13 พ.ค. เวลา 12:14 • ข่าวรอบโลก

📰 อินเดีย-ปากีสถานยุติปฏิบัติการชั่วคราว

India-Pakistan Ceasefire: “India Has Just Paused Military Actions”
🇮🇳 นายกรัฐมนตรีโมดีประกาศหยุดการปฏิบัติการชั่วคราว แต่เตือนปากีสถานหากมีพฤติกรรมยั่วยุอีก จะตอบโต้ทันที
📍สรุปสถานการณ์ล่าสุด
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก หลังความขัดแย้งกับปากีสถานปะทุขึ้นจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เมืองพาฮาลกัม นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ยืนยันว่า อินเดียเพียง “หยุด” ปฏิบัติการทางทหารไว้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่การยุติถาวร โดยระบุว่าทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับ “พฤติกรรมของปากีสถาน” ในอนาคต
🔺Operation Sindoor – ปฏิบัติการของอินเดียที่เปิดฉากในคืนวันที่ 7-8 พฤษภาคม หลังเหตุโจมตีที่เมืองพาฮาลกัม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย โดยอินเดียอ้างว่าการโจมตีก่อให้เกิดการสังหารผู้ก่อการร้ายกว่า 100 คนทั้งในปากีสถานและเขตปกครองแคชเมียร์ที่ปากีสถานยึดครองอยู่ (PoK)
🕊️ข้อตกลงหยุดยิงและการละเมิด
ในวันที่ 10 พฤษภาคม อินเดียและปากีสถานได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงทางบก อากาศและทะเล โดยมีผลตั้งแต่เวลา 17.00 น. อย่างไรก็ตาม ปากีสถานได้ละเมิดข้อตกลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังมีผลบังคับใช้ ทำให้ความตึงเครียดยังคงอยู่ในระดับสูง
📌 ทำความเข้าใจเบื้องหลังเหตุการณ์
เหตุโจมตีในเมืองพาฮาลกัมถูกระบุว่าเป็น “โฉมหน้าที่โหดร้ายที่สุดของการก่อการร้าย” โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการโจมตีพลเรือน และยังเป็นเหตุผลที่รัฐบาลอินเดียเลือกใช้คำว่า “Sindoor” ซึ่งหมายถึงผงสีแดงบนหน้าผากสตรีอินเดีย เพื่อแสดงการตอบโต้ต่อการกระทำที่ล่วงเกินต่อ “เกียรติยศของสตรี”
📣 โมดีเน้นว่า โลกได้เห็นแล้วว่าอินเดียไม่ได้มีแค่คำพูด แต่กล้าที่จะลงมือจริง และการปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นสัญญาณถึงความเปลี่ยนแปลงในนโยบายตอบโต้การก่อการร้ายของอินเดีย
🌍 ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์
➡️ ความตึงเครียดระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียใต้
➡️ สร้างความกังวลให้กับชาติพันธมิตร ทั้งสหรัฐฯ จีน รัสเซีย และกลุ่ม OIC ที่จับตาความเคลื่อนไหวทางทหารในแถบนี้อย่างใกล้ชิด
➡️ ความไม่แน่นอนดังกล่าว อาจทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายจากภูมิภาคเอเชียไปยังตลาดที่ปลอดภัยกว่า
🇹🇭 ผลกระทบต่อประเทศไทยและตลาดหุ้นไทย
📉 ความขัดแย้งครั้งนี้ แม้จะเกิดขึ้นในเอเชียใต้ แต่ส่งผลโดยอ้อมต่อเศรษฐกิจไทยในหลากหลายมิติ เช่น
🔹 ต้นทุนพลังงาน – หากสถานการณ์ยืดเยื้อ อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากเส้นทางขนส่งผ่านมหาสมุทรอินเดียอาจถูกกระทบ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกรวมถึงไทยมีแนวโน้มผันผวน
▶ หุ้นกลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ TOP, PTTGC, IRPC, BCP เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและ margin อ่อนตัว
🔹 หุ้นโลจิสติกส์และการขนส่งระหว่างประเทศ – ความไม่แน่นอนอาจชะลอการส่งออกสินค้าผ่านเส้นทางทางทะเลหรือทางอากาศ
▶ กระทบต่อหุ้นอย่าง WICE, SONIC, SJWD, PSL โดยเฉพาะเส้นทางที่เชื่อมโยงกับอินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
🔹 ความผันผวนของค่าเงิน – หากเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเอเชีย เงินบาทอาจอ่อนค่าต่อเนื่อง
▶ หุ้นกลุ่มที่มีหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศสูง เช่น THAI, AAV, BGRIM, GPSC อาจต้องจับตาเรื่องต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น
🔹 หุ้นที่มีความสัมพันธ์กับอินเดียโดยตรง เช่น กลุ่มอาหารส่งออก (เช่น TU, CPF) อาจได้รับผลกระทบหากการค้าระหว่างประเทศหยุดชะงัก
🔎 บทสรุปเชิงวิเคราะห์
แม้ความขัดแย้งจะดูเหมือนสงบลงชั่วคราว แต่คำพูดของนายกฯ โมดีชี้ให้เห็นว่า อินเดียยังคงพร้อมสำหรับการตอบโต้ ซึ่งแปลว่า “ความไม่แน่นอนยังคงอยู่” และนั่นคือปัจจัยที่ทำให้ตลาดการเงินทั่วเอเชีย รวมถึงไทย ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงสัปดาห์นี้
หากสถานการณ์บานปลายอีกครั้ง หุ้นไทยกลุ่มพลังงาน โลจิสติกส์ และส่งออกอาจถูกขายทำกำไร หรือเข้าสู่ภาวะปรับฐานในระยะสั้น
🔖 Hashtags:
#อินเดียปากีสถาน #OperationSindoor #หยุดยิงชั่วคราว #ModiSpeech #PahalgamAttack #Geopolitics #ความขัดแย้งเอเชียใต้ #สงครามและสันติภาพ #หุ้นไทย #WorldScope

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา