Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Top Ranking
•
ติดตาม
6 พ.ค. เวลา 15:18 • การศึกษา
20 สินค้าไทยระดับตำนาน ยืนยงข้ามกาลเวลา ครองใจผู้บริโภค
ประเทศไทยมีแบรนด์สินค้าจำนวนไม่น้อยที่ถือกำเนิดขึ้นและเติบโตเคียงคู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน หลายแบรนด์ไม่เพียงแต่สามารถรักษาคุณภาพและครองใจผู้บริโภคในประเทศได้เท่านั้น แต่ยังสามารถขยายตลาดไปสู่ระดับสากล สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย บทความนี้จะพาไปสำรวจ 20 สินค้าไทยที่ได้รับการยอมรับว่า "ตายไม่เป็น" พร้อมวิเคราะห์จุดแข็งที่ทำให้ยืนหยัดมาได้จนถึงปัจจุบัน รวมถึงภาพรวมรายได้ และทิศทางในอนาคต
1. มาม่า (Mama)
☆ จุดแข็ง: ผู้บุกเบิกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทย รสชาติถูกปากคนไทย มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ราคาเข้าถึงง่าย และทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นชื่อสามัญ (Generic Name) ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปโดยปริยาย
☆ รายได้ (บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)): ปี 2566 มีรายได้รวมประมาณ 27,987 ล้านบาท (รายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์มาม่าและขนมปังฟาร์มเฮ้าส์)
☆ อนาคต: มุ่งเน้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการผลิต
2. กระทิงแดง (Krating Daeng)
☆ จุดแข็ง: เป็นผู้บุกเบิกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทย มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ให้พลังงาน และสร้างแบรนด์ได้แข็งแกร่งจนเป็นที่รู้จักในระดับโลกภายใต้ชื่อ "Red Bull"
☆ รายได้ (กลุ่มธุรกิจ TCP): เป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ รายได้เฉพาะส่วนของกระทิงแดงในไทยไม่ได้เปิดเผยชัดเจน แต่ Red Bull ทั่วโลกมียอดขายหลายแสนล้านบาทต่อปี
☆ อนาคต: ยังคงเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในระดับโลก ขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มให้หลากหลาย และทำกิจกรรมการตลาดที่เน้นไลฟ์สไตล์และความท้าทาย
3. เบียร์สิงห์ (Singha Beer)
☆ จุดแข็ง: แบรนด์เบียร์ไทยรายแรก มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 90 ปี คุณภาพรสชาติเป็นที่ยอมรับ มีภาพลักษณ์ของความเป็นพรีเมียมและความเป็นไทย การตลาดแข็งแกร่ง
☆ รายได้ (บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด): เป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ไม่ได้เปิดเผยรายได้เฉพาะส่วน แต่เป็นผู้นำตลาดเบียร์ในไทยมาอย่างยาวนาน
☆ อนาคต: รักษาความเป็นผู้นำตลาดเบียร์ในไทย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ และธุรกิจไลฟ์สไตล์
4. เบียร์ช้าง (Chang Beer)
☆ จุดแข็ง: เข้าสู่ตลาดด้วยกลยุทธ์ราคาที่สามารถแข่งขันได้ และสร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว มีการปรับปรุงรสชาติและภาพลักษณ์อย่างต่อเนื่อง มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง
☆ รายได้ (บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)): กลุ่มธุรกิจเบียร์ของไทยเบฟฯ มีรายได้หลายหมื่นล้านบาทต่อปี
☆ อนาคต: มุ่งขยายส่วนแบ่งการตลาดทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน
5. น้ำปลาทิพรส (Tiparos Fish Sauce)
☆ จุดแข็ง: แบรนด์น้ำปลาที่อยู่คู่ครัวไทยมานานกว่า 70 ปี รสชาติกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ ราคาคุ้มค่า และเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภค
☆ รายได้ (บริษัท ไพโรจน์ (ทั่งซังฮะ) จำกัด): เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมายาวนาน รายได้อาจไม่เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างกว้างขวาง แต่ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดน้ำปลา
☆ อนาคต: รักษาคุณภาพมาตรฐาน ขยายตลาดไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ และอาจมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากขึ้น
6. น้ำปลาตราปลาหมึก (Squid Brand Fish Sauce)
☆ จุดแข็ง: เป็นที่รู้จักในด้านคุณภาพของน้ำปลาแท้ มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น เป็นที่นิยมทั้งในครัวเรือนและร้านอาหาร รวมถึงเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดส่งออก
☆ รายได้ (บริษัท โรงงานน้ำปลาไทย (ตราปลาหมึก) จำกัด): ประสบความสำเร็จในการส่งออก ทำให้มีรายได้ที่มั่นคง
☆ อนาคต: เน้นการรักษาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตระดับสากล ขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ และอาจพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำปลาพรีเมียมหรือสูตรลดโซเดียม
