6 พ.ค. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

EMILY’S หมี่ไก่ฉีก ฝันใหญ่ ไป ‘500 ล้าน’ เตรียมบุกต่างจังหวัดเพิ่ม อีก 2 ปี ปักธงเปิดต่างประเทศ

เปิดเส้นทาง EMILY’S หมี่ไก่ฉีก เริ่มจากเมนูประจำบ้าน สู่ร้านที่มียอดขายวันละ 1 หมื่นกล่อง! ทำมาเพียง 2 ปี รายได้โต 600% เตรียมเปิดสาขาต่างจังหวัดเพิ่ม เล็งหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก แง้มเดือนนี้ชิมลางตลาดต่างประเทศ เริ่ม “สิงคโปร์” เป็นแห่งแรก เชื่อกาลเวลาพิสูจน์คุณภาพ แม้เจอดราม่าราคาแพง แต่ลูกค้ายอมรับได้เพราะรสชาติดีจริง
ความนิยมของเมนูหมี่ไก่ฉีกกลายเป็นไวรัลภายในชั่วข้ามคืน หลังจากแบรนด์ EMILY’S โด่งดังผ่านการบอกต่อปากต่อปาก พร้อมกระแสรีวิวบน TikTok ก็ทำให้เกิดร้านหมี่ไก่ฉีกอีกนับหมื่นนับพันแห่งทั่วประเทศ คงไม่เกินจริงไปนักถ้าจะบอกว่า EMILY’S คือต้นตำรับร้านหมี่ไก่ฉีกที่มีขายตามท้องตลาดอย่างทุกวันนี้
ทว่า ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นแรกสุด ธุรกิจของ “เพ็บ-นัยน์ชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” และ “ภัทร์-ธภรัท เวโรจน์ฤดี” ไม่ใช่ร้านขายหมี่ไก่ฉีก แต่เป็น “การชา” ร้านขายชานม-ชาผลไม้ย่านหัวหมาก และหากย้อนไปไกลกว่านั้น “เพ็บ” ยังเคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับช่องยูทูบของพี่สาว
ด้าน “ภัทร์” ในอดีตเป็นแอร์โฮสเตสที่สายการบินแห่งหนึ่ง ตอนนั้นทำให้ทั้งคู่เพิ่งมีโอกาสรู้จักกันราวๆ 3 เดือน ซึ่งตรงกับการเกิดขึ้นของสถานการณ์โรคระบาดใหญ่ ภัทร์ที่ทำอาชีพลูกเรือมีเที่ยวบินน้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ถูกเลย์ออฟเพราะสายการบินปิดกิจการลง
จังหวะนั้นเองที่ทั้งคู่ตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางผู้ประกอบการ จากเมนูชานมสูตรที่ “ภัทร์” ทำมาให้ “เพ็บ” ลองชิม เริ่มจากขายออนไลน์ เปิดรอบพรีออเดอร์ส่งเพียง 2 วันต่อสัปดาห์ จนธุรกิจจริงจังมากขึ้น มีการไปออกบูธจนถึงลงทุนเปิดหน้าร้านที่ห้างสรรพสินค้า แต่วิกฤติโควิด-19 ก็ยังไม่จบลงสักที ห้างร้านถูกสั่งปิด มาตรการล็อกดาวน์เกิดขึ้นพักใหญ่ ทุนที่ลงไปกับการเปิดร้านจมหายในพริบตา
ตอนนั้น “เพ็บ” บอกว่า ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจอยู่รอดแบบที่ยังรักษาพนักงานได้ครบทุกชีวิต จึงกลับมาคุยกันว่า ถ้าร้านชาขายไม่ได้แล้ว ลองหาเมนูอาหารคาวขายเพิ่มดูจะดีกว่าหรือไม่ สุดท้ายก็มาลงเอยที่ “หมี่ไก่ฉีก” เพราะ “ภัทร์” ประทับใจมาก หลังจากมีโอกาสได้ลิ้มรสที่คุณแม่ของ “เพ็บ” ทำให้กิน เมื่อนำไปให้ญาติๆ ฝั่งภัทร์ชิมเพิ่มเติม ปรากฏว่า ทุกคนลงความเห็นเรื่องความอร่อยเป็นเสียงเดียวกัน มองว่า เส้นหมี่ขาวคลุกน้ำซอสสูตรลับจากคุณย่าจานนี้รสชาติไม่เหมือนใคร ถ้าทำขายทุกคนต้องติดใจเหมือนตนเองแน่นอน
แต่แค่นั้นยังไม่พอ “ภัทร์” บอกว่า หมี่ไก่ฉีกของครอบครัวเพ็บมีครบทุกรสชาติแล้ว ขาดเพียงอย่างเดียวคือรสเผ็ดและความแซ่บนัว ด้วยความที่ตนเองชอบกินน้ำพริกหลายแบบ มองว่า น้ำพริกหมูกระจกน่าจะเข้ากับเส้นหมี่มากที่สุด เมื่อนำมากินคู่กันก็พบว่า อร่อยลงตัวมากกว่าเดิม ทั้งยังมีสัมผัสกรุบกรอบที่เติมเต็มความนุ่มนวลของเส้นหมี่และไก่ฉีกได้ด้วย
การโปรโมตและทำการตลาดในตอนนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าบอกต่อปากต่อปาก และทำช่อง TikTok จากหลักสิบกล่อง และเริ่มไต่ระดับถึงหลักร้อยกล่อง ทั้งสองคนคุยกันว่า จะลองเปิดบูธ Pop-up ที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า จะมีลูกค้าต่อคิวยาวเหยียด จุดหักเลี้ยวสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นที่เริ่มไต่ระดับสู่ 200-300 กล่อง จนถึงปัจจุบัน EMILY’S มียอดขายเฉลี่ยเกือบๆ 10,000 กล่องต่อวัน หรือเกือบๆ “1 ล้านกล่องต่อเดือน”
ไม่ใช่แค่รสชาติ และความเป็น “คนไทยคนแรก” ของเมนูหมี่ไก่ฉีก แต่ด้วยราคาขายสนนที่กล่องละ 125 บาท จึงทำให้เกิดกระแสดรามาในช่วงเริ่มต้น หลังจากเคาะกันแล้วว่า จะนำเมนูประจำบ้านของเพ็บมาทำขาย เธอบอกกับภัทร์ว่า ถ้าจะขายเมนูนี้ต้องราคาสูง เพราะใช้ต้นทุนสูงมาก และเธอจะไม่ยอมลดคุณภาพหรือใช้วัตถุดิบที่แตกต่างไปจากเดิมแม้แต่อย่างเดียว ถ้าจะขายต้องทำแบบที่คุณแม่ทำให้กินเท่านั้น
“เพ็บ” บอกว่า เธอไม่ได้คาดคิดว่า เรื่องราคาจะกลายเป็นกระแสที่ทำให้ EMILY’S ถูกพูดถึง ทว่า ตระหนักดีถึงตัวเลขที่สูง ถึงอย่างนั้นเพ็บก็มองว่า ดรามาเรื่องราคาจะหายไปทันทีหากลูกค้าได้เปิดกล่องลองชิมแล้วสัมผัสได้ถึงคุณภาพที่ใส่ลงไปแบบไม่มีกั๊ก นับจากวันแรกที่ทำกันเองสองคนในบ้านด้วยครัวโฮมเมดเล็กๆ สู่วันที่ต้องปิดร้านชาถาวร ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 3-4 เดือนเศษๆ หมี่ไก่ฉีก EMILY’S ก็ติดปีกพร้อมกับยอดสั่งซื้อถล่มทลายทันที
จากยอดขายปี 2566 ที่ 24 ล้านบาท ปีที่ผ่านมา EMILY’S ในนาม บริษัท เอ็นพีทีดับเบิ้ลยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีรายได้ 175 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.6 ล้านบาท ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ สาขาหัวหมาก สาขาอโศก สาขาลาดพร้าว สาขาเจริญนครซอย 10 และสาขาบางจาก และกำลังจะเปิดเร็วๆ นี้อีกหนึ่งแห่งที่สาขาดอนเมือง ทุกสาขาเน้นเป็นฮับสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ยกเว้นสาขาเจริญนครซอย 10 ที่มีที่นั่งทานรองรับได้ 2-3 โต๊ะ
“เพ็บ” บอกว่า เคยขายได้พีคที่สุดอยู่ที่ 10,000 กล่องต่อวัน รวมทุกช่องทาง ทุกสาขา ซึ่งทุกวันนี้ยอดขายเฉลี่ยก็ยังอยู่ที่ 8-9 พันกล่องต่อวัน ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากเดิมมากนัก ทั้งคู่บอกว่า รับรู้เสียงเรียกร้องเรื่องการขยายสาขาจากลูกค้า ทุกวันนี้ก็ยังควบคู่การออกบูธไปด้วยเสมอ เพื่อเข้าถึงกลุ่มที่ลูกค้าที่แวะเวียนมาเดินห้าง และอาจจะยังไกลจากฮับเดลิเวอรีทั้ง 6 แห่ง
สำหรับบูธ Pop-up ที่สนามบินดอนเมือง เปิดขึ้นมาเพื่อตอบรับลูกค้าต่างจังหวัดโดยเฉพาะ “เพ็บ” เล่าว่า มีลูกค้าที่ได้มีโอกาสมาชิมแล้วอยากซื้อกลับไปฝากที่บ้าน บางคนก็หากินรสชาติแบบนี้ที่อื่นไม่ได้ จึงเกิดเป็นสาขาสนามบินดอนเมืองขึ้น พร้อมๆ กับกางแผน EMILY’S On-tour ในปีนี้ ทุกๆ เดือนจะมีบูธ Pop-up ตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ โคราช เหตุผลหลักๆ ก็เพื่อเก็บฟีดแบ็กว่า ตรงไหนมีแนวโน้มให้การตอบรับแบรนด์ EMILY’S จะเลือกปักหมุดโลเกชันนั้นเป็นสาขาถัดไป
อ่านต่อ:
โฆษณา