8 พ.ค. เวลา 11:10 • ประวัติศาสตร์

เมื่อ “ที่ปัดแมลงวัน” อันเดียว นำประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม

ไม่น่าเชื่อว่า “ที่ปัดแมลงวัน” เพียงอันเดียว จะนำไปสู่สงครามระหว่างประเทศได้ ทำให้อัลจีเรียต้องตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสเป็นเวลานานนับร้อยปี และแม้แต่หลังจากที่ได้รับเอกราช ฝรั่งเศสก็ยังเข้าไปแทรกแซงภายในของอัลจีเรีย
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร? ผมจะเล่าให้ฟังครับ
เดิมที อัลจีเรีย เป็นชาติที่เป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิอ็อตโตมันในช่วงที่จักรวรรดิอ็อตโตมันขยายอำนาจเข้ามาในแอฟริกาเหนือ
อัลจีเรีย
ที่ตั้งและชัยภูมิของอัลจีเรียนั้นมีความสำคัญต่อการค้ากับยุโรป โดยเฉพาะอิตาลี และมีพ่อค้าชาวยิวหลายรายได้เข้ามาตั้งรกรากยังอัลจีเรีย ซื้อขายสินค้าในตลาดอัลจีเรีย นำสินค้าไปขายต่อยังยุโรป
หนึ่งในตระกูลพ่อค้าใหญ่ชาวยิวรายสำคัญ ก็คือตระกูล “บาครี (Bakri)” และ ”บุสนาช (Busnach)”
สองตระกูลนี้ได้ทำการค้าขายหลักๆ กับฝรั่งเศส โดยในเวลานั้น “นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte)” ประมุขแห่งฝรั่งเศส ต้องการข้าวสาลีและเสบียงจำนวนมหาศาลเพื่อหล่อเลี้ยงกองทัพ และตระกูลบาครีและตระกูลบุสนาชก็ได้ทำการขายข้าวสาลีให้แก่กองทัพนโปเลียน
นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte)
รัฐบาลฝรั่งเศสได้ซื้อข้าวสาลีจำนวนมหาศาลมา โดยซื้อในระบบเครดิต และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ตั้งความหวังว่านโปเลียนจะพิชิตยุโรปทั้งหมดได้
แต่เมื่อนโปเลียนพ่ายแพ้ใน “ยุทธการที่วอเตอร์ลู (Battle of Waterloo)” ฝรั่งเศสก็เข้าสู่ยุคแห่งความวุ่นวาย และรัฐบาลฝรั่งเศสก็ไม่มีเงินที่จะไปจ่ายหนี้ค่าข้าวสาลีที่ยังคงติดค้างอยู่ อีกทั้งยังต้องการเสบียงเพิ่มอีกต่างหาก
2
นับวัน หนี้ของรัฐบาลฝรั่งเศสมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทั้งตระกูลบาครีและบุสนาช ต่างก็ต้องการเงินเพื่อมาจ่ายค่าของและใช้จ่าย
ยุทธการที่วอเตอร์ลู (Battle of Waterloo)
นั่นทำให้ทั้งสองตระกูลต้องไปขอกู้เงินจากกษัตริย์แห่งอัลจีเรียเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการขายข้าวสาลีให้ฝรั่งเศส นั่นทำให้กษัตริย์แห่งอัลจีเรียกลายเป็นเจ้าหนี้รัฐบาลฝรั่งเศสทางอ้อม
ในเวลานั้น กษัตริย์แห่งอัลจีเรียคือ “พระเจ้าฮุสเซน เดย์ (Hussein Dey)” ซึ่งพระเจ้าฮุสเซน เดย์ก็มีแต่จะทรงหงุดหงิดพระทัย เนื่องจากฝรั่งเศสค้างหนี้จำนวนมหาศาลเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว และนับวัน หนี้ที่ค้างก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อถึงปีค.ศ.1800 (พ.ศ.2343) หนี้ของฝรั่งเศสที่ติดค้างอยู่ก็สูงเกือบสี่ล้านฟรังก์
ตระกูลบาครีและตระกูลบุสนาชก็ไม่อยู่เฉย ได้ส่งตัวแทนสองคนไปเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศส หากแต่ตัวแทนทั้งสองกลับถูกรัฐบาลฝรั่งเศสจับกุม ก่อนจะยอมปล่อยตัวแทนทั้งสองในภายหลัง
พระเจ้าฮุสเซน เดย์ (Hussein Dey)
พระเจ้าฮุสเซน เดย์ก็ทรงเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศสโดยตรง โดยตกลงว่ารัฐบาลฝรั่งเศสต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดรวมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนเจ็ดล้านฟรังก์
หากแต่รัฐบาลฝรั่งเศสก็ไม่เคยจ่ายหนี้ที่ว่าเลย
และแล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1827 (พ.ศ.2370) เมื่อนักกฎหมายฝ่ายฝรั่งเศสในอัลจีเรีย ได้เจรจากับพระเจ้าฮุสเซน เดย์
การเจรจานั้นเป็นไปอย่างเผ็ดร้อน ไม่มีใครยอมใคร โดยพระเจ้าฮุสเซน เดย์ทรงมีรับสั่งให้รัฐบาลฝรั่งเศสจ่ายหนี้ทั้งหมดมาในทันทีโดยไม่มีข้อแม้ หากแต่นักกฎหมายฝ่ายฝรั่งเศสได้ขอให้ผลัดผ่อนหนี้ออกไปก่อน
พระเจ้าฮุสเซน เดย์ซึ่งทรงเหลืออดมานาน ทรงคุมพระอารมณ์ไม่ไหวเมื่อมาเจอลูกหนี้ประเภทไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อย่างรัฐบาลฝรั่งเศส จึงทรงฟิวส์ขาด คว้าที่ปัดแมลงวัน ฟาดใส่นักกฎหมายฝรั่งเศสรายนั้นอย่างเดือดดาล
1
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลฝรั่งเศสเรียกร้องให้พระเจ้าฮุสเซน เดย์ออกมาขอโทษ หากแต่พระองค์ทรงปฏิเสธ
1
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝรั่งเศสจึงส่งกองทัพจำนวน 30,000 นายเข้ารุกรานอัลจีเรีย และหลังจากรบกันได้สามปี พระเจ้าฮุสเซน เดย์ก็ทรงยอมแพ้
ฝรั่งเศสยอมให้พระเจ้าฮุสเซน เดย์เสด็จออกจากอัลจีเรียพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติที่สามารถขนไปได้ ทำให้พระเจ้าฮุสเซน เดย์ต้องเสด็จลี้ภัยไปประทับยังอิตาลี
จากนั้น อัลจีเรียก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ก่อนที่จะได้รับเอกราชในปีค.ศ.1962 (พ.ศ.2505)
แต่ถึงอย่างนั้น รัฐบาลฝรั่งเศสก็ยังคงแทรกแซงการภายในของอัลจีเรีย โดยสนับสนุนกลุ่มนิยมฝรั่งเศส และสนับสนุนเงินทุนสำหรับการรัฐประหาร
เรียกได้ว่าที่ปัดแมลงวันอันเดียว ส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศและประวัติศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว
โฆษณา