14 พ.ค. เวลา 05:44 • ประวัติศาสตร์

เหตุใดราชวงศ์แรกของแผ่นดินจีนจึงล่มสลายในเวลาอันสั้น?

“ราชวงศ์ฉิน (Qin dynasty)” เป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์จักรวรรดิจีน กำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และตราตรึงในประวัติศาสตร์มายาวนานจนถึงปัจจุบัน
แต่ความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฉินก็ต้องสิ้นสุดลงในที่สุด แล้วเหตุแห่งการล่มสลายนั้นคืออะไร?
ผมจะเล่าให้ฟังครับ
เมื่อ 210 ปีก่อนคริสตกาล “จิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Shi Huang)” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฉิน และจักรพรรดิองค์แรกแห่งจักรวรรดิจีน ได้สวรรคต
จิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Shi Huang)
ก่อนจะสวรรคต จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ทรงแต่งตั้งรัชทายาท โดยทรงตั้งมั่นว่าจะให้ “เจ้าชายฟูซู (Fusu)” พระราชโอรสองค์โต ให้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์
เจ้าชายฟูซูนั้นทรงเป็นนายทหารที่มีระเบียบวินัย ทรงประจำการอยู่ที่ “กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China)” และเชื่อว่าเจ้าชายฟูซูจะเป็นผู้ปกครองที่ดี สานต่องานของพระราชบิดา
ม้าเร็วได้เตรียมการจะขึ้นเหนือพร้อมด้วยฎีกาของจิ๋นซีฮ่องเต้ หากแต่ขุนนางคนหนึ่งนามว่า “เจ้าเกา (Zhao Gao)” ได้มีแผนการที่เจ้าเล่ห์บางอย่าง
เจ้าชายฟูซู (Fusu)
เจ้าเกาได้เปลี่ยนแปลงฎีกา ได้ทำการลบพระนามของเจ้าชายฟูซูออกจากฎีกา และเปลี่ยนเป็นเขียนพระนามของ “เจ้าชายหูไห่ (Hu Hai)” พระราชโอรสองค์ที่ 18 ของจิ๋นซีฮ่องเต้
เจ้าชายหูไห่นั้นเป็นขั้วตรงข้ามของเจ้าชายฟูซูโดนสิ้นเชิง พระองค์นั้นไม่มีระเบียบวินัยและไม่เอาการเอางาน หลงใหลในความสุขสบาย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ทำให้เจ้าเกายิ้มกริ่ม เหมาะที่จะใช้เป็นหุ่นเชิดได้อย่างดี
เจ้าเกานั้นเอาอกเอาใจเจ้าชายหูไห่ ทูลคำหวานต่างๆ และควบคุมเจ้าชายหูไห่ทีละนิดๆ และยังรับรองว่าบัลลังก์ต้องเป็นของเจ้าชายหูไห่แน่นอน
เจ้าชายหูไห่ก็ทรงเชื่อ และทำตามคำที่เจ้าเกาทูลทุกอย่าง
เจ้าเกา (Zhao Gao)
ในไม่ช้า เจ้าชายหูไห่ก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็น “จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อ (Qin Er Shi)“
และนี่คือก้าวแรกแห่งความล่มสลายของราชวงศ์ฉิน
เมื่อจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ทรงได้รับพระราชมรดกเป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่เป็นปึกแผ่น และกองทัพที่มีกำลังพลกว่าครึ่งล้าน
จิ๋นซีฮ่องเต้นั้น ถึงแม้จะทรงเหี้ยมโหด แต่ก็ทรงตระหนักดีว่าการใช้อำนาจนั้นต้องระมัดระวัง หากแต่จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อนั้นทรงถูกตามใจมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และไม่เคยได้รับการฝึกให้ปกครองมาก่อน เนื่องจากพระราชบิดาก็ไม่เคยคิดจะให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่สนพระทัยที่จะเข้มงวดกับพระราชโอรสองค์นี้มากนัก
จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อ (Qin Er Shi)
จิ๋นซีฮ่องเต้ไม่ทรงคาดคิดเลยว่าพระราชโอรสองค์นี้นี่แหละ จะเป็นผู้ตอกฝาโลงอาณาจักรที่พระองค์ทรงรักและทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายเพื่อสร้างและรักษา
ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อวัย 21 พรรษา ก็ได้เริ่มรัชสมัยแห่งความโหดร้าย โดยสิ่งแรกที่พระองค์ทรงทำ คือการกำจัดเสี้ยนหนามแรกอย่าง “เจ้าชายฟูซู” พระเชษฐาของพระองค์
6
เจ้าเกาได้เสนอแผนการแก่จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อ ให้ออกฎีกา กล่าวหาว่าเจ้าชายฟูซูมีความผิดฐานคิดกบฏ คิดจะโค่นบัลลังก์ ซึ่งเมื่อเจ้าชายฟูซูทรงทราบเรื่อง พระองค์ก็ทรงตรอมพระทัย และกระทำการปลงพระชนม์พระองค์เอง
2
เมื่อข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟูซูได้มาถึงพระกรรณของจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อ พระองค์ก็ทรงพระสรวลอย่างสำราญพระทัย
ในเมื่อตอนนี้ผู้ที่ควรได้ขึ้นครองราชย์อย่างถูกต้องอย่างเจ้าชายฟูซูถูกกำจัดไปแล้ว ก็ไม่มีเสี้ยนหนามที่จะมาเกะกะ ขวางทางจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อได้อีกแล้ว
รัชสมัยแห่งความโหดร้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในขณะที่กำลังเตรียมการพระราชพิธีพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อก็ทรงตระหนักว่ามีสตรีเป็นจำนวนมากที่เป็นพระสนมของจิ๋นซีฮ่องเต้ และจำนวนนับร้อยนั้นไม่มีพระราชบุตร ซึ่งสตรีเหล่านี้ ส่วนมากก็คือหญิงสาวจากดินแดนที่ถูกรุกรานโดยอาณาจักรของพระองค์
ในเมื่อตอนนี้จิ๋นซีฮ่องเต้สวรรคตไปแล้ว จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อก็ไม่เห็นเหตุผลว่าจะเก็บหญิงเหล่านี้ให้รกหูรกตาไปทำไม พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้ฝังสตรีเหล่านี้ไปพร้อมกับพระบรมศพของพระราชบิดา
1
เป็นเวลานานถึงสามวัน เสียงร้องคร่ำครวญโหยหวนของเหล่าหญิงที่น่าสงสารดังก้อง ระงมไปทั่วพระราชวัง
แต่เท่านี้ยังไม่สาแก่พระทัยของจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อ พระองค์ทรงวิตกจริต และพร้อมจะกำจัดทุกคนที่พระองค์เห็นว่าจะเป็นภัย
ด้วยคำแนะนำของเจ้าเกา จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อทรงมีรับสั่งให้ประหารพระเชษฐาและพระอนุชาของพระองค์จำนวน 12 องค์ ให้ตัดพระเศียรทีละองค์ พระเชษฐภคินีและพระขนิษฐาอีก 10 องค์ก็ถูกประหารเช่นกัน
ส่วนเหล่าขุนนางและข้าราชสำนักนั้นโดนหนักกว่า หลายคนถูกทรมานและประหาร แค่เพียงเพราะทูลความจริงให้จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อทราบ
แต่หลังจากจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อทรงมีรับสั่งให้ประหารขุนนางจำนวนมาก ก็ไม่มีใครกล้าทูลความจริงแก่พระองค์ ข่าวร้ายต่างๆ ต้องเก็บให้มิด ไม่อย่างนั้นอาจจะหัวหลุดจากบ่าได้
นั่นทำให้มีแต่คำหวานและเฟคนิวส์ที่มีแต่ข่าวดีๆ เต็มราชสำนัก ทำให้จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อเข้าใจไปเองว่าสถานการณ์บ้านเมืองนั้นสงบ เรียบร้อยดี
หลังจากนั้น จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อก็ทรงจัดพระราชพิธีพระบรมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้อย่างยิ่งใหญ่ มีการสร้างสุสานหลวงอย่างยิ่งใหญ่อลังการ และเมื่อสุสานสร้างเสร็จสมบูรณ์ เหล่าคนงานเก็บของ เตรียมกลับบ้าน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ประตูสุสานถูกปิด เนื่องจากจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อทรงมีรับสั่งให้ขังเหล่าคนงานไว้ข้างใน ปล่อยให้ตายไปเอง เพื่อที่ความลับของสุสานจะได้ไม่ถูกแพร่งพรายออกไป
และนอกจากสุสานหลวง จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อยังมีรับสั่งให้สร้างสิ่งก่อสร้างอีกมากมาย ทั้งพระราชวังแห่งใหม่ ถนน คลอง และขยายกำแพงเมืองจีนออกไปอีก เกณฑ์แรงงานจำนวนมากโดยไม่สนใจถึงความทุกข์เข็ญของราษฎรเลย
1
จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อทรงหลงระเริงในอำนาจ และคิดว่าจะไม่มีใครกล้าต่อต้าน หากแต่พระองค์ทรงคิดผิด
จุดจบกำลังใกล้เข้ามาเต็มที
เมื่อ 209 ปีก่อนคริสตกาล ชายสองคนนามว่า “เฉินเซิง (Cheng Sheng)” และ ”อู๋กวง (Wu Guang)” ได้เริ่มการต่อต้านราชสำนัก
เฉินเซิงและอู๋กวงเป็นนักโทษที่ถูกเกณฑ์ไปสร้างกำแพงเมืองจีน และการเดินทางไปยังกำแพงเมืองจีนก็ล่าช้าเนื่องจากฝนตกหนักหลายวัน
ตามกฎหมายของฉิน ความล่าช้านั้นมีโทษถึงประหาร และทั้งสองก็ทราบดี
ดังนั้นเมื่อไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เฉินเซิงและอู๋กวงจึงตัดสินใจสังหารทหารผู้คุม
จากนั้น เฉินเซิงก็ทำการปลุกระดมนักโทษคนอื่นๆ โดยกล่าวว่า
“พี่น้องทุกคน ฝนตกทำให้พวกเราล่าช้า และทำให้พวกเราต้องโทษประหาร และต่อให้เรารอด แต่ชีวิตที่ต้องถูกเกณฑ์ไปก็จะทำให้เราต้องตายอยู่ดี ถ้าหากว่าเราจะต้องตาย ก็ตายเพื่อสิ่งที่มีความหมายเถอะ กษัตริย์และเหล่าขุนนางนี้เกิดมาอย่างยิ่งใหญ่จริงหรือ? ไม่ ไม่ใช่เลย“
คำพูดของเฉินเซิงได้ปลุกใจให้เหล่านักโทษอีก 900 คนฮึกเหิม ต่างตะโกนก้องกลับมา
“พวกเราจะเชื่อฟังคำสั่งท่าน จะติดตามท่านจนตัวตาย”
การกบฏได้เริ่มขึ้นแล้ว
และเมื่อข่าวการก่อกบฏนี้แพร่ออกไป แคว้นอื่นๆ จำนวนหกแคว้นที่เคยถูกราชสำนักฉินยึดครอง ก็เห็นโอกาส เนื่องจากต่างก็เกลียดชังราชวงศ์ฉินอยู่แล้ว ก็ลุกฮือขึ้นตาม
ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี ราชวงศ์ฉินที่เคยยิ่งใหญ่ก็ร่อแร่ เจียนอยู่เจียนไปเต็มที
แต่แม้แต่ในเวลาวิกฤต จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อก็ยังคงหลงใหลในความหรูหราและสุขสบาย ทิ้งให้เจ้าเการับผิดชอบงานบริหารทั้งหมดไป และในราชสำนักก็เต็มไปด้วยข่าวดีที่เหล่าขุนนางเพ็ดทูล
เมื่อถึง 207 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพของแคว้นที่ก่อกบฏก็ได้เคลื่อนทัพเข้ามาใกล้เมืองหลวง และทำให้จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อตาสว่างซะที
เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่ิอตระหนักว่าทั้งอาณาจักรและอำนาจของพระองค์กำลังจะล่มสลาย พระองค์ทรงร้อนพระทัย และหันไปหาเจ้าเกา หวังว่าเจ้าเกาจะถวายความช่วยเหลือพระองค์ได้
แต่เจ้าเกาตระหนักดีว่าสถานการณ์นั้นแย่เกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้แล้ว อีกทั้งจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อก็ไม่ใช่จักรพรรดิที่ดี ทั้งโลเลและไม่เอาไหน
ดังนั้น เจ้าเกาจึงก่อรัฐประหาร โดยกองทัพส่วนตัวของเจ้าเกาได้ทำการปิดล้อมวังหลวง สังหารทหารวังหลวง และต้อนจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อจนจนมุม
จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่พระองค์ทรงไว้ใจมากที่สุดอย่างเจ้าเกา จะคิดร้ายต่อพระองค์
เวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าสังเวชที่สุด จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อไม่เหลือคราบจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมเลย พระองค์ทรงคุกพระชงฆ์ลงกับพื้น ทรงอ้อนวอนขอร้องเจ้าเกาและเหล่าทหาร
“หากท่านยอมไว้ชีวิตข้า ข้าขอเป็นแค่ขุนนางก็พอ ข้าจะสละบัลลังก์และเป็นเพียงขุนนางธรรมดา”
แต่คำตอบที่พระองค์ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเยาะเย้ยจากเจ้าเกาและเหล่าทหาร ทำให้จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อยิ่งดิ้นรนหนักกว่าเดิม โดยคราวนี้ ขอเป็นเพียงสามัญชนก็ได้ ไม่เป็นแล้วขุนนาง
แต่คำตอบยังคงเดิม “ไม่”
เมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่น จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อจึงควักกริชออกมา และทรงจ้วงแทงเข้าที่พระหทัยของพระองค์ ทรงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด น้ำพระเนตรและพระเสโทไหลนองทั่วพระพักตร์
จักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อสวรรคตด้วยพระชนมายุเพียงแค่ประมาณ 24 พรรษาเท่านั้น
หากว่าพระองค์ไม่ทรงคดโกงบัลลังก์ ยอมให้เจ้าชายฟูซูครองราชย์ตามพระราชประสงค์ของพระราชบิดา บางที ตอนนี้พระองค์อาจจะไม่ต้องพบจุดจบเช่นนี้ อาจจะมีชีวิตที่สุขสบายในฐานะองค์ชาย อ๋องผู้เป็นพระอนุชาขององค์จักรพรรดิ
หลังจากจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อสวรรคตได้ 46 วัน กองทัพกบฏก็บุกเข้ามาในเมืองหลวงได้ และราชวงศ์ฉินที่อยู่มานาน 15 ปี ก็ล่มสลายลงหลังจากจักรพรรดิฉินเอ๋อซื่อครองราชย์เพียงสามปีเท่านั้น
บางที เรื่องราวนี้อาจจะเป็นบทเรียนและสอนอะไรได้หลายอย่าง โดยเฉพาะกับผู้ปกครองและผู้บริหาร
โฆษณา