7. กระทิชาวเกาะ (Chaokoh Coconut Milk)
☆ จุดแข็ง: หนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของไทย มีผลิตภัณฑ์หลากหลายทั้งกะทิสำเร็จรูป น้ำมะพร้าว และอื่นๆ คุณภาพเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
☆ รายได้ (บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด): มีรายได้หลายพันล้านบาทต่อปีจากผลิตภัณฑ์หลากหลายภายใต้แบรนด์ชาวเกาะและแม่พลอย
☆ อนาคต: พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวอย่างต่อเนื่อง ขยายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของแหล่งวัตถุดิบ
8. นมตรามะลิ (Mali Condensed Milk)
☆ จุดแข็ง: ผู้นำตลาดนมข้นหวานและนมข้นจืดในประเทศไทยมากว่า 60 ปี คุณภาพคงที่ รสชาติหอมหวานมันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูอาหารและเครื่องดื่มมากมาย
☆ รายได้ (อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด): เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งสูง มีรายได้หลายพันล้านบาทต่อปี
☆ อนาคต: รักษาความเป็นผู้นำตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น นม UHT รสชาติต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำ และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย
9. แป้งเย็นตรางู (Snake Brand Prickly Heat Powder)
☆ จุดแข็ง: ผู้คิดค้นแป้งเย็นรายแรกของโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 130 ปี เป็นสัญลักษณ์ของความเย็นสดชื่น บรรจุภัณฑ์กระป๋องเหล็กเป็นเอกลักษณ์ และมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
☆ รายได้ (บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด): เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
☆ อนาคต: พัฒนากลิ่นและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มระงับกลิ่นกายและให้ความเย็น เช่น สเปรย์เย็น ครีมอาบน้ำ ขยายตลาดไปยังประเทศในเขตร้อน
10. ยาหม่องตราถ้วยทอง (Golden Cup Balm)
☆ จุดแข็ง: ยาหม่องสารพัดประโยชน์คู่บ้านคนไทยมากว่า 70 ปี ใช้บรรเทาอาการปวดเมื่อย วิงเวียน แมลงสัตว์กัดต่อย กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และเป็นที่รู้จักในหลายประเทศ
☆ รายได้ (บริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด): เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมียอดขายต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
☆ อนาคต: รักษาคุณภาพและสรรพคุณดั้งเดิม อาจมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและพกพาสะดวก ขยายตลาดส่งออก
11. สบู่นกแก้ว (Parrot Botanicals Soap)
☆ จุดแข็ง: สบู่ก้อนยอดนิยมของไทย มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากดอกไม้และพฤกษาธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสดชื่น ราคาเข้าถึงง่าย และอยู่คู่คนไทยมากว่า 70 ปี
☆ รายได้ (บริษัท รูเบียอุตสาหกรรม จำกัด ในเครือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์): เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของ BJC ที่มียอดขายรวมสูง
☆ อนาคต: พัฒนากลิ่นใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทำความสะอาดร่างกายอื่นๆ เช่น ครีมอาบน้ำ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของกลิ่นดั้งเดิม
12. ศรีจันทร์ (Srichand Powder)
☆ จุดแข็ง: แป้งหอมในตำนานของไทยที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 โดดเด่นเรื่องการควบคุมความมันบนใบหน้า ได้มีการปรับปรุงภาพลักษณ์แบรนด์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ
☆ รายได้ (บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด): เติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากการรีแบรนด์ มียอดขายหลายร้อยล้านบาท
☆ อนาคต: พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้ครบวงจร ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
13. ยาดมโป๊ยเซียน (Poy-Sian Brand Mark II Inhaler)
☆ จุดแข็ง: ยาดมคู่กายคนไทย ใช้บรรเทาอาการคัดจมูก วิงเวียนศีรษะ ออกแบบให้ใช้งานง่าย พกพาสะดวก ราคาถูก และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
☆ รายได้ (บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด): มียอดขายจำนวนมากจากทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยว
☆ อนาค: รักษาคุณภาพและรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ อาจมีการเพิ่มกลิ่นใหม่ๆ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาอาการหวัด
14. รองเท้านันยาง (Nanyang)
☆ จุดแข็ง: แบรนด์รองเท้าผ้าใบและรองเท้าแตะที่ทนทาน ราคาคุ้มค่า เป็นที่นิยมในกลุ่มนักเรียนและคนทั่วไป มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 70 ปี และมีการปรับตัวทำการตลาดเข้าถึงคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง
☆ รายได้ (บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด): เป็นผู้นำตลาดรองเท้านักเรียนและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
☆ อนาคต: รักษาคุณภาพความทนทาน พัฒนาดีไซน์ใหม่ๆ ที่ยังคงเอกลักษณ์เดิม และขยายไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
15. สมุดตราช้าง (Elephant Brand Stationery)
☆ จุดแข็ง: ผู้นำตลาดเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย คุณภาพดี เป็นที่รู้จักและไว้วางใจมาอย่างยาวนาน
☆ รายได้ (บริษัท ดี.เอช.เอ. สยามวาลา จำกัด): เป็นบริษัทเครื่องเขียนชั้นนำของไทย
☆ อนาคต: พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งสำหรับนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน เน้นนวัตกรรมและการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
16. สี TOA (TOA Paint)
☆ จุดแข็ง: ผู้นำตลาดสีทาอาคารและสารเคลือบผิวในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย คุณภาพสูง และเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง
☆ รายได้ (บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)): มีรายได้กว่าสองหมื่นล้านบาทต่อปี
☆ อนาคต: มุ่งเน้นนวัตกรรมสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Green & Wellness) ขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน และนำเสนอโซลูชันครบวงจรด้านการก่อสร้างและตกแต่ง
17. จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson)
☆ จุดแข็ง: แบรนด์ผ้าไหมไทยระดับโลก มีชื่อเสียงด้านคุณภาพ ความสวยงาม และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าไหมไทย และขยายไปสู่ธุรกิจร้านอาหารและบริการอื่นๆ
☆ รายได้: เป็นแบรนด์ระดับบนที่มีรายได้จากหลายช่องทาง ทั้งผลิตภัณฑ์ผ้าไหม แฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และธุรกิจบริการ
☆ อนาคต: รักษาความเป็นผู้นำในตลาดผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ระดับหรู สร้างสรรค์คอลเลคชั่นใหม่ๆ ที่ผสมผสานความเป็นไทยและความร่วมสมัย และขยายฐานลูกค้าในระดับสากล
18. ปูนซีเมนต์ไทย (SCG Cement)
☆ จุดแข็ง: ส่วนหนึ่งของเครือ SCG ผู้นำธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในภูมิภาค มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี โดดเด่นด้านคุณภาพ นวัตกรรม และความน่าเชื่อถือ
☆ รายได้ (ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของ SCG): เป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ SCG
☆ อนาคต: มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Construction) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการผลิตและบริการ และการขยายตลาดในภูมิภาค
19. มิสทีน (Mistine)
☆ จุดแข็ง: แบรนด์เครื่องสำอางขายตรงสัญชาติไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ราคาเข้าถึงง่าย และทำการตลาดผ่านพรีเซนเตอร์ที่เป็นดาราดัง ทำให้เข้าถึงผู้บริโภควงกว้าง
☆ รายได้ (บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด): เคยเป็นผู้นำตลาดเครื่องสำอางในไทยด้วยยอดขายหลายพันล้านบาท ปัจจุบันมีการปรับตัวเข้าสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น
☆ อนาคต: ปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล เน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์และ E-commerce พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ความงามใหม่ๆ และขยายตลาดส่งออก
20. โอสถสภา (Osotspa)
☆ จุดแข็ง: หนึ่งในบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย มีประวัติยาวนานกว่า 130 ปี เป็นเจ้าของแบรนด์ดังมากมาย เช่น M-150, เบบี้มายด์, ทเวลฟ์พลัส มีความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์และการจัดจำหน่าย
☆ รายได้ (บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)): มีรายได้รวมกว่าสองหมื่นล้านบาทต่อปีจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
☆ อนาคต: มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่ม ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน
สินค้าไทยเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของแบรนด์ไทย การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรักษาคุณภาพและสร้างความผูกพันกับลูกค้า คือกุญแจสำคัญที่ทำให้สินค้าเหล่านี้ยังคง "ตายไม่เป็น" และพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต.
ความรู้รอบตัว
สาระน่ารู้
การศึกษา
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย