้ยงดูแม่เฒ่าตราบวันสิ้นอายุขัย”
ซ่งเจียงทราบความที่กงซุนเสิ้งกล่าวดี มิอาจเหนี่ยวรั้งได้แต่ร่ำน้ำตากล่าวว่า
“คิดถึงวันเก่าที่พี่น้องเราพบหน้า เหมือนบุปผาแรกบาน วันนี้น้องเรามาอำลา เหมือนบุปผาร่วงโรย แม้นข้ามิอาจฝืนคำที่ท่านเคยบอกกล่าวไว้ แต่อดใจหายไม่ได้อยู่ดี”
กงซุนเสิ้งว่า “หากแม้นพรตผู้น้อยทอดทิ้งพี่ท่านเสียกลางทาง ก็นับว่าแล้งน้ำใจ บัดนี้ พี่ท่านสำเร็จผลแล้ว จึงมาขออนุญาต”
ซ่งเจียงจึงให้จัดเลี้ยงอำลา เหล่าพี่น้องต่างร่ำไห้อาลัย พากันมอบทรัพย์สินเป็นของขวัญวันลา กงซุนเสิ้งปฏิเสธ เหล่าพี่น้องจึงจับใส่ในห่อผ้า วันรุ่งขึ้น กงซุนเสิ้งผัดชุดพรตสวมรองเท้าป่านสะพายห่อผ้า คารวะอำลา เดินทางขึ้นเหนือไป
แล้วก็ใกล้ถึงวันตรุษปีใหม่ เหล่าขุนนางเตรียมเข้าเฝ้าถวายพระพร ราชครูไฉ้เกรงว่าหากพวกซ่งเจียงแห่เข้าเฝ้าจะทรงมอบหมายงานสำคัญได้ความชอบอีก จึงทูลองค์โอรสสวรรค์ให้มีพระราชโองการให้เฉพาะซ่งเจียงและหลูจวิ้นอี้ผู้ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่เข้าเฝ้าถวายพระพรในท้องพระโรง ส่วนพวกขุนนางผ่านศึกที่เหลือล้วนเป็นคนตัวเปล่า ยังไม่มีตำแหน่งหน้าที่ ไม่จำต้องมาร่วมพิธี
ในวันตรุษปีใหม่ เหล่าขุนนางเข้าเฝ้าถวายพระพร ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ไปรอเข้าถวายพระพรแต่เช้า ฮ่องเต้เสด็จออก ณ ตำหนักจื่อเฉิน 紫宸殿 ขุนนางเข้าถวายพระพรตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงจึงแล้ว ซ่งเจียงและหลูจวิ้นอี้เป็นขุนนางอันดับล่างมิอาจขึ้นไปเข้าเฝ้าบนตำหนัก เสร็จพิธีซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ขึ้นม้ากลับค่าย สีหน้าหม่นหมอง อู๋ย่งนำเหล่าพี่น้องรออวยพรปีใหม่จนเสร็จ ซ่งเจียงนั่งก้มหน้าไม่พูดจา
อู๋ย่งถามว่า “วันนี้พี่ท่านไปถวายพระพรกลับมา เหตุใดสีหน้าจึงหม่นหมอง”
ซ่งเจียงถอนหายใจว่า “คิดขึ้นมา เกณฑ์ชะตาข้าอาภัพนัก พิชิตเหลียวกำราบโจรทั้งออกตก พาเหล่าพี่น้องมาพลอยเหนื่อยากแต่กลับไร้ผลตอบแทน จึงเศร้าใจนัก”
อู๋ย่งกล่าวปลอบว่า “พี่ท่านรู้อยู่ว่าชะตายังไม่เป็นใจ ไยจึงกลัดกลุ้มนัก สรรพสิ่งลิขิตไว้แล้ว มิควรกังวลจนเกินไป”
พายุหมุนดำหลี่ขุยว่า “ท่านพี่ ไม่คิดให้ดี แต่แรกอยู่กันที่หนองเหลียงซาน ไม่เห็นต้องสนใจใคร กลับคิดแต่นิรโทษกรรม วันนี้ก็ว่านิรโทษ พรุ่งนี้ก็ว่านิรโทษ พอได้นิรโทษกลับมีแต่เรื่องปวดหัว ทำให้พวกเราต้องมาอยู่ที่นี่ กลับไปอยู่หนองเหลียงซานกัน สบายใจกว่า”
ซ่งเจียงตวาดลั่น “ไอ้สัตว์ดำนี่เสียเรื่องอีกแล้ว ทุกวันนี้ก็ได้เป็นขุนนางในราชสำนักแล้ว สันดานเดิมยังไม่เปลี่ยน”
หลี่ขุยว่า “ท่านพี่ไม่ฟังข้า พรุ่งนี้ก็มีเรื่องใหม่มาอีก”
เหล่าพี่น้องต่างพากันหัวเราะเพราะขำ แล้วก็ชวนกันดื่มฉลองปีใหม่จนถึงยามสองค่อยเลิก
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงนำพี่น้องสิบกว่าคนขี่ม้าเข้าเมืองไปอวยพรปีใหม่ให้ซู่ไท่เว่ย 宿太尉 เจ้าซูมี่ 赵枢密 และขุนนางสำนักเสิ่งย่วน 省院官 ขี่ไปมาเป็นขบวนอยู่ในเมือง มีคนเห็นขัดตาจึงไปฟ้องไฉ้จิง วันถัดมา ไฉ้จิงจึงทูลโอรสสวรรค์ให้ทรงมีพระราชโองการให้สำนักเสิ่งย่วนติดประกาศห้ามไว้ทุกประตูเมืองว่า
“ในกรณีที่มีขุนพลเตรียมตัวออกรบ ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่ายพำนักอยู่นอกเมืองเพื่อรอคำสั่ง หากผู้บังคับบัญชามิได้เรียกตัวเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่อนุญาตให้เข้าเมืองตามอำเภอใจ ผู้ใดฝ่าฝืน ให้ลงโทษตามอาญาทัพ”
ทั้งยังให้นำป้ายมาติดประกาศนี้ไว้ที่นอกประตูเฉินเฉียว 陈桥门 ด้วย มีผู้นำความมาแจ้งซ่งเจียง ซ่งเจียงยิ่งทุกข์ใจขึ้นไปอีก เหล่าขุนพลพอรู้เรื่องต่างเป็นเดือดเป็นแค้น มีใจคิดขบถ ติดอยู่ที่ซ่งเจียงเพียงผู้เดียว
เหล่าแม่ทัพเรือเชิญเสธ.อู๋ย่งมาร่วมหารือ อู๋ย่งลงเรือมาเห็นหลี่จวิ้น จางเหิง จางซุ่น สามหย่วนพี่น้อง อยู่กันพร้อมหน้า กล่าวกับอู๋ย่งว่า
“ราชสำนักตระบัดสัตย์ ขุนนางชั่วกุมอำนาจ ปิดกั้นผู้สามารถ ท่านพี่ของเราพิชิตต้าเหลียว กวาดล้างเถียนหู่ มาบัดนี้ยังปราบหวางชิ่งราบคาบ ได้เพียงแค่ตำแหน่งหวงเฉิงสื่อ ส่วนพวกเรายังไม่มีตำแหน่งอันใดกันเลย นี่ยังมาติดประกาศห้ามพวกเราเข้าเมือง ข้าเห็นว่าขุนนางโฉดชั่วพวกนี้ตั้งใจแยกสลายกำลังพวกเราพี่น้อง จึงเชิญท่านเสธ.มาเป็นผู้นำ หากไปหารือท่านพี่คงไม่ยินยอม พวกเราตั้งใจจะกวาดล้างตงจิงให้เหี้ยนเตียน แล้วกลับไปเป็นโจรอยู่หนองเหลียงซาน”
อู๋ย่งว่า “ท่านพี่ซ่งกงหมิงไม่มีทางยินยอมเป็นแน่ พวกท่านเสียแรงเปล่า หัวลูกศรไม่ไป คันศรกลับหักเสีย แต่ไรมา งูไม่มีหัวไปไหนไม่รอด ข้าเองไม่กล้านำ เรื่องนี้ต้องให้ท่านพี่ยินยอมจึงเดินหน้าได้ หากท่านพี่ไม่ย่อมนำ พวกท่านคิดขบถก็ไม่สำเร็จ”
นายทัพเรือทั้งหกได้แต่นิ่งเงียบ
อู๋ย่งกลับมาถึงค่ายใหญ่ เข้าไปหาซ่งเจียงสนทนาการทัพตามปกติ แล้วกล่าวขึ้นมาว่า
“แต่ก่อนพี่ท่านเป็นอิสระคิดจะทำอะไรก็ทำ พวกพี่น้องต่างอยู่เป็นสุข ตั้งแต่รับนิรโทษกรรมมานี่ สร้างผลงานให้บ้านเมือง ได้เป็นขุนนาง แต่ข้อจำกัดมากมายไม่อาจขยับตัว พวกพี่น้องคับข้องใจนัก”
ซ่งเจียงได้ฟังก็สะดุ้งถามว่า “ใครมาพูดอะไรกับท่านกระมัง”
อู๋ย่งว่า “นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก กล่าวกันว่า “ลาภและยศ เป็นสิ่งพึงประสงค์ ยากจนไร้ค่า เป็นที่น่ารังเกียจ” แค่มองสีหน้า ก็รู้ความในใจ”
ซ่งเจียงว่า “ท่านเสธ. ต่อให้พี่น้องเรามีใจเป็นอื่น ตัวข้าแม้ตายสู่ปรโลก ก็ยังคงภักดีมิมีเปลี่ยนแปลง”
ตอนก่อนหน้า : เอี้ยนชิงยิงห่านป่า
ตอนถัดไป : ลูกดิ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา