ใหญ่กว่า ดีกว่า รวดเร็วกว่า.
นานกว่า 70 ปี ในมุกของความขัดแย้งระหว่าง อินเดีย-ปากีสถาน ...หลังจากกลับมาพบกัน และก็จะต้องมีการแยกทางกัน หรือทั้งสิ้นแล้วมันเป็นเรื่องของผลกำไร
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้หลงเหลือแค่เศษขีปนาวุธถูกทิ้งไว้ที่จุดเกิดเหตุโจมตีโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในบาฮาวาลปุระ จังหวัดปัญจาบ ประเทศปากีสถาน
ในทางกลับกัน อินเดียยังไม่ยืนยันว่าเครื่องบินขับไล่ถูกยิงตกในระหว่างการสู้รบทางอากาศจริงหรือไม่
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถานเปิดเผยในรัฐสภาว่าประเทศได้ส่งเครื่องบินรบ J-10C ที่ผลิตในจีน
เขาประกาศว่าสามารถยิงเครื่องบินรบของอินเดียตก 5 ลำ
รวมถึงเครื่องบินรบ Rafale ที่ผลิตในฝรั่งเศส 3 ลำ
และเครื่องบิน MiG-29 และ Su-30 ที่ผลิตในสหภาพโซเวียต 2 ลำ
เป็นที่รู้ๆกันในปัจจุบันที่การแข่งขันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงมากขึ้น สหรัฐฯ ก็เริ่มมองอินเดียเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการต่อต้านจีนมากขึ้น
ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียยังคงอบอุ่นขึ้น
แต่จีนซึ่งมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับอินเดียก็เพิ่มการสนับสนุนปากีสถานทั้งในด้านการทหารและการทูตด้วยเช่นกัน
สื่อบางแห่งรายงานว่าเครื่องบินทหารอินเดียตกในเขตแคชเมียร์ที่อินเดียควบคุม
ผมขอตัวอย่างสื่อที่ว่าเช่น สื่อของ The Hindu อ้างอิงแหล่งข่าวของรัฐบาลที่กล่าวว่าเครื่องบินขับไล่ของอินเดียอย่างน้อย 3 ลำตกในพื้นที่ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองยังได้ยืนยันกับ CNN ว่าเครื่องบินรบ Rafale ของกองทัพอากาศอินเดียถูกปากีสถานยิงตก
และที่สำคัญ....เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 4 ซึ่งถือกำเนิดเมื่อ 20 ปีก่อน
จากข่าวที่ได้รับ...จริงๆ แล้ว ได้ยิงเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 4 ฝรั่งเศสที่มีความก้าวหน้ากว่าตกในการรบจริง
สิ่งนี้ทำให้ชาวเน็ต(จีน)และแฟน(ทหาร)ชาวจีนจำนวนมากตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โดยเรียกมันว่า
"ช่วงเวลาสำคัญของอุตสาหกรรมการทหารของจีนที่แข่งขันกับยุโรปและสหรัฐอเมริกา"
และเชื่อว่าสิ่งนี้จะนำมาซึ่งคำสั่งซื้อจำนวนมากสู่บริษัทอุตสาหกรรมการทหารของจีน
แต่ใจเย็นๆไว้ก่อน...รายงานเหล่านี้ไม่ได้ระบุว่าเครื่องบินทหารอินเดียถูกยิงด้วยขีปนาวุธหรือตกเนื่องจากอุบัติเหตุ
หรือความผิดพลาดของมนุษย์นะครับ
ที่พี่จีนน่าจะตื่นเต้นอีกอย่าง คือ ขีปนาวุธ PL-15 ซึ่งเป็นขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยไกลที่พัฒนาโดยจีน
มีพิสัยการบินสูงสุด 300 กิโลเมตร และมีความเร็วในการบินสูงสุดถึงมัค 5
อีกทั้งยังมีความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลแบบสองทางและสามารถรับและส่งข้อมูลแนะนำการบินได้
ส่วนอีกรุ่น คือ PL-15E เป็นขีปนาวุธรุ่นส่งออก โดยมีพิสัยการโจมตี 145 กิโลเมตร และประสิทธิภาพด้อยกว่าเล็กน้อย
และการทำงานของมันสอดคล้องตามที่ BBC รายงาน
แสดงให้เห็นเหตุการณ์เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศอินเดียตก และถูกแชร์กันในโซเชียลมีเดียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านการตรวจสอบแล้ว
พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นเครื่องบินทหารตกที่รัฐราชสถานในปี 2567 และอีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นเครื่องบินตกที่จังหวัดปัญจาบในปี 2564
แน่นอนว่า นายโมฮัมหมัด อิสฮัค ดาร์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถาน ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนของการสู้รบ
เช่น มีการใช้ขีปนาวุธ PL-15E หรือไม่ และขีปนาวุธชนิดใดที่ยิงเครื่องบินทหารอินเดีย 5 ลำตก
เมื่อต้องเผชิญกับคำขอหลักฐานจากนักข่าว CNN
นายคาวาจา อาซิฟ รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถานตอบกลับเพียงว่า "หลักฐานทั้งหมดอยู่ในโซเชียลมีเดีย"
นักวิเคราะห์บางคนชี้ให้เห็นว่าการต่อสู้ทางอากาศสมัยใหม่ไม่ใช่การแข่งขันที่ถูกกำหนดโดยสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นในหลายๆ ด้าน
เช่น การฝึกนักบิน ประสิทธิภาพของระบบอาวุธ การบูรณาการห่วงโซ่ข้อมูล การเตือนภัยล่วงหน้า และการประสานงานทางยุทธวิธี
ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินชัยชนะหรือความพ่ายแพ้
แม้ว่าเครื่องบินรบจะถูกยิงตก ก็ไม่สามารถตัดสินคุณค่าของเครื่องบินรบทั้งลำได้จากเพียงเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว
จาก Bloomberg Industry Research ชี้ให้เห็นว่าระบบอาวุธสมัยใหม่ที่จีนพัฒนาขึ้นเองส่วนใหญ่ไม่ได้รับการทดสอบในการรบจริง
และการมีประสบการณ์การรบจริงจะเอื้อต่อการส่งเสริมอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศของจีนในต่างประเทศมากขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับหมายเลขซีเรียลและช่องที่ระบุว่า "ช่วงทดสอบ" ที่อยู่ด้านหลังของตัวขีปนาวุธ
The New York Times วิเคราะห์ว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการไหลเวียนอาวุธดังกล่าวข้างต้น
แท้จริงแล้วสะท้อนถึงการปรับโครงสร้างพันธมิตรทางทหารเดิมในภูมิภาคเอเชียใต้ที่กำลังเกิดความวุ่นวาย
ภายใต้การต่อสู้ระหว่างสองมหาอำนาจ ได้แก่ จีนและสหรัฐอเมริกา
ด้วย J-10 เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 4 ที่ได้พัฒนาโดย Chengdu Aircraft Industry Group ได้เข้าประจำการตั้งแต่ปี 2546
และทาง อินเดียซึ่งดำเนินนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมาโดยตลอด ปัจจุบันได้ลดการพึ่งพารัสเซียลงทีละน้อย และเข้าใกล้สหรัฐอเมริกามากขึ้น
และหลังสงครามอัฟกานิสถานสิ้นสุดลง
ความสนใจของสหรัฐฯ ต่อปากีสถานก็ลดน้อยลง ส่งผลให้ปากีสถานหันไปซื้ออาวุธจากจีนทดแทน
ตามรายงานของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม พบว่าในช่วงปี 2559 ถึง 2563 ปากีสถานซื้ออาวุธจากจีนมากถึง 81% ซึ่งสูงกว่าช่วงปี 2549 ถึง 2553 ซึ่งอยู่ที่ 36%
ในทางกลับกัน สัดส่วนของสหรัฐฯ ในการจัดหาอาวุธให้ปากีสถานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 36% เหลือ....0%
ในขณะเดียวกัน การพึ่งพาอาวุธรัสเซียของอินเดียก็ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง
ระหว่างปี พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2553 อาวุธของอินเดียประมาณ 80% ก็ต้องซื้อจากรัสเซีย
แต่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนนี้ลดลงเหลือประมาณ 38%
และถูกแทนที่ด้วยอาวุธจากพันธมิตร เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และอิสราเอล ซึ่งมีสัดส่วนไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง
แน่นอนว่า...ความรู้สึกแห่งชัยชนะนี้แพร่กระจายไปสู่ตลาดทุนอย่างรวดเร็ว ปิด ณ
วันศุกร์ ( 9 พ.ค.2568) ดัชนี CSI Defense Industry ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของหุ้นในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพิ่มขึ้น 2.1%
หุ้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกว่า 10 แห่ง รวมถึง Aerospace Nanhu และ Jingpin Special Equipment
ต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%
บริษัท AVIC Chengdu Aircraft Industry Co., Ltd. ผู้ผลิตเครื่องบินรบ J-10C ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 20%
และมีการคาดการณ์ว่ากองทัพปากีสถานอาจใช้เครื่องบินรบ J-10C หรือ JF-17 ในการยิงขีปนาวุธ PL-15E
หากคำกล่าวนี้เป็นจริง แสดงว่าเครื่องบินรบ J-10C และขีปนาวุธ PL-15E ได้บรรลุผลสำเร็จในการรบครั้งแรก
และเครื่องบินรบ Rafale ของฝรั่งเศสก็ได้รับความเสียหายในการรบจริงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าประจำการด้วยเช่นเดียวกัน
แต่เท่าที่ผ่านมา สหรัฐ จีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ เรียกร้องให้อินเดียและปากีสถานใช้ความยับยั้งชั่งใจ
เพราะสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของปากีสถาน
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
