14 พ.ค. เวลา 09:41 • หนังสือ

บริการสุดท้ายแด่ผู้ตายฯ

⚰️ หนังสือที่พูดถึงเรื่องที่คนส่วนใหญ่พยายามเลี่ยงที่จะนึกถึง แม้จะเป็นเรื่องราวธรรมชาติที่สุด จริงแท้แน่นอนยิ่งกว่าสิ่งใด นั่นคือความตาย
...คุณหมดลมหายใจเพียงลำพังในที่แห่งนี้และอยู่ในสภาพแบบนั้นเรื่อยมานานแสนนาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะลบร่องรอยที่เหลืออยู่ออกไปให้หมดเกลี้ยง...
จากท่อนหนึ่งของบทนำในหนังสือที่มีชื่อว่า
#บริการสุดท้ายแด่ผู้ตายเก็บกวาดความแหลกสลายของชีวิต
สนพ.BIBLI พิมพ์ ต.ค.ปี 2565
คิมวัน เขียน
มินตรา อินทรารัตน์ แปล
256 หน้า 295 บาท
เมื่อปีก่อนอ่านแนวนี้ของญี่ปุ่นชื่อ #เดดมอร์นิงบริษัทรับทำความสะอาดเฉพาะด้าน ของสนพ.บุนโช ซึ่งชอบมาก ปีนี้อ่านของเกาหลีบ้าง ชอบเช่นกันแต่ไม่มากเท่าของญี่ปุ่นครับ
เนื้อหาเล่มนี้กล่าวถึงชายคนหนึ่งซึ่งคือคิมวันที่เป็นผู้เขียนนี่แหละ เขาเขียนเล่าประสบการณ์ตัวเอง ที่เปิดบริษัทที่รับจ้างบริการทำความสะอาดสถานที่ที่มีคนตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะตายด้วยสาเหตุใด ตายมานานแค่ไหนก็รับ แม้แต่เก็บกวาดซากศพสัตว์อย่างแมวก็ยังรับจ้างเช่นกัน ดังนั้นเนื้อหาตลอดเล่ม
จึงเป็นการบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อการทำงาน ความเคารพต่อสถานที่ คนตายและอดีตที่เคยแสดงถึงความมีอยู่ของใครคนนั้น หรือสัตว์ตัวนั้น และความรู้สึกที่ไหลเวียนอยู่ภายในของเขา กับมุมมองที่เกิดจากการตกตะกอนของทัศนคติ ข้อคิดต่าง ๆ ที่ผุดพรายขึ้นมาระหว่างการทำงาน "เก็บกวาดซากชีวิต" สิ่งเหล่านั้นที่อาจแขวนลอยไปมาในห้วงเวลาอันไร้ขีดจำกัดมานานโดยไม่ค่อยมีคนใส่ใจสังเกต แล้วเขาได้อะไรเป็นขุมทรัพย์ หลังกลับจากการทำงานที่น้อยคนจะเลือกทำนี้บ้างในแต่ละวัน นั่นคือที่มาของหนังสือเล่มนี้ที่เขาอยากจะสื่อสารออกมา
ทำไมจึงน่าอ่าน?
หนังสือขนาดเหมาะมือถือไปไหนค่อนข้างง่าย น้ำหนักไม่มาก อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ จำนวนบทมีแค่สองบทหากไม่รวมบทนำและบทส่งท้าย ซึ่งแบ่งชัดคือบทแรกจะกล่าวถึงการทำงานในแต่ละเคสที่มีคนติดต่อเข้ามาให้ไปดำเนินการ คือเก็บ(ขยะและซากทุกอย่างออกไป)+กวาด(ทิ้งทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องของผู้ตาย)+ล้าง(ทำความสะอาดจนเหมือนไม่เคยมีการใช้ชีวิตอยู่) ซึ่งก็มีความหลากหลาย ทั้งคนมีอายุเยอะ คนหนุ่มสาว สิ่งที่น่าคิดคือผู้เขียนบอกว่าในทุกที่ที่ไปนั้น มีจุดร่วมคล้ายกันหมดคือคนที่ตายอย่างโดดเดี่ยวมักข้องเกี่ยวกับความยากจน
โดยในบทแรกนั้นจะแบ่งเป็นเรื่องย่อยที่เล่าถึงแต่ละกรณีในจำนวนหน้าที่ไม่ยาวมาก ผมนับได้จำนวน 13 ตอน ส่วนบทที่สองจะเป็นเนื้อหาที่เล่าในประเด็นของความรู้สึกนึกคิดที่มากขึ้นของผลที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างจากการทำงานนี้ และความสัมพันธ์ของผู้เขียนกับผู้ที่เคยผ่านเข้ามาในเหตุการณ์ช่วงต่าง ๆ ที่บางครั้งอยู่นอกเวลางานที่รับทำในช่วงกลางวัน ซึ่งบทนี้แบ่งเป็นตอนย่อยสั้น ๆ 11 ตอน
🪣
การเล่าเรื่องเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 คือผู้เขียนใช้สรรพนามผมในการเล่าให้ผู้อ่านฟังโดยตรง เราจึงได้รับรู้ความนึกคิดของผู้เขียนที่เป็นตัวละครเอกที่เล่าเอง เล่นเองตลอดทั้งเล่ม โดยมีเรื่องราวของเหล่าลูกค้าขาจรเข้ามาเป็นตัวละครสนับสนุน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผู้เขียนหยิบยกเอาเหตุการณ์ที่ตนประสบในการทำงานมาเขียน จึงให้อารมณ์หนักแน่น เข้าถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นของชีวิตคนแต่ละคนในเรื่อง จนคนอ่านสัมผัสได้เหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ
ส่วนหนึ่งมาจากการบรรยายที่ค่อนข้างชัดเจน เห็นภาพรายละเอียดการทำงานแต่ละขั้นตอน รวมถึงการกล่าวถึงสภาพภายในสถานที่ที่ไปเก็บกวาดและซากอสุภอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งสร้างความรู้สึกสมจริงมากขึ้น ภาษาค่อนข้างเป็นสำนวนกวีมีความใช้การเปรียบเปรยอยู่บ่อยครั้ง ทำให้รู้ได้ว่าผู้เขียนไม่ใช่แค่นักเขียนสมัครเล่นที่ทำอาชีพหลักเป็นงานที่เล่าในหนังสือ แต่น่าจะเคยผ่านงานเขียนมาแล้วไม่น้อย และจากการอ่านประวัติท้ายเล่มก็จริงดังคาด
🪣
แม้นจะให้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิตที่มีประโยชน์กับคนเป็นอยู่มาก แต่ในความเห็นของผม รู้สึกว่าอ่านแล้วยังไม่จุใจมากพอ ด้วยลักษณะการเล่าและรูปแบบแนวทางที่ผู้เขียนวางไว้ อาจตั้งใจที่จะไม่ลงลึกในเรื่องราวชีวิตของคนที่ถูกกล่าวถึงมากนัก และเน้นไปที่ความหลากหลายของเคสต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อกรณีของผู้ตายไม่ได้กระแทกเข้ามาข้างในใจเรามากพอถึงขนาดสร้างความสั่นสะเทือนให้เกิดขึ้นจนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับความจริงที่ได้อ่านเท่าที่ควร
เป็นหนังสือที่ดี มีคุณค่ามากพอให้สละเวลาอ่านไหม ตอบได้ทันทีว่าควรอ่าน แต่พลังความชักจูงอาจยังไม่แรงมากนัก ทว่าอย่างน้อยการที่มีหนังสือลักษณะนี้ คลอดออกมาสู่สายตานักอ่านได้ แล้วยังขายได้พอสมควรก็ถือว่าไม่ธรรมดาและน่าสนับสนุนครับ
🔷️ที่สำคัญ มีอยู่ตอนหนึ่งที่เป็นเคสซึ่งกล่าวถึงห้องของผู้ตายที่เป็นนักอ่านด้วย แหม..อันนี้น่าจะโดนทุกคนในกลุ่มนี้ จึงเห็นว่าน่าจะศึกษาเป็นข้อมูลเอาไว้หน่อยก็ไม่เสียหายครับ
สุดท้ายใครอ่านแล้วชอบ ขอแนะนำต่อว่าถ้ายังไม่เคยอ่านอีกเล่มแนวเดียวกันของญี่ปุ่น อยากให้หามาอ่านด้วยเป็นแพ็กคู่ไปเลย ชื่อเรื่องผมแจ้งไปแล้วในช่วงต้นลองย้อนขึ้นไปทบทวนดูนะครับ
โฆษณา