ทวีปมู หรือ ทวีปเลมูเรีย ทวีปใดมีอยู่จริงกันแน่บนแผนที่โลกของคุณบักเจมส์ เชิร์จเวิร์ด ?(3.2)
ยังไม่ไปไหนไกลจากเวบเพจของpostjung นะครับ เราจะลองพิจารณาดูว่า ชาวนากา มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่จะเขียนอักขระนากาลงบนแผ่นจารึกนั้น และอังกฤษทำไมจึงมาเกี่ยวข้องในประวัติศาสตร์ของพวกเขาในศตวรรษที่19 ??
ทวีปมู (Mu) หรือ รีมูเลีย (LeMUria) ก็เห็นพ้องต้องกันครับว่า อาณาจักรที่เก่าแก่ยืนนานที่สุดในโลกที่เป็นอารยธรรมของ"มนุษย์โลก"จริงๆนั้น คือ มู:ทวีปแห่งมารดรคือ นครอันตธานที่จมหายลงใต้ทะเลแปซิฟิกใต้เมื่อกว่า ๑๓,๐๐๐ ปี เราทั้งหลายได้รู้เรื่องราวจากจารึก นาอะคัล ที่ค้นพบในอินเดีย
อันที่จริง จารึกแห่งนาอะคัลนี้ เขียนโดยสัญลักษณ์และอักขระนากา (Naga) จากตำนานกล่าวกันว่า “เขียนขึ้นที่แผ่นดินมู จารึกนี้ ได้ถูกนำเข้ามาที่พม่าก่อน แล้วจึงนำมาที่อินเดีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี”
จุดจบ คือจุดเริ่มต้น และ จุดเริ่มต้น ก็คือจุดจบ หลังจากจุดจบทวีปมูเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของอารยธรรมจุดต่าง ๆ ในโลกยุคหลังของผู้รอดจากภัยพิบัติ
สายสัมพันธ์บรรพบุรุษ กำเนิดแม่น้ำคงคา
กำเนิดแม่น้ำคงคา
เริ่มต้นขอนำตำนานสำนวนหนึ่งของชาวอินเดียต่อแม่น้ำคงคา จากหนังสืออินเดีย แผ่นดินมหัศจรรย์ ผู้เขียนคือ คุณอรุณ เฉตตีย์ในอดีตนั้นมีฤาษีกปิละ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาหิมาลัย
อยู่มาวันหนึ่งพวกโอรสของท้าวสักกะกษัตริย์แห่งอโยธยาออกตามม้าที่หายไป เมื่อมาพบม้ายืนอยู่ข้างพระฤาษี ก็เลยยัวะ! ตะโกนด่าและแกล้งท่านต่าง ๆ นา ๆ จนท่านตบะแตก จ้องมองไปที่กลุ่มเจ้าชาย เกิดไฟเผาผลาญเจ้าชายกลายเป็นเถ้าถ่าน และสาปสำทับไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่น้ำคงคา
ฤาษีกปิละใช้ตาไฟเผาผลาญโอรสของท้าวสักกะ บางตำราก็เรียกว่า “ท้าวสคระ”
ต่อมาท้าวภคีรส ผู้สืบเชื้อสายจากท้าวสักกะปฐมกษัตริย์ ซึ่งมีความเศร้าโศกเสียใจมากที่บรรพบุรุษของตนโดนสาปเช่นนั้น จึงบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้า เพื่อขอพรพระอิศวร (พระศิวะมหาเทพ)
รัฐนากาแลนด์ หนึ่งในพี่น้องแห่งเจ็ดรัฐ ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวแผ่นดินของประเทศอินเดียมาทางตะวันออก รายล้อมไปด้วยทะเลและมหาสมุทร ติดกับพม่า (บริเวณสีแดงๆ)
ให้ช่วยวิงวอนแม่น้ำคงคาให้ไหลหลั่งลงมาสู่แผ่นดินเป็นการชำระบาปของผู้ที่ต้องคำสาป และแล้วพระแม่คงคาก็เห็นใจ ยอมหลั่งสายน้ำจากเขาไกรลาสลงสู่พื้นดิน เพื่อชำระอัฐิของพวกโอรสและมนุษย์ทั้งหลายให้พ้นมลทิน นี่คือ ตำนานกำเนิดสายน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์สำนวนหนึ่ง
ภาษา สัญลักษณ์ รหัสวิทยา ภาษาโบราณ บันทึกของทวีปมู เริ่มจากดอกบัวเป็นตัวแทนของทวีปนี้เสมอ และทุกที่ในอาณาจักร และอาณาจักรลูก
ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมานานประมาณ 50,000 – 30,000 ปีมาแล้ว บนทวีปมู หมายถึง อาณาจักรมู สื่อเป็นภาษาภาพของอาณาจักร รวมสัญลักษณ์ตราราชวงศ์ และบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือศาสนธรรมโบราณ
ท่านฤาษีวาลมิกิ (Valmiki)
นักปราชญ์ นักโบราณคดีของอินเดีย ผู้รจนารามายณะ หรือ รามเกียรติ์ ระหว่าง พ.ศ. ๑๐๐ – ๒๐๐ ท่านวาลมิกิผู้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากการอ่านบันทึกโบราณของวัด โดยนักบวชผู้สูงศักดิ์แห่งวัดริชี (Rishi) ที่เมืองอโยเดีย (Ayhodai) กล่าวถึงนักบวชนาอะคัลว่า “มาสู่พม่าจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันออก” จากนั้นเหล่านักบวชนาอะคัล (Naacal) นำความรู้วิทยาการต่าง ๆ ศาสนาโบราณ
การบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์มาสู่มายา, ไอยคุปย์ (ตอนเหนือ), อารยัน (ก่อนชาวอารยันเปลี่ยนชื่อเป็นวิษณุเทพ เมื่อครั้งลงมาอยู่ชมพูทวีป) นักบวชนาอะคัลดังกล่าวเข้าสู่อินเดีย และไอยคุปย์อาณาจักรตอนเหนือ โดยการเผยแพร่ศาสนาโบราณ และคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ และไอยคุปย์ (ตอนใต้) ในขณะที่ ซาอีร์ ปฏิบัติตามศาสนธรรมของโธท
(Thoht) บูชาเทพโอซิริส ขณะเดียวกัน ชาวทวีปมูกลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ที่ยูคาตัง เม็กซิโก และสร้างวิหารพีระมิดขึ้นจารึกว่า “เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่แผ่นดินตะวันตก ที่ซึ่งเราจากมา”
รวมถึงพีระมิดแห่งเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเม็กซิโก ซิตี้ (Mexico City) คำจารึกของพีระมิดกล่าวไว้ว่า “พีระมิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แด่การล่มสลายของแผ่นดินแห่งตะวันตก” ลักษณะวิหารพีระมิดที่เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกา แถบทวีปอเมริกากลาง รวมทั้งบันทึกการล่มสลายของแผ่นดินทวีปมู ที่รู้จักกันว่าคือชนเผ่ามายา ประโยชน์ส่วนหนึ่งของวิหารพีระมิด ใช้เพื่อนักบวชประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์ รา, รามู เทพเจ้าสูงสุด และประเพณีต่างๆ ที่มาจากที่เดียวกัน
การนับถือเทพเจ้าดวงอาทิตย์เป็นสิ่งสูงสุดของชาวอารยัน, มายาในยูคาตัง, ไอยคุปย์โบราณ ล้วนมาจากมาตุภูมิที่เรียก รา-มู สัญลักษณ์ผู้สร้าง
นารายาณะ พยานาค ๗ เศียร ความรู้เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก การกำเนิดจักรวาล และที่โมเสสถอดมาจากภาษาฮีโรกริฟริกในไอยคุปย์ ลงสู่คัมภีร์เอซรา (Ezra) แล้วแปลลงเป็นภาษาฮิบรู เป็นพันธสัญญาเก่า และพันธสัญญา
ใหม่ในบทการสร้างโลก (Genesis)
ความรู้เกี่ยวกับ นากาแลนด์ เวบ
แรก วิกีพีเดีย
นาคาแลนด์[7] (อังกฤษ: Nagaland) คือหนึ่งในรัฐพี่น้องเจ็ดรัฐน้องสาว ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย มีเขตติดต่อกับรัฐอัสสัมทางทิศตะวันตก รัฐอรุณาจัลประเทศและส่วนหนึ่งของรัฐอัสสัมทางทิศเหนือ ประเทศพม่าทางทิศตะวันออก และรัฐมณีปุระทางทิศใต้
นากา เป็นภาษาพม่า แปลว่า "คนที่เจาะรูหู" เนื่องจากในอดีตชาวนากานิยมเจาะรูหู สวมต่างหูกันทุกคน แต่อย่างไรก็ตามยังมีคนให้นิยามไว้ต่าง ๆ กันไป บ้างก็ว่ามาจาก*ภาษาสันสกฤต
นาค บ้างก็ว่ามาจาก**ภาษาฮินดี nanga ("เปลือย") ฯลฯ แต่ชาวนากาส่วนมากเชื่อว่า คำนี้เป็นคำที่ชาวพม่าใช้เรียกชนผิวเหลืองกลุ่มหนึ่ง ที่นิยมสวมต่างหูและอพยพหนีความแห้งแล้งหนาวเย็นจากภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนลงมาอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของพม่าตามลุ่มน้ำอิรวดี และต่อมาได้อพยพมาอยู่แถบเทือกเขาบริเวณชายแดนอินเดีย-พม่าจนถึงปัจจุบัน[8]
ส่วนชื่อของรัฐนี้ในภาษาไทย ราชบัณฑิตยสถานให้สะกดว่า นาคาแลนด์[7]
คุณจะสังเกตว่า ประวัติศาสตร์ของชนชาตินากาแลนด์ได้โน้มเอียงปรากฏมาทางฝั่งขวา คือโซนเอเซีย มากกว่าจะเป็นฝั่งซ้ายของโซนยุโรปหรืออเมริกา
สันนิษฐานว่าพวกดาวนิบิรุ ก็ได้มาอยู่ที่อินเดียแล้ว อาจจะก่อนหน้าที่จะไปปรากฏตัวในจารึกคูนิฟอร์มของพวกชนชาวสุเมเรียนเสียอีก คือ ตั้งแต่ก่อน500,000-450,000BC ด้วยซ้ำไป และส่วนหนึ่ง น่าจะไปอาศัยอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ติดกับอ่าวเบงกอล
แล้วทำไม ผู้เขียนถึงเชื่อว่าพวกเขาอาจจะเกี่ยวกับนิบิรุ??
ข้อน่าสงสัยต่างๆมีเช่นนี้ คือ
1) หนึ่งในพี่น้องเจ็ดรัฐน้องสาว รัฐนากาแลนด์ มีหมายเลขเจ็ดโผล่มาอีกแล้วนะครับ ชาวอนันนูกิ หรือชาวนิบิรุ เค้าชอบบอกชาวสุเมเรียนเสมอๆเลย ว่าดาวเทียมมัตหรือว่าโลกของเรานี้ อยู่ลำดับที่เจ็ดในระบบสุริยะ โดยเค้านับเอาดวงอาทิตย์และดวงจันทร์รวมเข้าไปด้วยครับ รัฐนากาแลนด์นี้ มีพี่น้องอีกหกรัฐ รวมเท่ากับ เจ็ดพอดี แล้วทำไม เขาจึงมี"น้องสาว"โผล่ต่อท้ายด้วย ??ผู้เขียนเดาว่า น่าจะหมายถึง โลกที่เป็นดวงดาวที่เจ็ดตามที่คุณชิตชินเค้าไปรับรู้รับทราบมาจากแผ่นดินเหนียวคูนิฟอร์ม บวกด้วยการดู
หมิ่นเหยียดหยามว่า โลกของเราเป็นแค่เพียงเพศสตรีเท่านั้น ถ้าหากเทียบกับนิบิรุของเค้า
และก็แมรี่ แม้กดาลีน ,อวัยวะเพศหญิง แต่อเมริกาคงจะกลัวประเจิดประเจ้อไป เค้าจึงไม่นำ"น้องสาว"ไปพ่วงที่เวบวิกีพีเดียของเขา ซึ่งจะแตกต่างจากเวบเพจอื่นๆ
2) นากา บ้างก็ว่า เป็นภาษาสันสกฤติ แปลว่า" นาค " แต่บางพวกบางกลุ่มนักวิชาการ ก็กล่าวว่า เป็นภาษาฮินดี ซึ่งแปลว่า "เปลือย " ( nanga ) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไร อย่างไร? ก็คล้ายๆและสงสัยว่า พวกนากา กับ พวกนิบิรุ นั้นมีความใกล้เคียงสัมพันธ์กัน คือ เป็นเผ่าต่างดาว พันธุ์สัตว์เลื้อยคลานประเภทงูหรือกิ้งก่าเหมือนๆกันนั่นล่ะ
3) แต่พวกชาวพม่า พวกเขาก็จะแย้งว่า นากามาจากภาษาพม่าต่างหากล่ะ พวกเขาใช้เรียกชนกลุ่มหนึ่ง ที่นิยมสวมต่างหู และมีผิวสีเหลือง ที่อพยพหนีความหนาวเย็นมาจากจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ พวกเขามีผิวสีเหลือง แตกต่างจากชนพื้นเมืองส่วนใหญ่ คุณคิดว่า ข้อสอง หรือ สาม ที่ควรจะเป็นนากามากที่สุด ?? อะไรควรเป็นเรื่องเล่า หรืออะไร ควรเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกในตำราเรียน สำหรับเด็กๆศึกษา ?แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะครับ (อ้างอิงมาจากวิกีพีเดียนะครับ เรื่องภาษาพม่าเนี่ย )
ถ้าเชื่อข้อสอง ก็จะเชื่อว่า นากาเป็นพลเมืองของอินเดีย แต่ถ้าบางท่าน เชื่อข้อสาม ก็จะมีตรรกะความคิดว่า นากาคือ พลเมืองของจีน แยกกลุ่มกันออกไปให้เห็นถึงความต่าง แต่สำหรับส่วนตัวผู้เขียน เชื่อข้อสองกับสามผสมกัน
อาจจะมีความบังเอิญ ที่จังหวะนั้นๆมีการอพยพย้ายถิ่นฐานลงมาของชาวจีนพอดี มาอาศัยอยู่ทางเหนือของพม่า ตามบริเวณลุ่มแม่น้ำอิระวดีก่อน ต่อมา ชาวนากาแลนด์ ที่อินเดียก็ถอยร่นมาอยู่ตามแนวชายขอบบ้าง เนื่องจากภัยด้านสงครามและด้านการเมือง มาอยู่ตามแถบเทือกเขา พวกอพยพมาจากจีน ก็ขอเข้าไปอยู่ร่วมด้วยอีก ก็ร่วมกลุ่มๆผสมๆกันไป จนกลายเป็นชาวนากาเหมือนกันหมด อาศัยอยู่ ณ ตามชายแดนอินเดีย พม่า
ชาวนากาแลนด์ ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของอินเดียและในบริเวณพม่า ดูคล้ายๆกระเดียดไปทางมองโกลลอยด์ เป็นชนกลุ่มน้อยของอินเดียและพม่า
ปรากฏการ์ณเช่นนี้ อาจจะมีขึ้นจริงๆหรือไม่มีก็ได้ ไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ที่พวกชาวพม่า อ้างว่า คำว่า นากา นั้นเป็นภาษาพม่าด้วย มันแปลว่า ***คนที่เจาะรูหู ซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งในพม่านั้น ก็มิได้หมายความว่า ในกลุ่มพวกนี้ จะไม่ได้มีพวกที่อพยพมาจากอินเดียจากนากาแลนด์มาอยู่ร่วมด้วยนะครับ อีกอย่าง มันก็อยู่ใกล้ๆกัน
4) รัฐนากาแลนด์ ที่ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างออกมาจากตัวแผ่นดิน ติดกับประเทศพม่า และมีอ่าวเบงกอลคั่นกลางจากตัวแผ่นดิน อันเนื่องมาจากชาวนิบิรุนี้ เป็นนักเดินทางที่มาจากอวกาศอันไกลโพ้น(ทะเล)นั่นเอง ต้องชอบที่จะตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้ๆกับน้ำมาก ผู้คนที่อาศัยอยู่รัฐนี้ จะเก่งการเดินเรือและเป็นนักค้าขายทางทะเล ทำมาหากินกันทางนี้ทั้งนั้น นอกจากนี้ยังจะมีความสามารถเชี่ยวชาญการรบพุ่งด้วย
5) ชอบทำสงครามรบพุ่งระหว่างเผ่า ชาวอินเดีย รวมถึงชาวอังกฤษที่เข้ามารุกรานทีหลังด้วย ชอบล่าและสะสมหัวมนุษย์ มีความโหดเหี้ยม มีความโหดร้าย คล้ายพวกนิบิรุหรือพวกนาค ที่มันมิใช่มนุษย์ และไม่ชอบเพศหญิงด้วย มีความดูถูก มีความรังเกียจเดียดฉันท์สตรีเพศ เป็นรัฐบุรุษนิยมรัฐหนึ่งของโลก
พวกที่อาศัยในนากาแลนด์ มักมีรูปพรรณสันฐานกระเดียดไปทางชาวมองโกลลอยด์ มากกว่าจะเหมือนกับชาวอารยันอย่างน่าแปลกใจ คงอาจจะเป็นที่ตั้งชัยภูมิของอินเดียฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ขึ้นชื่อว่า อยู่ในอินเดียเช่นกัน แต่กลุ่มชาติพันธุ์ของพวกเขา ก็โน้มเอียงและใกล้ชิดมาทางเอเชียตะวันออก มากกว่าทางเอเชียฝั่งใต้ หน้าตาของพวกนากาแลนด์ จึงออกมาอย่างที่เห็นๆ มีตาสองชั้นคล้ายชาวจีน และมีผิวสีเหลือง ซึ่งจะต่างจาก
รูปพรรณสันฐานของคนอินเดียส่วนใหญ่ที่อยู่ตอนในของดินแดน จึงเดาเป็นการส่วนตัวว่า คงเป็นการง่าย หากชาวนิบิรุส่วนหนึ่งลงมาพบกับพวกเขา และตรงเข้าไปควบคุม ดูแล และจัดการ ทำตนเสมือนประหนึ่งว่า เป็นเทพเจ้าครึ่งคนครึ่งงู ให้พวกนี้ได้เกรงกลัว เคารพ และสักการะบูชา โดยใช้โอกาสที่พวกเขาอยู่ห่างไกลจากตัวแผ่นดินมาเป็นประโยชน์
ชาวอินโด-อารยัน ที่เป็นชาวอินเดียส่วนใหญ่ในประเทศ มักอาศัยกันลึกเข้าไปอยู่ทางตอนในของอินเดีย พวกเขาจะมีผิวขาว สูง ตาโตกลมน่าดู และจมูกโด่งเป็นคมสัน
ในขณะที่ชาวนิบิรุอีกส่วนหนึ่งที่เหลือ ที่ได้เข้าไปอาศัยอยู่ทางแผ่นดินใหญ่ ตอนในของอินเดีย อาจจะไม่ได้มีพฤติการ์ณเช่นนี้
อีกหนึ่งสัพเพเหระเกี่ยวกับชาวนากาและรัฐนากาแลนด์ในอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือและในพม่า จาก เฟสบุ้คของท่านนึง
ชนเผ่านากา นักล่าหัวมนุษย์
The Nagas Ethnic group , head-hunters
ชนเผ่านากา นักล่าหัวมนุษย์
The Nagas Ethnic group , head-hunters
หมายเหตุ
- ชนเผ่านาคาเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย (รัฐนาคาแลนด์) ติดต่อกับตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา (เขตปกครองตนเองนาคา)
- มีประชากรรวมกันราว 2 ล้านคน และมีเผ่าย่อยๆ กว่า 67 เผ่า , Kibangwar Jamir (2016)
- ในฝั่งพม่ามีประมาณ 10 เผ่า ,ที่รัฐนากาแลนด์มีประมาณ 17 เผ่า , มณีปุระ มีประมาณ 15 เผ่า , อรุณาจัลประเทศมีประมาณ 3 เผ่า
- ชนเผ่านี้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม ในอดีตหากนักรบนากาทำสงครามกับศัตรูไม่ว่าจะเป็นชนเผ่านาคาต่างเผ่า ทหารอังกฤษ หรือทหารอินเดีย เพื่อปกป้องดินแดนของตัวเอง นักรบนาคาจะตัดหัวศัตรูแล้วใส่ตะกร้าที่เตรียมมาเพื่อนำกลับหมู่บ้าน เป็นเสมือนถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะ
- ศีรษะศัตรูเหล่านี้จะถูกนำมาประดับกำแพงและประตูบ้านของนักรบ ส่วนตัวนักรบเองจะได้รับการสักที่ใบหน้าและหน้าอกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระทำที่เป็นฮีโร่ โดยการสักนี้จะทำโดยภรรยาของหัวหน้าเผ่า
Danupon Pulmison
พวกเขาชอบดูดกัญชากัน ยามไม่รบจิตใจดี หัวเราะเฮฮานากาแลนด์ดินแดนเขาเต็มไปด้วยกัญชาสายพันธุ์โมฮินีของดีแคว้นอัสสัม
อัษฏ์กร อมาตยกุล
พม่าอยู่ที่လေရှီးမြို.နယ် လဟယ်မြို.နယ် နန်း ယွန်းမြို.နယ် စစ် ကိုင်း တိုင်း ဒေသကြီး ซึ่งเป็น နာဂ ကိုယ် ပိုင် အုပ်ချုပ် ရေးဒေသ ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง https://th.m.wikipedia.org/wiki/รัฐนาคาแลนด์
* ไม่ว่าจะคือภาษาฮินดี หรือ ภาษาสันสกฤติ ก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับศาสนาหนึ่งๆ คือ พราหมณ์ -ฮินดู แต่ถ้ามาจากภาษาสันสกฤติ จะมีอีกศาสนามาเกี่ยวข้องด้วย คือศาสนาพุทธ และยังใกล้เคียงกับอีกภาษาหนึ่งที่น่าสนใจ คือภาษาอังกฤษครับ " เปลือย "ในภาษาอังกฤษ เขียน naked อ่านว่า เนค ความจริง ไม่น่างุนงงสงสัยหรือรู้สึกเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจแต่อย่างไร เพราะชาวอังกฤษ หรือ ในอดีตเรียกพวกเขาว่า พวกแองโกล -แซกซอน นักรบทางทะเล ชาวนอร์ดิก ผู้เก่งกาจ ก็ถือว่า เป็นอารยันพวกหนึ่ง ส่วนพวกอนันนูกิ ที่ได้ไปอา
ศัยในอินเดียฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ที่เรียกว่า รัฐนากาแลนด์นั้น ก็ถือว่า เป็นหน่อเนื้อของพวกอารยันเช่นกัน ดังนั้น เราอาจจะเห็นในปัจจุบันว่า มีภาษาบาลี สันสกฤติจำนวนมากมายพอสมควร ที่อ่านออกเสียงคล้ายๆภาษาอังกฤษ แถมมีความหมายที่คล้ายหรือแบบเดียวกันด้วย
เช่น ไตร เทียบเคียง กับ ทรี ที่แปลว่า สาม , หฤทัย เทียบเคียง hurt แปลว่า ใจ ,เอราวัณ เทียบเคียงกับ Elephant แปลว่า ช้าง, ภราดา เทียบเคียงกับว่า brother แปลว่า พ่อหรือพี่ชาย เป็นต้น
แต่เราจะไม่พบปรากฏลักษณ์นี้ ในภาษายุโรปสมัยใหม่อื่นๆเลย คุณสังเกตไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศษ สเปน อิตาเลียน โปรตุเกส เยอรมัน หรืออะไรใดๆ ยกเว้น แต่กับสองภาษาของชาวยุโรปโบราณ คือ กรีก กับ ละติน ซึ่งนักวิชาการจัดภาษาในตระกูลนี้ เรียกว่า ภาษาตระกูล Indo -Proto-European
ภาษาสันสกฤติอินเดียยุคโบราณ ชาวอังกฤษท่านหนึ่งในศตวรรษที่19 ที่เข้ามายังในอินเดีย จัดมันอยู่ในตระกูลภาษา Indo-Proto -European
มีไปคล้ายกับภาษากรีกบ้าง ซึ่งเป็นชาติยุโรปโบราณ ละติน รึโรมันบ้าง ไม่ใช่ยุโรปสมัยใหม่ อย่างอังกฤษ ที่เป็นเพียงชาติเดียวที่ไปเกี่ยวข้อง
กรีก ก็คืออาณาจักรแอตแลนติสนี่แหล่ะครับ ก็คือนิบิรุกลุ่มหนึ่งเช่นกัน แต่ว่าไปลองเชิงควบคุมมนุษย์อยู่ในมหาสมุทรลึกลับๆหน่อย ใกล้ๆกับประเทศกรีซ และก็ภาษาละติน จากชาวโรมัน ก็คือพัฒนาต่อยอดมาจากกลุ่มเทพกรีก เป็นละติน หรือ โรมันที่เป็นคริสต์ในที่สุด
เช่น Penta ภาษากรีก แปลว่า ห้า และ ปัญญจ ในบาลี สันสกฤติ Septa ภาษาสันสกฤติ แปลว่า 7 เทียบเคียงกับ Seven ในภาษาอังกฤษ และ Sept ในภาษาฝรั่งเศษที่แปลว่า 7 เช่นกัน แต่Sept ในภาษาฝรั่งเศษ น่าจะพัฒนารากมาจากละตินโดยตรง แบบที่ไม่ต้องเข้าไปในอินเดียเช่นกับอังกฤษ จึงเป็นยุโรปสมัยใหม่ประเทศนึงที่หลงมาแล้วหนึ่งภาษา (หากภาษานั้น
ภาษาที่แปลออกมาเป็น เจ็ด ทั่วโลกจะออกเสียงคล้ายๆกันนะครับ อันนี้ อาจจะเป็นข้อยกเว้นในกรณีที่แปลว่า เจ็ด มันก็หมายถึง ลำดับดาวโลก รึดาวเทียมมัต อันดับที่เจ็ด ในระบบสุริยะจักรวาล ที่พวกอนันนูกิเค้าสั่งสอนชนชาติสุเมเรียนไว้ตั้งแต่กาลก่อนโน่น โดยเค้าจะนับรวมดวงจันทร์ และ พระอาทิตย์ เข้าไปด้วย)
ไม่ต้องสืบเลยครับ พอเดาได้เลาๆว่า รากของภาษาเหล่านี้ คือ ภาษาที่มาจากดาวนิบิรุเหมือนๆกันเป็นแน่แท้ เช่นอีกตัวอย่าง
Zeus Patar ที่ชาวกรีกโบราณ ใช้เรียกขานเทพซีอุสของพวกเขา เท่ากับ Ju Pitar หรือ Djous Pitar และความหมายตรงกันกับ เทพพระทยาอุส ในภาษาสันสกฤติ Dyaus Pitar ด้วย ที่รวมความ แปลว่า พระบิดาจากท้องฟ้า หรือ faher sky เหมือนกันหมด
แต่ก็น่าสงสัยอยู่บ้างนะครับ เพราะอังกฤษเป็นชาติยุโรปสมัยใหม่ ทำไม ภาษาของพวกเขา เป็นยุโรปชาติสมัยใหม่ประเทศเดียว ที่อ่านออกเสียงบางคำ ไปคล้ายกับบาลี สันสกฤติมากที่สุด???
ชาติยุโรปสมัยใหม่อื่นๆ เอามาเทียบกับบาลี สันสกฤติไม่ได้เลยแบบอังกฤษ (แค่คล้ายไปทางออกเสียงเดียวกันเท่านั้น เนื่องจาก การพัฒนามาจากละตินเหมือนๆกัน แต่จะไม่ใช่กับบาลี สันสกฤติ และมากเหมือนกับอังกฤษ) เรื่องนี้ คงจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหอคอยบาบิโลนกระมัง เอ้ะ !?รึว่าอาจจะเกี่ยว???
แต่พวกเขาอาจจะเกี่ยวข้องการถือโอกาสที่พวกเขาเป็นอารยันเหมือนๆกันด้วย บวกด้วยมันสมองอย่างเจ้าเล่ห์ มาแก้ไขดัดแปลงนิดๆหน่อยๆในวาระสมัยที่พวกเขาเข้ามาปกครองอินเดีย
อย่างไรก็ดี เรื่องภาษานี้มีความน่าสนใจอยู่ เดวผู้เขียนจะมาขยายเนื้อหาต่อไปน่าจะดีกว่า
*** คนที่เจาะรูหู อาจตีความโดยนัยแฝงเร้น หมายถึงพวกที่มีญาณทิพย์ อย่างหูทิพย์ ตาทิพย์ อะไรก็ได้นะครับ และเวลาที่พวกนากาออกไปรบกับศัตรู แล้วตัดศรีษะฝ่ายตรงข้ามได้ มันก็เหมือนกับ การทำลายญาณทิพย์ฝ่ายศัตรูให้พินาศไป คงคล้ายๆกับการทำสงครามอวกาศของพวกต่างดาว ที่ใช้พลังจิตแทนอาวุธทำลายประหัตประหารกัน ใครจะสอนรูปแบบนี้ให้เขาล่ะครับ ถ้าไม่ใช่พวกนิบิรุเหล่านั้น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
