15 พ.ค. เวลา 00:03 • ข่าวรอบโลก

“เจรจาสันติภาพ…แต่ปูตินไม่มา

🕊️ “เจรจาสันติภาพ…แต่ปูตินไม่มา”
เบื้องหลังการหายตัวจากโต๊ะเจรจาที่ตุรกีของผู้นำรัสเซีย
❝ถ้าไม่มีปูติน แล้วการเจรจาจะเดินหน้าได้ไหม?❞
นี่คือคำถามที่หลายคนในโลกการทูตกำลังตั้งอยู่ในขณะนี้…
📍 ต้นเรื่องเกิดที่ตุรกี: เวทีสันติภาพที่ไร้ผู้นำ?
เช้าวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานตรงกันว่า
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จะไม่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพยูเครนที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี
แม้ว่าการประชุมนี้จะถูกเตรียมไว้เพื่อเปิด “เวทีเจรจาโดยตรง” ระหว่างผู้นำรัสเซียกับยูเครนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
สิ่งที่ช็อกยิ่งกว่าคือ…
ก่อนหน้านี้ทางเครมลินส่งสัญญาณ “พร้อมเปิดรับทุกช่องทางสันติภาพ”
แถมตุรกียังเปิดพื้นที่และส่งเทียบเชิญให้ทั้งปูตินและเซเลนสกีเข้าร่วมในฐานะตัวแทนระดับสูง
แต่เมื่อรายชื่อผู้เข้าร่วมจากเครมลินหลุดออกมา…
ชื่อของปูตินกลับ “หายไป” เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศและทีมความมั่นคงชุดรองลงมาเท่านั้น
💬 ฝ่ายยูเครนเตรียมตัวเต็มที่ — แต่ไร้คู่เจรจาตัวจริง
ฝั่งยูเครน โดยประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยืนยันการเข้าร่วมและแสดงเจตจำนงว่าจะ “ทำทุกอย่างเพื่อให้การเจรจาเกิดขึ้น”
เขายังเสนอแนวทางหยุดยิง 30 วัน เพื่อเปิดทางมนุษยธรรมและการเจรจาอย่างสร้างสรรค์
แต่การไม่ปรากฏตัวของปูติน ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะเจรจาเปลี่ยนไปทันที
จาก “เจรจาผู้นำ” กลายเป็นเพียง “การพบกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูง” ที่หลายฝ่ายมองว่า
อาจไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆ ได้จริง
❗️ ทรัมป์ก็ถอนตัว เพราะปูตินไม่มา
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ถูกจับตามองคืออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
ที่แสดงความสนใจจะเข้าร่วมในฐานะ “ผู้ไกล่เกลี่ย” หากมีผู้นำทั้งสองประเทศมานั่งโต๊ะเดียวกัน
แต่เมื่อชัดเจนว่า “ปูตินไม่มา”
ทรัมป์ก็ถอนตัวจากการเข้าร่วมโดยทันที
พร้อมให้เหตุผลว่า “หากไม่มีผู้นำรัสเซีย การเจรจายังไม่ใช่การแก้ปัญหาจริง”
แอดว่า… นี่ก็เป็นการเมืองแบบทรัมป์ชัดๆ คือถ้าภาพไม่ใหญ่พอ เขาไม่เล่น
🎯 คำถามที่ตามมา: ทำไมปูตินถึงไม่มา?
ตอนนี้ทั้งนักวิเคราะห์ นักข่าว และรัฐบาลทั่วโลก กำลังตีความ “การหายตัว” ของปูตินว่าแปลว่าอะไร?
