เจาะลึกบทบาทของทรัมป์ และนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ ต่อยูเครน” ตอนพิเศษ
⸻
“ทรัมป์กลับมา โลกสะเทือน?”
เมื่อเสียงระฆังแห่งการเมืองสหรัฐฯ ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมชื่อของ โดนัลด์ ทรัมป์ โลกก็เหมือนกำลังหยุดหายใจแป๊บหนึ่ง เพราะทุกคนรู้ดีว่า… คนๆ นี้ไม่ได้มาเล่นๆ
ล่าสุด ทรัมป์กำลังจะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง หลังจากคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งในศึกเลือกตั้งปี 2024 และในขณะที่ทีมของเขากำลังจัดทัพ เตรียมนโยบายต่างประเทศใหม่ ข่าวลือก็เริ่มหนาหูว่า “ยูเครนอาจไม่ใช่ลูกรักอีกต่อไป”
แล้วมันหมายความว่ายังไง?
ยูเครนจะเสียอะไร?
และรัสเซียจะได้อะไร?
แอดมินเล่าให้หมดแบบไม่ต้องปิดไมค์ครับ
⸻
1. ทรัมป์มองสงครามยูเครนอย่างไร?
หลายคนคงจำได้ว่าในช่วงสงครามยูเครน-รัสเซียที่ปะทุในปี 2022 ทรัมป์ไม่ใช่คนที่ออกมาสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน
ตรงกันข้าม เขากลับมองว่าสหรัฐฯ “ทุ่มเงินมากเกินไป” ให้กับยูเครน โดยมีวาทกรรมเด็ดที่เคยพูดไว้ว่า:
“พวกเราต้องหยุดเป็นธนาคารให้โลก… อเมริกามีปัญหาของตัวเอง”
เขายังเคยกล่าวอีกว่า ถ้าเขาเป็นประธานาธิบดีในตอนที่สงครามเริ่มขึ้น “มันคงไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก” ซึ่งตีความได้ว่า เขาจะใช้วิธีแบบอื่น ไม่ใช่การหนุนหลังยูเครนด้วยเงินพันล้านดอลลาร์เหมือนรัฐบาลไบเดน
⸻
2. นโยบายใหม่: “อเมริกาต้องมาก่อน ยูเครนค่อยว่ากัน”
จากแหล่งข่าววงในในวอชิงตัน นโยบายของทรัมป์ในสมัยใหม่นี้มีแนวโน้มจะเปลี่ยนลำดับความสำคัญในต่างประเทศจาก:
• สนับสนุนพันธมิตร (ยุโรป, NATO, ยูเครน)
ไปเป็น
• เน้นผลประโยชน์ของอเมริกาในประเทศ
ซึ่งอาจแปลว่า:
• ลดงบสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจแก่ยูเครน
• กดดันให้อียูจ่ายเงินมากขึ้นในการรับผิดชอบสงครามนี้
• บีบยูเครนให้เข้าร่วมเจรจากับรัสเซียไม่ว่าพร้อมหรือไม่
นี่แหละครับที่ทำให้คำพูดของเซเลนสกีในตอนนี้ “จะทำทุกอย่างให้เกิดการเจรจา” นั้นดูมีเหตุมีผลมากขึ้น — เพราะเขารู้ว่า “ทรัมป์มา” คือไฟเขียวสำหรับการ “หาทางลง” โดยด่วน
⸻
3. ทีมทรัมป์ กับยุทธศาสตร์ใหม่ต่อยูเครน
ทรัมป์ไม่ใช่แค่คนเดียว เขามากับ “ทีมทรัมป์” ที่เต็มไปด้วยอดีตที่ปรึกษาคนใกล้ชิดอย่าง:
• ไมเคิล ฟลินน์ (อดีตที่ปรึกษาความมั่นคง)
• ริชาร์ด เกรเนลล์ (อดีตตัวแทนประธานาธิบดีในยุโรป)
• เจฟฟ์ เซสชันส์ (อดีตรัฐมนตรียุติธรรม)
หลายคนในทีมเหล่านี้มีท่าที “ค่อนข้างเป็นมิตรกับรัสเซีย” หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้มองว่ารัสเซียเป็นภัยระดับเดียวกับที่รัฐบาลเดิมมอง
นั่นแปลว่า สิ่งที่เคยเป็น “มุมมองขาว-ดำ” อาจเปลี่ยนเป็น “เทาเข้ม-เทาอ่อน” ภายใต้นโยบายแบบอเมริกันนิยมใหม่
⸻
4. ยูเครนจะปรับตัวยังไง?
ในสถานการณ์แบบนี้ แอดมินเชื่อว่ายูเครนมีทางเลือกไม่มากนัก และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เซเลนสกีต้อง:
• เปิดประตูสู่การเจรจา แม้กับศัตรูอันดับหนึ่งอย่างปูติน
• รักษาความสัมพันธ์กับยุโรป ให้เหนียวแน่นกว่าที่เคย
• หาทางลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด หากอเมริกาหยุดช่วย
หนึ่งในวิธีคือการเร่ง “ความเป็นจริงทางการทูต” โดยให้ตุรกีเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสงครามกับสันติภาพ
⸻
5. แล้วรัสเซียล่ะ? ปูตินได้เปรียบไหม?
ในเกมนี้ ถ้า “ทรัมป์ลดการสนับสนุนยูเครน” และ “ยูเครนเริ่มเปิดรับการเจรจา” — ใครได้ประโยชน์มากที่สุด?
คำตอบง่ายๆ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน
• รัสเซียจะสามารถกดดันโต๊ะเจรจาให้เข้าทางตัวเอง
• ใช้ช่องว่างของตะวันตกในการเร่งเจรจาเพื่อผลประโยชน์ตน
• อ้างความชอบธรรมในการ “ได้บางพื้นที่คืน” จากการเจรจา มากกว่าการรบ
พูดง่ายๆ คือ รัสเซียอาจไม่ได้ “ชนะสงครามในสนามรบ” แต่ชนะบน “โต๊ะประชุม”
⸻
6. แล้วประเทศไทยเกี่ยวอะไรด้วย?
แม้เราจะอยู่อีกซีกโลก แต่อย่าลืมนะครับว่า:
• ความผันผวนของราคาน้ำมันและสินค้าโลก ขึ้นอยู่กับสงครามนี้
• เงินเฟ้อทั่วโลก รวมถึงไทย ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของภูมิภาคยูเรเชีย
• การกลับมาของทรัมป์ อาจกระทบความสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐฯ
ถ้ายูเครน-รัสเซียสามารถเจรจากันได้ ก็เท่ากับ “เบรกวิกฤตเศรษฐกิจระลอกใหม่” ที่หลายประเทศกลัวกันอยู่
⸻
บทสรุปแอดมิน
เมื่อทรัมป์กลับมานั่งที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง นโยบายโลกก็เปลี่ยน และในสมรภูมิยูเครน บทบาทของสหรัฐฯ ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แอดมินเชื่อว่า เซเลนสกีรู้เรื่องนี้ดี
และการเดินเกม “สาบานว่าจะทำทุกทางเพื่อเจรจากับปูติน” ก็คือการ วางกลยุทธ์รับมืออนาคต ที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
โลกกำลังเปลี่ยน และผู้นำแต่ละคนก็กำลังวางเดิมพันที่เสี่ยงที่สุดในชีวิต
อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า… เราอาจได้เห็นบทใหม่ของสงคราม หรือ… บทสุดท้ายของมัน
⸻
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
