Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
6 พ.ค. เวลา 05:05 • ประวัติศาสตร์
เมื่อ “มหาเศรษฐีอเมริกัน” ต่อสู้เพื่อให้ฟิลิปปินส์รอดพ้นอำนาจ “สหรัฐอเมริกา”
เมื่อสหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายชนะใน “สงครามสเปน–สหรัฐ (Spanish–American War)“ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สหรัฐอเมริกาก็ได้ซื้อฟิลิปปินส์จากสเปนมาด้วยราคา 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 771 ล้านดอลลาร์ตามค่าเงินปัจจุบัน (ประมาณ 25,300 ล้านบาท)
สหรัฐอเมริกาต้องการที่จะผนวกฟิลิปปินส์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตน หากแต่ชาวฟิลิปปินส์นั้นไม่ยอมและได้ทำการต่อต้าน นำไปสู่ “สงครามฟิลิปปินส์-อเมริกา (Philippines-American War)”
แต่คนที่ออกมาต่อต้านนโยบายยึดครองฟิลิปปินส์ของสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้มีเพียงแต่ชาวฟิลิปปินส์เท่านั้น หากแต่ชาวอเมริกันจำนวนมากเองก็ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของตน และถึงขนาดเกิดกลุ่มต่อต้านอำนาจจักรวรรดินิยมอเมริกัน มีชนชั้นนำชาวอเมริกันจำนวนมากเข้าร่วม
1
หนึ่งในนั้นคือมหาเศรษฐีที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดอันดับต้นๆ ของประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ นั่นคือ “แอนดรูว์ คาร์เนกี (Andrew Carnegie)”
1
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
แอนดรูว์ คาร์เนกี (Andrew Carnegie)
“แอนดรูว์ คาร์เนกี (Andrew Carnegie)” เกิดที่สก็อตแลนด์ในปีค.ศ.1835 (พ.ศ.2378) โดยเกิดมาในครอบครัวช่างทอผ้า ทำให้คาร์เนกีรู้จักการทอผ้าตั้งแต่วัยเยาว์
ในปีค.ศ.1848 (พ.ศ.2391) ครอบครัวคาร์เนกีย้ายไปตั้งรกรากยังสหรัฐอเมริกา โดยทั้งบิดาและตัวคาร์เนกีวัย 12 ปี ได้เข้าทำงานในโรงงานผ้าฝ้าย ต้องทำงานสัปดาห์ละหกวัน วันละ 12 ชั่วโมง
ในปีต่อมา ค.ศ.1849 (พ.ศ.2392) คาร์เนกีได้เปลี่ยนงานไปทำงานเป็นเมสเซนเจอร์รับส่งข้อความโทรเลข ทำให้คาร์เนกีต้องจดจำทั้งสถานที่และเหล่าบุคคลสำคัญต่างๆ และทำให้คาร์เนกีได้คอนเน็คชั่นมากมาย ก่อนที่หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งปี คาร์เนกีจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
คาร์เนกีเรียนรู้ด้วยตนเอง มักจะยืมหนังสือนับสิบเล่มมาจากห้องสมุดเพื่อมาศึกษาหาความรู้ โดยอ่านทั้งเรื่องของเศรษฐศาสตร์และการพัฒนาทางวัฒนธรรม
1
เมื่อมีอายุได้ 18 ปี บริษัทรถไฟก็ได้จ้างคาร์เนกีเป็นเลขานุการและโอเปอเรเตอร์ ก่อนที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการในปีค.ศ.1859 (พ.ศ.2402)
1
ในช่วงเวลานี้เอง คาร์เนกีเริ่มลงทุนในบริษัทที่ให้บริการรถไฟตู้นอน ก่อนจะขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจเหล็ก เป็นต้น
1
นอกจากนั้น คาร์เนกียังทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากการลงทุนในบ่อน้ำมันในเพนซิลวาเนีย และคาร์เนกียังเดินทางไปยุโรปเพื่อขายประกันทางรถไฟอีกด้วย
1
เมื่อมีอายุได้ 30 ปี คาร์เนกีก็มีรายได้ถึงปีละ 50,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 981,000 ดอลลาร์ตามค่าเงินปัจจุบัน (ประมาณ 32 ล้านบาท)
1
ด้วยความที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ในช่วงทศวรรษ 1870 (พ.ศ.2413-2422) คาร์เนกีจึงก่อตั้งบริษัท “Carnegie Steel Company“ ซึ่งได้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนที่ในปีค.ศ.1901 (พ.ศ.2444) คาร์เนกีจะขายกิจการของตนไปด้วยราคา 489 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 18,400 ล้านดอลลาร์ตามค่าเงินปัจจุบัน (ประมาณ 605,000 ล้านบาท)
2
สำหรับทรัพย์สินของคาร์เนกีตามค่าเงินปัจจุบัน จะอยู่ที่ประมาณ 309,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10 ล้านล้านบาท) ซึ่งหากคาร์เนกียังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เขาจะเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับสองของโลก
1
และสำหรับการต่อต้านการยึดครองฟิลิปปินส์ของสหรัฐอเมริกานั้น คาร์เนกีดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนจะขายบริษัทแล้ว โดยเขาได้ร่วมมือกับบุคคลดังในแวดวงสังคมหลายคน ก่อตั้งกลุ่มต่อต้านอำนาจจักรวรรดินิยมอเมริกัน ต่อต้านแผนการยึดครองฟิลิปปินส์ของสหรัฐอเมริกา
เมื่อสหรัฐอเมริกาเอาชนะสเปนได้ รัฐบาลอเมริกันก็ได้ตัดสินใจยึดอาณานิคมของสเปนหลายๆ แห่ง รวมทั้งเกาะฟิลิปปินส์ ซึ่งสหรัฐอเมริกาซื้อต่อจากราชสำนักสเปนในราคา 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 771 ล้านดอลลาร์ตามค่าเงินปัจจุบัน (ประมาณ 25,300 ล้านบาท)
สำหรับสาเหตุที่สหรัฐอเมริกาต้องการฟิลิปปินส์ก็มาจากหลายเหตุผล เช่น เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าในเอเชีย และมองว่าชาวฟิลิปปินส์ไม่มีศักยภาพพอที่จะปกครองตนเองได้ และข้อสำคัญ นั่นคือเพื่อชิงตัดหน้าเยอรมนีและญี่ปุ่นที่อาจจะมายึดครองฟิลิปปินส์ในภายหลัง
เสียงในตอนนั้นก็แตกออกเป็นสองกลุ่ม โดยมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่เห็นด้วยก็มองว่าการยึดครองฟิลิปปินส์จะทำให้สหรัฐอเมริกามีจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั้งในทางการค้าและการทหาร
แต่คาร์เนกีนั้นอยู่ในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย
ในปีค.ศ.1898 (พ.ศ.2441) คาร์เนกีได้เขียนบทความลงนิตยสาร วิพากษ์วิจารณ์การยึดครองฟิลิปปินส์ของสหรัฐอเมริกา โดยกล่าวว่า การที่สหรัฐอเมริกาเข้ายึดครองฟิลิปปินส์นั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเสียงบประมาณไปฟรีๆ ได้ไม่คุ้มเสีย อีกทั้งในทางศีลธรรมนั้นก็ผิดอย่างมาก
และเมื่อสหรัฐอเมริกาได้ซื้อฟิลิปปินส์ต่อจากสเปนในที่สุด คาร์เนกีก็ไม่ยอมแพ้ แต่ยอมเสนอเงินจำนวนเดียวกัน คือ 20 ล้านดอลลาร์ โดยเสนอว่าจะบริจาคเงินจำนวน 20 ล้านดอลลาร์ให้รัฐบาลอเมริกัน แลกกับการที่สหรัฐอเมริกายอมถอยและให้ฟิลิปปินส์เป็นเอกราช
1
หากแต่รัฐบาลไม่ยินยอมรับข้อเสนอนี้
แต่คาร์เนกีก็ไม่ยอมแพ้ ได้เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดี “วิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley)” โดยกล่าวว่าหากการยึดฟิลิปปินส์ยังดำเนินต่อไป จะต้องเกิดการนองเลือดระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐอเมริกาเป็นแน่
1
1
วิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley)
สิ่งที่คาร์เนกีพูดนั้นถูกต้อง ในไม่ช้า ชาวฟิลิปปินส์ได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจอเมริกัน เกิดเป็น “สงครามฟิลิปปินส์-อเมริกา (Philippines-American War)”
2
สหรัฐอเมริกาต้องส่งกำลังทหารเข้าไปเสริมในฟิลิปปินส์เป็นจำนวนมาก หมดเงินงบประมาณไปนับล้านดอลลาร์ ทำให้กลุ่มต่อต้านของคาร์เนกียิ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์หนัก
1
แต่ประธานาธิบดีแมกคินลีย์ก็ได้ออกมาอ้างว่าการทำสงครามนี้ถูกต้องแล้ว เนื่องจากชาวฟิลิปปินส์นั้นก่อกบฏ ไม่สำนึกบุญคุณของผู้ที่มาช่วยเหลืออย่างสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นการนำความเจริญ นำ “อารยธรรม” ไปสู่ฟิลิปปินส์
แต่ผลของสงครามนั้นก็ทำให้ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากต้องเสียชีวิต ซึ่งคาร์เนกีได้เขียนจดหมายถึงเพื่อนของตนที่ทำงานอยู่ในรัฐบาลแมกคินลีย์ มีใจความว่า
1
“ดูเหมือนว่านายจะทำงานสำเร็จลุล่วงในการนำอารยธรรมเข้าไปสู่ชาวฟิลิปปินส์แล้วสินะ มีการประเมินว่ามีคนราวๆ 8,000 คนที่ได้รับอารยธรรมและถูกส่งขึ้นสวรรค์ไปแล้ว หวังว่านายจะภูมิใจในผลงานของนายนะ”
สหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายชนะในสงครามนี้ในปีค.ศ.1902 (พ.ศ.2445) และฟิลิปปินส์ก็ต้องสูญเสียชีวิตผู้คนไปกว่า 250,000 คน ก่อนที่ในปีเดียวกันนี้เอง สหรัฐอเมริกาจะผนวกฟิลิปปินส์เข้ามาไว้ใต้อำนาจของตนอย่างเป็นทางการ
1
แต่ถึงอย่างนั้น คาร์เนกีก็ยังคงเป็นปากเป็นเสียง ออกมาต่อสู้เพื่อเอกราชของฟิลิปปินส์จนเขาเสียชีวิตในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) ด้วยวัย 83 ปี
1
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นฟิลิปปินส์เป็นเอกราชอย่างที่มุ่งหวัง แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ในปีค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) สหรัฐอเมริกาก็ได้มอบเอกราชให้แก่ฟิลิปปินส์ในที่สุด
References:
https://medium.com/lessons-from-history/the-american-billionaire-who-offered-20-million-to-save-filipinos-from-u-s-imperialism-c25fb504a64
https://www.esquiremag.ph/long-reads/features/andrew-carnegie-philippines-a00304-20200105?s=77g7ici56pqinccol2hl0ru6e7
https://www.theodorerooseveltcenter.org/Research/Digital-Library/Record?libID=o282749
https://www.alternatehistory.com/forum/threads/andrew-carnegie-buys-the-philippines.60326/
ประวัติศาสตร์
21 บันทึก
28
1
8
21
28
1
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย