7 พ.ค. เวลา 12:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🥜 "กินถั่วลิสงทุกวันอาจช่วยรักษาภูมิแพ้ถั่วลิสงได้จริงหรือ?" คำถามใหม่ของวงการแพทย์ที่เริ่มมีคำตอบ

คุณเคยได้ยินคำว่า “ภูมิแพ้อาหาร” หรือ “food allergy” ไหม? โรคนี้อาจฟังดูไกลตัวสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับบางคนแล้ว มันคือสิ่งที่คุกคามชีวิตได้ทุกวัน และหนึ่งในภูมิแพ้ที่พบบ่อยและอันตรายที่สุดก็คือ "ภูมิแพ้ถั่วลิสง"
ภูมิแพ้ถั่วลิสง (Peanut Allergy) เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อ “โปรตีนในถั่วลิสง” ราวกับว่ามันคือสารพิษหรือเชื้อโรคร้ายแรง ร่างกายจึงผลิตแอนติบอดีชนิด Immunoglobulin E (IgE) ขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งเจ้า IgE นี้แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญของอาการภูมิแพ้ เช่น ผื่น คัน คลื่นไส้ หายใจไม่ออก และในบางกรณีที่รุนแรงมาก อาจเกิด “ภาวะช็อกแบบรุนแรง” หรือที่เรียกว่า Anaphylactic Shock ที่ถึงขั้นเสียชีวิตได้
ถั่วลิสงจึงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ และพวกเขาต้องหลีกเลี่ยงมันอย่างเข้มงวดทุกวินาทีของชีวิต
🧪 แล้วถ้า "กินถั่วลิสงทีละนิด" จะช่วยรักษาอาการแพ้ได้จริงหรือ?
หลายปีที่ผ่านมา นักวิจัยและแพทย์ต่างหาวิธีในการลดความรุนแรงของภูมิแพ้ถั่วลิสง หนึ่งในแนวทางที่เริ่มเป็นที่สนใจก็คือ “ภูมิคุ้มกันบำบัดทางช่องปาก” (Oral Immunotherapy – OIT)
แนวทางนี้ฟังดูสวนทางกับสิ่งที่เราเคยเรียนมา เพราะมันคือการ “ให้ผู้ป่วยกินสารที่แพ้” เข้าไปทีละนิด ในปริมาณที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำ แล้วค่อย ๆ เพิ่มขนาดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยหวังว่า ร่างกายจะค่อย ๆ เรียนรู้ และปรับระบบภูมิคุ้มกันให้ไม่ตอบสนองรุนแรงต่อสารนั้นอีก
🇺🇸 ในปี 2020 สหรัฐอเมริกาเริ่มอนุมัติให้ใช้ OIT กับเด็ก
แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะในขณะที่มีการศึกษาในเด็กอย่างกว้างขวาง ยังไม่มีงานวิจัยขนาดใหญ่ใด ๆ ที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า OIT ใช้ได้ผลกับ “ผู้ใหญ่” ด้วยหรือไม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในปีนี้
🔬 งานวิจัยจากสหราชอาณาจักร กับผู้ป่วยจริง 21 คน
Dr. Stephen Till จากราชวิทยาลัย King's College London ประเทศอังกฤษ และทีมของเขาได้เริ่มการทดลองในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอาการแพ้ถั่วลิสงอย่างชัดเจน โดยอาสาสมัครทั้ง 21 คน มีอาการที่ต่างกัน แต่มีจุดร่วมคือ ทุกคน "ไม่สามารถกินถั่วลิสงได้แม้แต่ 1/8 ของเมล็ด" โดยไม่เกิดอาการแพ้
การทดลองเริ่มต้นด้วยการให้ผู้ป่วยกินโปรตีนจากถั่วลิสงในปริมาณเพียง “1 ใน 40 ของเมล็ดถั่วลิสง” ต่อวัน เป็นเวลาสองสัปดาห์
หลังจากนั้นทุกสองสัปดาห์ ทีมวิจัยจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งผู้ป่วยสามารถกินโปรตีนจากถั่วลิสงได้เทียบเท่ากับ “ถั่วลิสงขนาดใหญ่ 4 เม็ด” ต่อวัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนติดต่อกันโดยไม่เกิดอาการแพ้
🚑 ผลข้างเคียงมีจริง แต่ถือว่ายอมรับได้
จากผู้เข้าร่วมทั้งหมด 21 คน มีผู้ที่ถอนตัวจากการทดลอง 6 คน
  • 3 คนถอนตัวเพราะเกิดอาการแพ้ขณะทำการบำบัด
  • อีก 3 คนถอนตัวด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการแพ้
Dr. Cezmi Akdis จากสถาบัน Swiss Institute of Allergy and Asthma Research แห่งสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า “จำนวนผู้ถอนตัวในระดับนี้ ถือว่ายอมรับได้สำหรับการรักษาในลักษณะนี้” ที่สำคัญคือ ผู้ที่อยู่จนครบการทดลองจำนวน 15 คน ได้เข้าทดสอบความสามารถในการกินโปรตีนจากถั่วลิสงในปริมาณที่มากขึ้น โดยมีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด และผลลัพธ์ก็ “น่าทึ่ง” 💡 “มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงมีอาการแพ้เมื่อกินเทียบเท่าถั่วลิสง 5 เม็ด ที่เหลือทั้งหมดสามารถกินได้โดยไม่เกิดอาการแพ้”
🧫 เบื้องหลังความสำเร็จ: แอนติบอดี IgG ที่มาช่วยต้าน IgE
การทดลองครั้งนี้ยังวิเคราะห์ “ตัวอย่างเลือด” ของผู้เข้าร่วมก่อนและหลังการรักษา พบว่า ร่างกายของพวกเขาสร้าง แอนติบอดีชนิด IgG เพิ่มขึ้น ซึ่งเจ้าตัวนี้ทำหน้าที่ “ยับยั้งผลของ IgE” ที่เป็นสาเหตุของอาการแพ้
เป็นหลักฐานที่แสดงว่า การรักษานี้ไม่ได้แค่เปลี่ยนพฤติกรรมของร่างกาย แต่เป็นการ “ฝึกระบบภูมิคุ้มกัน” ให้เปลี่ยนวิธีรับมือกับโปรตีนในถั่วลิสงไปเลย
Dr. Akdis กล่าวว่า “นี่เป็นสัญญาณที่ดีมาก แต่ยังจำเป็นต้องมีการทดลองในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว”
⚠️ คำเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
แม้ว่างานวิจัยนี้จะสร้างความหวังใหม่ให้กับผู้ใหญ่ที่แพ้ถั่วลิสง แต่การบำบัดด้วย OIT ยังไม่ควรทำด้วยตนเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ทุกเมื่อ หากไม่มีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการแพ้อาหารชนิดใด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งก่อนเริ่มทำการรักษาหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ
📌 สรุปสั้น ๆ
✅ การบำบัดภูมิแพ้ถั่วลิสงด้วยวิธี "กินโปรตีนถั่วลิสงทีละน้อย" มีแนวโน้มว่าจะได้ผลในผู้ใหญ่
✅ งานวิจัยล่าสุดจากอังกฤษ พบว่า 14 ใน 15 คน สามารถกินโปรตีนถั่วลิสงเทียบเท่า 5 เม็ดได้โดยไม่เกิดอาการแพ้
✅ แอนติบอดีชนิด IgG เพิ่มขึ้นหลังการบำบัด และช่วยลดผลกระทบของ IgE ที่ทำให้เกิดอาการแพ้
✅ การรักษานี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง และไม่ควรทำเองโดยไม่มีแพทย์ดูแล
🔎 แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
โฆษณา