12 พ.ค. เวลา 06:20 • ข่าวรอบโลก

📚 ทรัมป์เขย่าวงการอุดมศึกษาสหรัฐฯ กระทบแรงดึงดูดต่อนักเรียนต่างชาติ

Trump's reshaping of higher education tests US' appeal for int'l students
🔍 เนื้อหาสรุปข่าวอย่างละเอียด:
นักศึกษาจากจีนและทั่วโลกที่มีความฝันจะเรียนต่อในสหรัฐฯ กำลังตั้งคำถามใหม่เกี่ยวกับอนาคตของตนเอง หลังจากที่รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มใช้มาตรการเข้มงวดกับนักเรียนต่างชาติ ทั้งในแง่ของวีซ่า การเนรเทศและความไม่แน่นอนทางการเมือง
🇺🇸 Ma Tianyu นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากจีนวางแผนจะเรียนต่อปริญญาโทในสหรัฐฯ แต่เขาก็ลังเลหลังเห็นนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะของนักเรียนต่างชาติ เช่น การยุติวีซ่าหรือการเนรเทศจากกิจกรรมทางการเมือง รวมถึงคำเตือนจากกระทรวงศึกษาธิการของจีน
🏛️ แม้ว่าอเมริกาจะยังมีระบบการศึกษาชั้นนำและโอกาสในการทำงานผ่าน OPT (Optional Practical Training) ที่ดึงดูดใจนักเรียนต่างชาติ แต่บรรยากาศความไม่มั่นคงทางการเมืองก็ทำให้หลายคนหันไปมองประเทศอื่น เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย หรือสหราชอาณาจักร ที่มีนโยบายผ่อนปรนมากกว่า
💸 มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เสี่ยงต่อการสูญเสียรายได้มหาศาล เนื่องจากนักเรียนต่างชาติกว่า 1.1 ล้านคนที่เคยเรียนอยู่ในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จ่ายค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนและไม่สามารถรับทุนรัฐบาลได้ หากจำนวนนักเรียนลดลง จะกระทบต่อการเงินของสถาบันโดยตรง
🌍 มหาวิทยาลัยในแคนาดาเริ่มมองเห็นโอกาส โดยส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลกลางให้ใช้ช่วงเวลานี้ในการปรับนโยบายต้อนรับนักศึกษาต่างชาติเพิ่มเติม เพื่อชิงส่วนแบ่งจากตลาดนักเรียนต่างชาติที่เคยเป็นของสหรัฐฯ
🧭 แต่แม้จะมีแรงกดดันทางการเมือง สหรัฐฯ ยังถือครอง “เสน่ห์แห่งโอกาส” ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความหลากหลายของอุตสาหกรรม และโอกาสด้านอาชีพที่กว้างขวาง ทำให้บางคนยังคงเลือกอเมริกาเป็นเป้าหมายหลัก
✉️ นักเรียนและครูในจีนบางรายถึงกับส่งจดหมายถึงผู้แทนสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องให้ปกป้องสถานะของนักเรียนต่างชาติ เพราะมองว่าเยาวชนเหล่านี้มาเพื่อแสวงหาความรู้ ไม่ใช่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
📌 ผลกระทบต่อประเทศไทย:
สถานการณ์นี้อาจเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยในไทย โดยเฉพาะสถาบันอินเตอร์ หรือหลักสูตรนานาชาติในระดับปริญญาตรีและโท เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล อินเตอร์ ฯลฯ ขยายฐานนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทนสหรัฐฯ ซึ่งอาจรวมถึงนักเรียนจีนและอินเดีย
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยไทยยังสามารถร่วมมือกับสถาบันจากแคนาดาและออสเตรเลียผ่านหลักสูตร 2 ปริญญา (dual degree) หรือศูนย์วิจัยร่วม เพื่อดึงดูดนักเรียนจากภูมิภาคอื่นที่ต้องการหลักสูตรระดับโลกแต่อยู่ในพื้นที่มั่นคงมากกว่า
📉 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai):
หุ้นที่อาจได้รับอานิสงส์หรือแรงสะเทือนจากเทรนด์นี้ มีดังนี้:
🔹 CPAXT และ CPALL ที่มีบทบาทในการจัดจำหน่ายสินค้าครัวเรือนและอุปกรณ์การศึกษาในกลุ่มลูกค้านักเรียนต่างชาติ หรือภาคการศึกษาที่รองรับนักเรียนจีนในไทย อาจได้ประโยชน์จากจำนวนนักเรียนต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
🔹 SE-ED และ ROCTEC ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณา และการเรียนรู้ อาจได้รับอานิสงส์จากการขยายหลักสูตรอินเตอร์ในประเทศ โดยเฉพาะความต้องการสื่อการเรียนและช่องทางสื่อสารที่เข้าถึงนักเรียนต่างชาติในยุคการแข่งขันระดับภูมิภาค
🔹 RML, ORI, และ ASW ที่มีโครงการที่พักหรือคอนโดใกล้สถาบันการศึกษา อาจได้แรงหนุนจากดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยของนักเรียนต่างชาติ
🔹 หุ้นสายการบิน เช่น AAV, BA อาจได้รับผลบวกหากการเดินทางเพื่อศึกษาในไทยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ AOT ซึ่งดูแลสนามบินอาจได้อานิสงส์จากจำนวนผู้โดยสารขาเข้าระยะยาว
ในทางกลับกัน หากบรรยากาศการศึกษาทั่วโลกขาดเสถียรภาพ อาจกระทบต่อหุ้นที่พึ่งพากลุ่มนักเรียนต่างชาติในระดับสูง หรือบริษัทที่ลงทุนในโครงการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เช่น NSTDA Partnered Tech Firms
📖 Hashtags:
#การศึกษานานาชาติ #Trumpนโยบายการศึกษา #นักเรียนต่างชาติในอเมริกา #USImmigration #OPTvisa #เรียนต่อต่างประเทศ #ผลกระทบตลาดหุ้นไทย #WorldScope #ศึกโลกเศรษฐกิจ #เวทีมหาอำนาจ #สิทธิที่ถูกเผา
📎 Reference:
Business Standard - Trump’s reshaping of higher education tests US’ appeal for int’l students

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา