7 พ.ค. เวลา 03:51 • ความคิดเห็น
ความเงียบคือนาม และเป็นอนัตตา ความเป็นอนัตตา คือมีเหตุให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้วจะคงอยู่ หรือทนอยู่ไม่ได้ ต้องดับไปในที่สุด ตรงนี้หมายความว่า คุณจะไม่สามารถอยู่กับความเงียบได้ตลอดอายุขัยแน่นอน!
ดังนั้น ความเงียบจึงเป็นธรรมะ ที่จะเกิดขึ้นได้เสมอกับจิตแต่ละดวง แต่ละหนึ่งขณะ ความเงียบที่แท้จริงและลึกซึ้ง จึงไม่ได้หมายถึง "คุณขังตัวเองในห้องเก็บเสียง เพื่อปิดกั้นเสียงต่างๆ จากภายนอก" กลับกัน มันหมายถึงว่า
จิตแต่ละดวงแต่ละหนึ่งขณะ
ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเสียงจากภายนอก
แค่นั้นเอง!
ดังนั้น ความเงียบที่แท้จริงและลึกซึ้ง จึงมีความต่างจากความเงียบแบบหยาบๆ ตามวิสัยโลก หรือโลกียะ หาไม่แล้วพระพุทธองค์ ก็คงเพียงสอนให้คุณ "ไปนั่งสมาธิในป่าช้า หรือสถานที่เงียบๆ" ก็แค่นั้น แต่ด้วยพระสติปัญญาอันลึกซึ้งยิ่งกว่าวิสัยโลก จึงเน้นให้ยกระดับสมาธิเข้าสู่วิปัสสนา วิปัสสนาคือการ "คิดและใคร่ครวญทีละขณะ ทีละหนึ่ง"
หลายคนอยู่กับความเงียบ
แล้วก็ติดอยู่กับ "กับดักของความเงียบ"
เมื่อถึงเวลาต้องออกมาเผชิญโลกภายนอก
ก็กลับมีอารมณ์เกรี้ยวกราดบ้าง หงุดหงิดบ้าง
ประกาศพื้นที่สงวนส่วนตัวด้วยการบอกว่า
อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันเป็นอินโทรเวิร์ด!
.................................
ดังนั้นในกรณีหลังนี้ ความเงียบไม่ได้ช่วยเยียวยาแต่อย่างใด
ความเงียบแค่ช่วยให้คุณหนีปัญหาไปได้เพียงชั่วคราว
จริงหรือเปล่า ลองวิปัสสนาดูค่ะ
โฆษณา