1. ปูตินยังไม่พร้อมเปิดหน้า
แม้จะส่งเจ้าหน้าที่มา แต่การไม่มาด้วยตัวเอง แปลว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เครมลินจะยอมเปิดไพ่ใหญ่
หรืออาจกำลังใช้การเจรจาครั้งนี้เป็น “สนามทดสอบ” ว่ายูเครนและชาติตะวันตกจะมีท่าทีอย่างไรบ้าง
2. การภายในรัสเซียยังไม่นิ่ง
บางแหล่งข่าววิเคราะห์ว่า ปูตินอาจกำลังเผชิญกับแรงกดดันภายใน เช่น ฝ่ายทหาร-สายเหยี่ยวที่ไม่พอใจหากต้อง “อ่อนข้อ”
การไปเจรจาด้วยตัวเองอาจถูกตีความว่าอ่อนแอในสายตาการเมืองภายใน
3. ยังต้องการ “ไพ่ต่อรอง” เพิ่ม
ปูตินอาจรอให้สถานการณ์ในสนามรบเอนเอียงมากกว่านี้ เช่น หากรัสเซียยึดเมืองยุทธศาสตร์ในภาคตะวันออกของยูเครนได้สำเร็จ
เขาอาจใช้ “ชัยชนะ” เป็นเครื่องต่อรองที่มีน้ำหนักกว่านี้
🧠 แอดมินวิเคราะห์: นี่คือการ “วางหมาก” มากกว่า “ล้มหมาก”
อย่าเพิ่งคิดว่าการเจรจานี้ล่ม
เพราะจริงๆ แล้วนี่คือเกมการเจรจาระดับโลกที่ซับซ้อน
การส่งเจ้าหน้าที่แทนตัวเอง อาจเป็นวิธีที่ผู้นำใช้ “ทดสอบอุณหภูมิ” ของอีกฝ่ายก่อนจะเปิดเกมเต็มตัว
และการปล่อยให้สื่อรายงานว่า “ปูตินไม่มา” ก็อาจเป็นแค่ กลยุทธ์สร้างแรงกดดันทางจิตวิทยา
ให้ยูเครนและชาติตะวันตกต้อง “แสดงไพ่” ออกมาก่อน
🌍 ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว
• ความหวังของชาวยูเครนในการหยุดยิง “ชั่วคราว” ถูกลดทอน
• ตลาดน้ำมันและก๊าซมีการเคลื่อนไหว หลังรัสเซียอาจใช้พลังงานเป็น “เครื่องมือ” หากการเจรจาล้มเหลว
• NATO และสหรัฐฯ เตรียมพิจารณา “แผนกดดันรัสเซียรอบใหม่” หากรัสเซียยังไม่แสดงท่าทีร่วมมือ
• ตุรกีในฐานะเจ้าภาพ ได้ “คะแนนทางการทูต” ว่าพยายามผลักดันกระบวนการสันติภาพ แต่ก็อาจเสียศรัทธาหากการประชุมครั้งนี้ไม่ไปไหน
📌 สรุปส่งท้ายโดยแอด
บางครั้ง… การไม่มา อาจเป็นการ “พูดอะไรบางอย่าง” ได้ดังกว่าการมาเอง
การที่ปูตินไม่ปรากฏตัว อาจสะท้อนว่า “เกมยังไม่จบ” และยังไม่มีฝ่ายใดพร้อมยอมถอยจริงๆ
ในเวทีระหว่างประเทศ “การเจรจา” มักเริ่มจากคนระดับล่างก่อน
ก่อนจะไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงระดับผู้นำ
และครั้งนี้… เราอาจเพิ่งเห็นแค่ “การวางตัวหมากเบื้องต้น” เท่านั้น
สงครามอาจยังไม่จบ… แต่ก็อาจเริ่มเห็น “เงาแห่งสันติภาพ” ที่เลือนรางอยู่ลิบๆ
🧭 ฝากไว้คิด:
ในสงครามที่ยืดเยื้อ คนที่เจ็บที่สุดคือประชาชน แต่บนโต๊ะเจรจา คนที่เดินหมากกลับคือผู้นำ
คำถามคือ… พวกเขาเดินหมากเพื่อใคร?
!
โฆษณา