14 พ.ค. เวลา 00:39 • ข่าวรอบโลก

เดิมพันครั้งประวัติศาสตร์: เซเลนสกีจะทำทุกทาง เพื่อดึงปูตินสู่โต๊ะเจรจาในตุรกี” | แอดมินเล่าเรื่อง

“เดิมพันครั้งประวัติศาสตร์: เซเลนสกีจะทำทุกทาง เพื่อดึงปูตินสู่โต๊ะเจรจาในตุรกี” | แอดมินเล่าเรื่อง
“ถ้าเขาไม่มา แปลว่าเขาไม่ต้องการยุติสงคราม” — เซเลนสกี
สวัสดีครับทุกคน แอดมินกลับมาอีกครั้งพร้อมเรื่องราวที่ร้อนแรงที่สุดจากโลกการเมืองระหว่างประเทศ เรื่องนี้พูดเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะมันอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสงครามยูเครน-รัสเซียที่ลากยาวมากว่าสามปี!
ล่าสุด ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ประกาศแบบตรงไปตรงมาว่า เขาพร้อมจะทำ “ทุกอย่าง” เพื่อให้เกิดการเจรจาโดยตรงกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และสถานที่นัดหมายก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล—ตุรกี ประเทศที่เคยเป็นตัวกลางทางการทูตมาแล้วหลายรอบในอดีต
แอดมินขอพาทุกคนมาดูให้ลึกว่าเบื้องหลังคำพูดนั้นมีอะไรบ้าง ทำไมตุรกีถึงกลายเป็นเวทีเจรจา? แล้วอะไรที่ทำให้เซเลนสกี “ยอมทุกอย่าง” ขนาดนี้?
1. จุดเริ่มต้น: สงครามที่ยืดเยื้อเกินไป
เริ่มจากภาพรวมก่อน—สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียเริ่มต้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และลากยาวจนถึงวันนี้ (2025) โดยไม่มีทีท่าว่าจะยุติได้ง่ายๆ ทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซียต่างเจ็บหนัก เสียกำลังคน ทรัพยากร และศรัทธาจากประชาชน
ในระยะหลัง สงครามเริ่มนิ่งเป็นแนวตายตัว ฝ่ายไหนก็ขยับไม่ได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ชัดคือ ยูเครนเริ่มอ่อนแรง ทางเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร แม้จะยังได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกก็ตาม
นี่จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ เซเลนสกีเริ่มปรับท่าที จากการปฏิเสธเจรจาอย่างแข็งกร้าว มาเป็นการแสดงท่าทีเปิดรับ หากอีกฝ่ายพร้อมจะจริงจังเช่นกัน
2. “เจอกันที่ตุรกี” – สัญญาณใหม่ของความหวัง?
แล้วทำไมต้องตุรกี?
คำตอบคือ ตุรกี ภายใต้การนำของประธานาธิบดี เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังสามารถพูดคุยกับทั้งรัสเซียและยูเครนได้ในระดับผู้นำ ตุรกีเคยเป็นเจ้าภาพการเจรจาในปี 2022 และ 2023 แม้ผลลัพธ์จะยังไม่ถึงขั้นยุติสงคราม แต่ก็มีความคืบหน้าในบางประเด็น เช่น ข้อตกลงส่งออกธัญพืชจากยูเครน
ในปีนี้ (2025) แอร์โดอันกลับมาผลักดันการเจรจาอีกครั้ง โดยเสนอให้มี การหยุดยิงชั่วคราว 30 วัน เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับ “โต๊ะเจรจาใหญ่” ที่อังการาหรืออิสตันบูล ซึ่งทางยูเครนตอบรับในทันที
เซเลนสกีถึงกับบอกว่า
“ผมจะไปที่นั่น และจะรอปูตินอยู่ที่โต๊ะเจรจา”
ถ้านี่ไม่ใช่ความตั้งใจจริง แอดมินก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วล่ะครับ
3. ทำไมเซเลนสกีถึงเปลี่ยนใจ?
นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะชาวยูเครนที่ติดตามการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีเคยปฏิเสธการเจรจากับปูติน โดยบอกว่า “ไม่มีประโยชน์คุยกับคนที่ไม่เคารพชีวิตมนุษย์” แต่ตอนนี้ท่าทีเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
แอดมินมองว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เขาต้องปรับท่าที:
• แรงกดดันภายในประเทศ: ประชาชนยูเครนเริ่มเหนื่อยกับสงครามแบบไม่มีวันจบ เสียงเรียกร้องให้หาทางออกเริ่มดังขึ้น
• การเลือกตั้งในสหรัฐฯ: โดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มจะกลับมา และอาจไม่สนับสนุนยูเครนเท่าเดิม เซเลนสกีจึงต้องรีบหาทางออกก่อนสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยน
• เศรษฐกิจที่บอบช้ำ: เงินช่วยเหลือจากต่างชาติเริ่มลดลง สงครามเริ่มกินงบประมาณจนเศรษฐกิจภายในสั่นคลอน
ดังนั้นการเจรจาจึงไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่มันคือ “ความจำเป็น”
4. แต่ปูตินจะมาหรือไม่?
นี่แหละคือคำถามหลักของทั้งโลกในตอนนี้
ทางโฆษกของเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ ตอบสื่อว่า “ยังไม่มีการยืนยัน” ว่าปูตินจะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาหรือไม่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว
ถ้าจะพูดตรงๆ คือ รัสเซียกำลัง “ลองเชิง” ว่าการเจรจาครั้งนี้มีน้ำหนักแค่ไหน และยูเครนยอมอะไรได้บ้าง
สิ่งที่ปูตินต้องการอาจมีหลายอย่าง เช่น:
• การรับรองว่า NATO จะไม่ขยายตัวไปยูเครน
• การคงสถานะการควบคุมบางพื้นที่ในดอนบาส
• การลดคว่ำบาตรจากตะวันตก
แต่คำถามคือ ยูเครนจะยอมไหม?
5. โลกกำลังจับตา: ผลกระทบหากมีหรือไม่มีการเจรจา
แอดมินขอแยกเป็น 2 ทางให้เห็นภาพง่าย ๆ เลยครับ:
ถ้ามีการเจรจา (และปูตินมาจริง):
• ตลาดหุ้นและพลังงานโลกจะผ่อนคลาย ราคาน้ำมันอาจลดลง
• ยูเครนอาจเริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจได้
• รัสเซียอาจได้รับโอกาส “ล้างภาพลักษณ์” บางส่วน
• ตุรกีกลายเป็นพระเอกในเวทีการเมืองโลก
ถ้าไม่มีการเจรจา:
• สงครามจะดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
• ยูเครนอาจเสียแรงสนับสนุนจากบางประเทศ
• รัสเซียอาจใช้จังหวะนี้บุกหนักขึ้น
• ศรัทธาใน “การทูต” จะถอยหลังไปอีกขั้น
“เราไม่ได้แค่รอสงครามจะจบ แต่เราต้องเลือกจะจบมันอย่างไร” — แอดมินเพจข่าว
โฆษณา