Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กรุงเทพธุรกิจ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
15 พ.ค. เวลา 00:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
'สามประสาน' สกัด 'เงินฝืด' รัฐ-แบงก์ชาติต่อท่อแบงก์พาณิชย์
ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดที่เริ่มก่อตัวในประเทศ คำถามสำคัญที่ดังกระหึ่มในแวดวงเศรษฐกิจคือ ใครกันแน่คือ “หัวเรือใหญ่” ในการกู้วิกฤติสภาพคล่องและหยุดภาวะเงินฝืด? รัฐบาลผู้ถือ “กระเป๋าเงิน” ของประเทศ? ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้คุมนโยบายการเงิน? หรือธนาคารพาณิชย์ ผู้มีบทบาทในการปล่อยสินเชื่อหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ?ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสามภาคส่วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหานี้ แต่บทบาทและเครื่องมือที่แต่ละฝ่ายมีนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในยามที่เศรษฐกิจซบเซาและเงินฝืดคุกคาม รัฐบาลมักถูกคาดหวังให้เป็น “ไม้แรก” ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน“นโยบายการคลัง”ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ การลดหย่อนภาษีเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนและธุรกิจ หรือการให้เงินช่วยเหลือโดยตรงแก่กลุ่มเปราะบาง มาตรการเหล่านี้เปรียบเสมือนการ “เติมเงิน” เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรง สร้างความต้องการและกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงิน
อย่างไรก็ตาม นโยบายการคลังก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระหนี้สาธารณะที่อาจเพิ่มสูงขึ้น และความล่าช้าในการดำเนินงานของโครงการต่างๆ
ขณะที่รัฐบาลมีเครื่องมือเป็นนโยบายการคลัง ธปท. ก็มีนโยบายการเงินเป็น “เครื่องมือ” ในการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การปรับ “อัตราดอกเบี้ยนโยบาย” คืออาวุธหลัก หากเศรษฐกิจชะลอตัวและเกิดภาวะเงินฝืด การลดดอกเบี้ยจะลดต้นทุนการกู้ยืม กระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการบริโภค นอกจากนี้ ธปท. ยังสามารถบริหารสภาพคล่องในระบบผ่านการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล
และกำหนดอัตราส่วนการดำรงเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์เพื่อเพิ่มหรือลดปริมาณเงินที่ธนาคารสามารถนำไปปล่อยสินเชื่อได้ แม้ว่านโยบายการเงินจะมีประสิทธิภาพในการปรับสมดุลเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ผลกระทบอาจต้องใช้เวลา และอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้โดยตรง
ส่วน “ธนาคารพาณิชย์” เปรียบเสมือน “ท่อส่ง” ที่นำสภาพคล่องจากระบบการเงินไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือน ผ่านการปล่อยสินเชื่ออย่างไรก็ตาม การตัดสินใจปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจ หากสภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน หรือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง ธนาคารพาณิชย์ก็อาจระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
แม้ว่าในระบบจะมีสภาพคล่องเพียงพอดังนั้น การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและภาวะเงินฝืด จึงไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานของทั้งรัฐบาล ธปท.และธนาคารพาณิชย์
การผนึกกำลังและประสานนโยบายระหว่างรัฐบาล ธปท. และธนาคารพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและการสร้างความเชื่อมั่น จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหา เงินฝืด และนำพาเศรษฐกิจไทยกลับสู่เส้นทางการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้ในที่สุด หากไม่ร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขปล่อยให้ “วิกฤติ” นี้กัดกร่อนเศรษฐกิจต่อไป ย่อมนำมาซึ่งผลกระทบประเทศชาติและประชาชนยากที่จะเยียวยา
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightforOpportunities
บันทึก
7
1
1
7
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย