11 พ.ค. เวลา 11:55 • ข่าวรอบโลก

เหมืองทองคำกับสิทธิชาวพื้นเมือง – เมื่อเวที U.N. ไม่สะท้อนความเป็นจริงบนผืนดิน

At the U.N., mining groups tout protections for Indigenous peoples
🪨✨ เนื้อหาสรุปโดยละเอียด
🔻 จุดเริ่มต้นของข้อขัดแย้ง
กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้อนุมัติโครงการเหมืองทองแดงขนาดใหญ่ในรัฐแอริโซนา ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมืองเผ่าอาปาเช่ (San Carlos Apache) ที่รู้จักกันในชื่อ Chi’chil Biłdagoteel หรือ Oak Flat ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม
โครงการนี้ดำเนินการโดย Resolution Copper ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างยักษ์ใหญ่เหมืองแร่ Rio Tinto และ BHP จากออสเตรเลียและอังกฤษ ซึ่งมีประวัติทำลายแหล่งวัฒนธรรมของชาวอะบอริจินในออสเตรเลียมาก่อน
🔻 คำมั่นในเวทีโลก กับความจริงที่สวนทาง
แม้บริษัทเหล่านี้จะปรากฏตัวในเวที UN Permanent Forum on Indigenous Issues เพื่อแสดงจุดยืนว่าเคารพสิทธิชุมชนพื้นเมือง และอ้างว่าดำเนินนโยบาย "ความยินยอมโดยเสรี ล่วงหน้า และมีข้อมูลครบถ้วน (FPIC)" ตามแนวทางของ ICMM (International Council on Mining and Metals) แต่ในความเป็นจริง หลายโครงการกลับไม่ได้รับการยินยอมจากชนพื้นเมืองอย่างแท้จริง
📌 ICMM แนะนำให้บริษัทเหมืองแร่หารือกับชนเผ่าตั้งแต่เริ่มโครงการ แต่ไม่มีการบังคับใช้ทางกฎหมาย และหลายกรณีในสหรัฐยังคงแสดงให้เห็นความอ่อนแอของกฎหมายภายในในการคุ้มครองสิทธิชาวพื้นเมืองนอกเขตสงวน
🔻 ความขัดแย้งอื่นๆ ที่ร้อนแรง
เผ่า Nez Perce คัดค้านโครงการเหมือง Stibnite ในไอดาโฮ
เผ่า Fort McDermitt ต่อต้านเหมืองลิเธียมที่ Thacker Pass รัฐเนวาดา ซึ่งเป็นพื้นที่สังหารหมู่ในอดีต
🔻 ผลสะท้อนต่อระบบกฎหมายและนโยบายโลก
แม้ว่าองค์กรอุตสาหกรรมจะเริ่มใช้หลัก FPIC เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกต่อต้าน แต่หากกฎหมายรัฐไม่บังคับใช้ การเคารพสิทธิชนพื้นเมืองก็เป็นเพียง “ภาพลวงตาทางการตลาด” เท่านั้น
⚖️ วิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย
📌 ประเทศไทยอาจเผชิญกับความท้าทายคล้ายคลึงกัน หากไม่มีการปฏิรูประบบอนุญาตการทำเหมืองที่มีผลกระทบต่อชุมชนชาติพันธุ์ เช่น กรณีพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือหรือเหมืองในเขตป่าอนุรักษ์
📌 การเร่งลงทุนเหมืองแร่เพื่อสนับสนุนพลังงานสะอาด อาจขัดแย้งกับสิทธิมนุษยชน หากไม่มีมาตรฐาน FPIC ที่ชัดเจนและบังคับใช้ได้จริง
📌 หากไทยต้องการเป็นแหล่งแร่สำรองของ EV และพลังงานสะอาด การมีระบบตรวจสอบสิทธิชนเผ่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติตรวจสอบก่อนลงทุนในอนาคต
📉 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai)
📌 กลุ่มที่ได้ประโยชน์
แม้ไทยยังไม่มีเหมืองลิเธียมหรือโคบอลต์ขนาดใหญ่ แต่หากรัฐผลักดันนโยบายส่งเสริมแร่หายากหรือแร่สำหรับแบตเตอรี่ หุ้นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่พลังงานสะอาดอาจได้รับความสนใจ เช่น EA และ GPSC ที่มีการลงทุนในโรงงานแบตเตอรี่ STA และ NER ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบยางในภาคยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึง OR และ PTG ที่รุกธุรกิจสถานีชาร์จ EV—แม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำเหมือง แต่ทั้งหมดนี้อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนที่จับตาโอกาสเติบโตจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
📌 กลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบเชิงลบ
หุ้นที่มีโครงการในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทกับชุมชนท้องถิ่น เช่น LANNA, TPIPL, GUNKUL หากไม่สามารถแสดงความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของชุมชนได้อย่างชัดเจน อาจเผชิญกับแรงต้านจากทั้งนักลงทุน ESG และภาคประชาสังคม
📌 แนวโน้มในระยะยาว
นักลงทุนสถาบันและต่างประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตาม FPIC และ ESG อย่างเคร่งครัด หุ้นที่ไม่สามารถชี้แจงได้ในประเด็นสิทธิมนุษยชนหรือสิ่งแวดล้อมจะถูก “ถอดออกจากพอร์ต” อย่างรวดเร็ว
📎 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง
#สิทธิชนพื้นเมือง #เหมืองแร่ #FPIC #พลังงานสะอาด #ResolutionCopper #UNDRIP #ScorchedRights #เวทีโลกของคนไร้เสียง #หุ้นไทยESG #StockImpact #WorldScope
🔗 Reference: Mongabay

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา