5 พ.ค. เวลา 15:41 • ข่าวรอบโลก

🇪🇺 "ยุโรปเชิญชวนนักวิทย์อเมริกัน" – อียูอัดฉีดงบ €500 ล้าน ดึงนักวิจัยสหรัฐฯ หลังทรัมป์ตัดงบวิจัย

🇺🇸 "Choose Europe" – EU unveils €500M package to attract US scientists amid Trump-era federal research cuts
✳️ สรุปข่าวเข้าใจง่าย:
เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง และ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปจัดแถลงข่าวใหญ่ ณ กรุงปารีส เปิดตัวโครงการ “Choose Europe” พร้อมงบสนับสนุนกว่า €500 ล้านยูโร ภายในระยะเวลา 2 ปี เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาให้ย้ายมาทำงานในยุโรป
🇺🇸 สาเหตุหลักคือ รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตัดงบประมาณด้านวิจัยของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อย่างรุนแรง ทำให้สถาบันวิชาการและนักวิจัยจำนวนมากต้องเผชิญกับข้อจำกัดทั้งด้านทุนและเสรีภาพทางวิชาการ
🇪🇺 ในขณะที่ยุโรปกำลังเดินเกมตรงข้ามด้วยการเสนอทั้งงบสนับสนุน ความมั่นคงในการทำวิจัย และเสรีภาพทางวิชาการที่มากกว่า เพื่อดึงดูด “สมองไหล” มาสู่ยุโรปแทน
🎯 ผลกระทบต่อไทยและภูมิภาค
🌍 การโยกย้ายฐานนักวิจัยระดับโลกจากสหรัฐฯ มาสู่ยุโรปอาจส่งผลต่อโครงสร้าง “ห่วงโซ่ความรู้ระดับโลก” (Global Knowledge Supply Chain)
ไทยอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในการแย่งชิงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีชีวภาพและพลังงานสะอาด
📉 ในระยะกลาง อาจทำให้สหรัฐฯ ชะลอการลงทุนด้านวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยในเอเชีย รวมถึงไทย เพราะทรัพยากรถูกจำกัด
ในขณะเดียวกัน ยุโรปอาจหันมามองภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขยายความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
📉 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย
💼 หุ้นที่มีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงบวก (ทางอ้อม):
หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ การศึกษานานาชาติ เทคโนโลยี AI วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และความร่วมมือวิจัยต่างประเทศ ได้แก่:
KCE (เคซีอี อีเลคโทรนิคส์) – ผู้ผลิตแผงวงจรที่มีลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก หากยุโรปขยายงบวิจัยด้านอิเล็กทรอนิกส์
SVI (เอสวีไอ) – รับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง มีศักยภาพต่อยอดสู่ความร่วมมือ R&D
TMILL – แม้เป็นธุรกิจโรงงานแปรรูปอาหาร แต่มีการลงทุนในนวัตกรรมทางอาหาร ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากกระแสนิยมวิจัยทางอาหารในยุโรป
CMO – ผู้ให้บริการอีเวนต์และนิทรรศการ หากมีการจัดแสดงเทคโนโลยีหรืองานวิจัยระดับนานาชาติมากขึ้นในไทย
HTECH (แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่) – มีบทบาทในการพัฒนาและผลิตเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง เช่น เครื่องมือฝังรากฟันเทียมและเครื่องมือผ่าตัด ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับโครงการวิจัยด้านชีวการแพทย์ในยุโรปได้ หากมีการจับมือผ่านช่องทางความร่วมมือระหว่างภาควิจัยและภาคเอกชน
⚠️ หุ้นที่อาจได้รับผลกระทบเชิงลบ (ทางอ้อม):
📉 หุ้นกลุ่มการศึกษาภายในประเทศที่เน้นการพึ่งพาความร่วมมือจากสหรัฐฯ เช่น มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีโปรแกรมแลกเปลี่ยนนักวิจัยกับสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่สหรัฐฯ ลดบทบาทด้านวิจัยระดับโลกลง หุ้นที่เกี่ยวข้องอย่าง SE-ED (ซีเอ็ดยูเคชั่น) ซึ่งจำหน่ายหนังสือและสื่อการเรียนรู้จากต่างประเทศ อาจเผชิญความต้องการที่ลดลง หากความนิยมต่อองค์ความรู้จากสหรัฐฯ ถดถอย
ขณะที่ MODERN (โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์และบริการด้านเฟอร์นิเจอร์เพื่อภาคการศึกษา อาจถูกกระทบจากการชะลอการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เคยพึ่งพาความร่วมมือหรือหลักสูตรร่วมกับสหรัฐฯ เป็นหลัก
การสูญเสียพันธมิตรทางวิชาการจากสหรัฐฯ อาจทำให้หุ้นในกลุ่มเหล่านี้ขาดโอกาสต่อยอดงานวิจัยที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
🏷️ Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ChooseEurope #EUSciencePush #TrumpCutsScienceFunding #GlobalResearchShift #SuperpowerStage #เวทีมหาอำนาจ #WorldScopeข่าวเด่น #WorldScopeAnalysis #ข่าวต่างประเทศวิเคราะห์ลึก
🔗 Reference: The Economic Times - India

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา