การล้างแอร์รถยนต์ควรทำ ทุก 1 ปี หรือทุก 20,000 กิโลเมตร แล้วแต่กรณีใดถึงก่อน แต่หากใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่นมากหรือมีอาการผิดปกติ เช่น กลิ่นอับ แอร์ไม่เย็น เสียงดัง ควรล้างเร็วกว่านั้น
รายละเอียดการดูแล
แผงกรองแอร์ (แผ่นกรองอากาศในรถ) ควรเปลี่ยนหรือทำความสะอาดทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กม.
ตู้แอร์ (Evaporator) หากเริ่มมีอาการเหม็นอับ ควรล้างตู้แอร์ ซึ่งอาจต้องถอดตู้หรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อฉีดล้างตามระบบ
แผงคอยล์ร้อน (Condensor) ด้านหน้ารถควรล้างฝุ่นและสิ่งอุดตันทุก 6 เดือน เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี
สัญญาณเตือนว่าควรล้างแอร์:
แอร์มีกลิ่นอับหรือเหม็น
ลมแอร์เบาแม้เปิดแรงสุด
แอร์ไม่เย็นเท่าเดิม
มีเสียงดังเมื่อเปิดแอร์
หากรถใช้งานในเมืองหรือพื้นที่ฝุ่นมาก เช่น ขับผ่านถนนลูกรัง หรือจอดในที่โล่งบ่อย ๆ ควรล้างแอร์ถี่กว่าปกติ
สามารถทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์เองได้ บางส่วน โดยเฉพาะในส่วนที่ไม่ต้องถอดชิ้นส่วนใหญ่ เช่น:
สิ่งที่ทำเองได้ง่าย:
เปลี่ยนหรือล้างแผ่นกรองแอร์ (Cabin Air Filter)
อยู่ใต้ช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร
ถอดเปลี่ยนหรือล้างแล้วตากให้แห้ง
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ/ดับกลิ่นในตู้แอร์ (Evaporator Cleaner Spray)
ซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์รถยนต์ (ราคาประมาณ 150–300 บาท)
ฉีดผ่านช่องกรองแอร์หรือท่อดูดอากาศใต้ฝากระโปรง
ช่วยลดกลิ่นอับและฆ่าเชื้อเบื้องต้น
สิ่งที่ไม่แนะนำให้ทำเอง (ต้องใช้ช่าง):
ถอดล้างตู้แอร์ (ต้องรื้อคอนโซลหน้ารถ)
ล้างคอยล์ร้อนด้านหน้ารถ (หากต้องถอดกันชนหรือพัดลม)
เติมน้ำยาแอร์ (ต้องมีเครื่องมือเฉพาะและความรู้)
สรุป:
ทำเองได้: เปลี่ยนกรองแอร์ + ฉีดน้ำยาล้างตู้แอร์เบื้องต้น
ให้ช่างทำ: ล้างตู้แอร์แบบถอดออก, ล้างคอยล์ร้อน, ตรวจวัดแรงดันน้ำยา
ขอบคุณวีดีโอ จากช่างโจ้ และข้อมูลจาก Chat GPT มากครับ