Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
11 พ.ค. เวลา 05:34 • สุขภาพ
HealthTech ไม่หมู: 8 กับดักที่สตาร์ทอัพไทย (และทั่วโลก) ต้องรู้ ก่อนฝันไกลแบบ Theranos 🩺💻📉
ค่ำคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ การได้ย้อนดูสารคดีใน Netflix กลายเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลายคน และเรื่องราวของ Elizabeth Holmes อดีต CEO บริษัท Theranos ผู้เคยเขย่าโลกด้วยวิสัยทัศน์ "ปฏิวัติการตรวจเลือด" ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในคดีอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ Silicon Valley ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กระตุ้นความคิดได้อย่างดีเยี่ยม (ใครยังไม่เคยดู ผมแนะนำเลยครับ)
แต่โพสต์นี้ ผมไม่ได้จะมาเล่าเรื่อง Theranos ซ้ำนะครับ...แต่การดูสารคดีนี้มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะทำให้ผมนั่งย้อนคิดถึงประสบการณ์ของตัวเองในช่วงประมาณปี 2019-2021 ตอนนั้นผมได้รับโอกาสให้กระโดดเข้ามาทำสิ่งใหม่ในชีวิต คือการปลุกปั้น HealthTech Start-up ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง (ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสและประสบการณ์อันล้ำค่าในครั้งนั้นจริงๆ ครับ)
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วโปรเจกต์นั้นจะ "ไม่สำเร็จ" ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ช่วงเวลาที่ได้ลงไปคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ ทำให้ผมได้เห็นผู้คนและบริษัทจำนวนมากที่กระโดดเข้ามาในตลาดสุขภาพด้วยความหวังและ Passion เต็มเปี่ยม แต่ส่วนใหญ่แล้ว (จากที่ผมสังเกต) มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หรือบางกรณีก็อาจจะ "อื้อฉาว" ไม่แพ้ Theranos เลยก็มี
เมื่อได้มีโอกาสนั่งตกผลึกกับตัวเองว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ตัวผมเอง, คนรอบข้าง, หรือแม้กระทั่ง Ecosystem ของ HealthTech ในช่วงเวลานั้นมัน "ไปไม่สุด" หรือทำได้เพียงระดับหนึ่งแล้วไม่สามารถ "Scale" ต่อไปได้ ผมเลยลอง Short-noted บทเรียน (ที่ต้องจ่ายด้วยความเฟล) ออกมาเป็นข้อๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังสนใจหรือโลดแล่นอยู่ในสังเวียนนี้ครับ วันนี้ผมขอสรุปให้ฟังแบบตรงๆ และจริงใจ และยาวขึ้นอีกหน่อย เพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพครบถ้วน
====
🚧 1. "โครงสร้างทีมผิดเพี้ยน": เมื่อ Tech-Biz นำ แต่ขาด "หมอตัวจริง" และความเข้าใจ Health Ecosystem
* การขาดบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าใจระบบจริงๆ เท่ากับว่าเรากำลังสร้างสิ่งที่ใช้ไม่ได้จริง
* การนำคนเก่งจากธุรกิจอื่นมา โดยไม่มี Domain Expert ด้าน Health เป็น Core Team Member = เสี่ยงล้มเหลวสูง
* อย่าคิดว่า UX ที่เคยใช้ได้กับ e-commerce จะใช้ได้กับคนไข้ หรือแพทย์ที่ทำงานเฉพาะทาง
* HealthTech ไม่สามารถพัฒนาแบบ Lean อย่างเดียวได้ ต้องมีองค์ความรู้และการทดลองเชิงคลินิกที่รอบคอบมาก
* หากไม่มี Clinical Co-founder หรือที่ปรึกษาทางการแพทย์ตั้งแต่ต้นทาง ความน่าเชื่อถือจะต่ำมากในสายตา Partner โรงพยาบาล
🧩 2. "มอง Ecosystem ไม่ครบ": Product ดี แต่ไม่มีใครให้ "เชื่อมต่อ" หรือ "ใช้งานจริง"
* ไม่มีใครทำ HealthTech สำเร็จได้เพียงลำพัง ต้องเข้าใจและเชื่อมต่อกับ Stakeholder สำคัญให้ได้ตั้งแต่วันแรก
* การคิดแค่ Tech Stack โดยไม่เข้าใจ Workflow ของคลินิก/โรงพยาบาล = ทางตัน
* ต้องทำความเข้าใจว่าในระบบสุขภาพ ไม่ใช่ทุกคนตัดสินใจได้ทันทีแบบผู้บริโภคทั่วไป
* ผู้ตัดสินใจซื้ออาจเป็นคนละคนกับผู้ใช้จริง เช่น โรงพยาบาลเป็นผู้ซื้อ แต่แพทย์เป็นผู้ใช้ และต้องได้ประโยชน์ทั้งคู่
* ถ้าไม่เข้าใจภาพรวมของผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholder map) จะเสียเวลาไปกับการพัฒนา product ที่ไม่มีคนใช้
📉 3. "ประโยชน์ต่อผู้ใช้ไม่ชัด": ข้อมูลสุขภาพ ไม่ใช่ Dashboard สวยๆ
* หลายแอปฯ วางฟีเจอร์เพราะคิดว่าคล้ายกับแอปฟิตเนส แต่ลืมไปว่าข้อมูลสุขภาพต้องตีความโดยผู้เชี่ยวชาญ
* แอปที่ทำให้คนเข้าใจผิด หรือเอาข้อมูลผิดๆ ไปตัดสินใจเอง = อันตรายและไม่มีวันได้รับการยอมรับจากแพทย์
* ต้องถามเสมอว่า Insight นี้นำไปสู่การ "เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ" หรือ "ปรับแผนการรักษา" ได้จริงไหม?
* คนไข้ส่วนใหญ่ไม่ได้อยากดูข้อมูล แต่ต้องการ "คำแนะนำที่เชื่อถือได้" และ "รู้สึกว่าเขาดูแลตัวเองได้ดีขึ้น"
* ถ้า Insight ไม่มีความหมาย ก็เท่ากับเป็น Noise ที่สร้างความสับสนมากกว่าคุณค่า
🔬 4. "ไม่มีวิจัย หรือ Overclaim": ความหวังที่กลายเป็นภาระ
* MVP ในโลก HealthTech = “ต้องพร้อมตรวจสอบ มีมาตรฐานรองรับ ไม่ใช่แค่รัน prototype แล้วโชว์หน้าเวที Demo Day”
* แค่บอกว่าใช้ AI วิเคราะห์สุขภาพ โดยไม่มีพื้นฐานทางคลินิก = “เสี่ยงทั้งชื่อเสียงและการฟ้องร้อง”
* ถ้าจะ Claim ว่า Platform ดีขึ้น ต้องมี Pilot ที่ชัดเจน และใช้ Outcome ที่วัดได้ เช่น ลดระยะเวลารอ, ลดการใช้ยา, เพิ่ม adherence
* อย่าลืมว่าสิ่งที่ดูเหมือน Feature เท่ห์ๆ อาจกลายเป็นอันตรายหากใช้ผิดหรือเข้าใจคลาดเคลื่อน
* ก่อนจะพูดว่า AI ช่วยหมอ ต้องถามก่อนว่า "หมอใช้หรือยัง?" และ "หมอเห็นว่าได้ประโยชน์จริงหรือเปล่า?"
💰 5. "ราคาแพง ผู้ใช้ไม่พร้อมจ่าย": เสนอดีแค่ไหน ถ้าราคาไม่ตอบโจทย์ตลาดก็จบ
* แม้ระบบสุขภาพจะดูมีงบเยอะ แต่การเบิกจ่ายจริงช้ามาก และไม่ยืดหยุ่นเท่าที่คิด
* ความเข้าใจเรื่องการจ่ายเงินของกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่สตาร์ทอัพมักมองข้าม โดยเฉพาะ B2B หรือผ่านรัฐ
* ถ้าสินค้าของคุณจะมีคนจ่าย ต้องตอบให้ได้ว่าใครคือ "Payor" และเขา "ได้อะไรกลับมา" ชัดๆ
* เทคโนโลยีบางอย่างควรอยู่ฝั่งโรงพยาบาล ไม่ใช่ให้คนไข้ซื้อเอง (จะทำให้ adoption ยากมาก)
* ถ้าราคาเกิน 500 บาท/เดือนสำหรับคนทั่วไป คุณต้องมี UX ที่ดีมากๆ หรือ Benefit ที่ชัดแบบ tangible จริงๆ
🔌 6. "เชื่อมระบบไม่ได้": ฝันร้ายที่ทำให้ทุกอย่างหยุด
* หลายร.พ. ยังไม่มี API, ไม่มีระบบ Cloud, และมีระบบเดิมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
* หากคิดจะเข้าไปเชื่อม ต้องเข้าใจธรรมชาติของ IT ในโรงพยาบาล (ที่อาจไม่อัปเดตมานานกว่า 10 ปี)
* ระบบที่ไม่สามารถฝังตัวเข้าไปใน flow การรักษาจริงๆ ได้จะกลายเป็นแค่เครื่องประดับ (gadget)
* อย่าคิดว่า IT Department จะช่วยเราดีทุกครั้ง เพราะเขาก็มีงานล้นมือและ KPI ของเขาเอง
* การ Integrate ต้องเริ่มจาก Use case ที่เล็กพอให้ลองได้จริง และขยายได้เมื่อได้ Trust
📜 7. "กฎหมายและข้อกำหนด": เปลี่ยนไม่ง่าย แต่อย่าฝืน
* ธุรกิจสุขภาพมีเหตุผลที่ต้องถูกควบคุม เช่น ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และจริยธรรม
* การคิดว่าทำ Pilot แล้วค่อยขออนุมัติทีหลัง อาจใช้ไม่ได้ในโลก HealthTech ที่ผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
* อย่าลืมว่าความล้มเหลวของคุณ = อาจมีคนเจ็บ คนตาย หรือเสียเวลาในการรักษา
* ถ้าไม่เข้าใจ PDPA หรือ Medical Device Regulation อย่าเพิ่งเริ่มทำ
* คนทำ HealthTech ต้องอ่าน พ.ร.บ. สถานพยาบาล, พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, พ.ร.บ. อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นอย่างน้อย
💸 8. "ผู้ลงทุนหรือผู้บริหารไม่เข้าใจ": เงินมี แต่ไม่มีวิสัยทัศน์ที่ถูก = เดินผิดตั้งแต่เริ่ม
* นักลงทุนหลายรายยังเอาแนวคิดจาก FinTech หรือ Social App มาใช้กับ HealthTech ซึ่งเปรียบเทียบกันไม่ได้
* ผู้บริหารองค์กรใหญ่ที่อยากทำ Innovation แต่ไม่เคยคลุกคลีจริงในสายสุขภาพ ก็อาจพาธุรกิจเดินทางผิด
* หากเป้าหมายของผู้บริหารคือ PR หรือการ showcase innovation มากกว่าการใช้งานจริง จะเสียทรัพยากรจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์
* ความเร็วในสายสุขภาพต้องวัดด้วย Impact ไม่ใช่แค่ Speed
* ต้องมีคนที่เคยทำจริง เคยเจ็บจริง เป็นที่ปรึกษา ไม่ใช่แค่เอา Expert ที่พูดดีแต่ไม่เคยลงสนาม
====
💡 บทเรียนจากสนามจริง คือ เทคโนโลยีดีไม่พอ ต้องเข้าใจโลกสุขภาพให้ลึกพอ
แม้โครงการในวันนั้นจะไม่สำเร็จ แต่มันให้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่กว่ากำไรหลายเท่าครับ เราไม่สามารถยกประสบการณ์จากธุรกิจอื่นมาใช้กับ HealthTech ได้ตรงๆ ทุกอย่างต้องเริ่มจากความเข้าใจจริง และยอมรับว่าทุกองค์ประกอบต้องเชื่อมกันให้ครบทั้งทีม ทั้งระบบ และทั้ง Ecosystem
"เทคโนโลยีที่ดีใน HealthTech ไม่ใช่ของเล่นล้ำๆ แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ดีขึ้นอย่างแท้จริง...และนั่นคือสิ่งที่ต้องคิดให้ได้ตั้งแต่วันแรกที่ลงมือทำ"
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#HealthTech
#StartupLessons
#BusinessStrategy
#HealthcareTransformation
health
healthtech
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย