หนุ่มคนนี้คือ Bill Gates ที่มีวิสัยทัศน์สุดล้ำและกล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง Gates กับเพื่อนซี้ Paul Allen ก่อตั้ง Microsoft ในปี 1975 ที่เมืองอัลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก พวกเขาโฟกัสพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ Altair 8800
แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนในปี 1977 เมื่อ Steve Wozniak กับ Apple เปิดตัว Apple 2 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกที่ขายแบบสำเร็จรูป พร้อมใช้งานได้เลย
ภายในแค่สามปี ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพุ่งทะยานไปถึงมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์! ปรากฏการณ์นี้ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ตาลุกวาว
IBM เป็นลูกพี่ในวงการคอมพิวเตอร์ตอนนั้น พวกเขาชายตามองตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอยู่ และพร้อมจะถล่มตลาดนี้
IBM รู้ดีว่าพวกเขาเข้าตลาดช้ากว่าเพื่อน ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง แทนที่จะทำทุกอย่างเองตั้งแต่ศูนย์ พวกเขาเลือกที่จะซื้อชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมาประกอบกัน
วิธีนี้ช่วยให้ IBM สร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้ไวสุดๆ และสามารถเข้าไปแข่งในตลาดได้ทันที ไม่ต้องรอนานให้คู่แข่งวิ่งหนีไปไกล
โชคเข้าข้าง Gates มากๆ เมื่อแม่ของเขา Mary Maxwell Gates เป็นกรรมการที่ United Way International องค์กรที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับผู้บริหาร IBM
แม่ของเขาช่วยเซ็ตประชุมระหว่าง IBM กับลูกชาย เพื่อคุยเรื่องระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของ IBM ซึ่งนี่คือโอกาสทองชัดๆ
1
ปัญหาคือตอนนั้น Microsoft ยังไม่มีระบบปฏิบัติการของตัวเองเลย! เมื่อ IBM ถาม Gates ในครั้งแรก เขาเลยส่งพวกเขาไปหา Gary Kildall
หลังจากนั้น การเจรจาระหว่าง IBM กับ Kildall ก็มีปัญหา IBM เสนอค่าธรรมเนียม 250,000 ดอลลาร์สำหรับ CP/M พร้อมค่าลิขสิทธิ์ 50 ดอลลาร์ต่อเครื่อง
1
แต่ Kildall ปฏิเสธ เขาเชื่อว่าซอฟต์แวร์ของเขามีค่ามากกว่านั้น IBM เริ่มหงุดหงิดกับการเจรจาที่ยืดเยื้อ พวกเขาต้องการออกผลิตภัณฑ์ให้เร็วที่สุด
เมื่อ Kildall ปฏิเสธ IBM จึงกลับมาหา Gates อีกครั้ง ถามว่า Microsoft จะพัฒนาระบบปฏิบัติการให้ IBM PC ได้ไหม Gates กับ Allen ไม่รอช้า รีบรับโอกาสนี้ทันที
การประชุมระหว่าง Microsoft กับ IBM เคร่งเครียดมาก Gates วัย 25 นั่งอยู่ตรงข้ามผู้บริหารและวิศวกรจาก IBM ที่ดูโหดเหี้ยมน่าเกรงขาม
ในการเจรจา Gates ยอมรับเงื่อนไขที่ Kildall ปฏิเสธ เขาตกลงพัฒนาเวอร์ชันของ MS-DOS ที่ปรับแต่งพิเศษสำหรับ IBM PC และยอมรับค่าธรรมเนียมคงที่แทนค่าลิขสิทธิ์ต่อเครื่อง
แต่สิ่งที่ Gates ขอมีอย่างเดียว เขาต้องการให้ Microsoft สามารถอนุญาตให้บริษัทอื่นๆ ใช้ MS-DOS ได้ด้วย นี่คือความเจ๋งขั้นเทพของเขาเลยก็ว่าได้
นักกฎหมาย IBM มองหน้ากันยิ้มๆ พวกเขาคิดว่าไม่มีบริษัทไหนกล้าทำคอมพิวเตอร์แบบเดียวกับ IBM PC หรอก เลยตกลงตามนั้น โดยไม่รู้ว่าจะอีกไม่นานพวกเขาจะถูกไล่บี้ด้วยข้อตกลงดังกล่าวนี้
ข้อตกลงนี้เจ๋งมาก ๆ ในยุคนั้น เพราะทำให้ Microsoft ยังคงเป็นเจ้าของและควบคุมซอฟต์แวร์ ในขณะที่อนุญาตให้บริษัทอื่นใช้ได้อีกด้วย
IBM ยอมรับข้อกำหนดนี้ด้วยเหตุผลหลายอย่าง หนึ่ง พวกเขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าผูกขาดตลาด เพราะเคยมีประวัติด้านนี้มาอย่างยาวนาน
สอง IBM ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์ในยุคแรกๆ พวกเขาคิดว่าฮาร์ดแวร์คุณภาพสูงต่างหากที่สำคัญ ซอฟต์แวร์เป็นแค่เรื่องรอง ซึ่งมาพิสูจน์ทีหลังว่าเป็นการคิดผิดแบบสุดๆ
Microsoft จัดเต็มปรับแต่งโค้ดให้เหมาะกับ IBM แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น MS-DOS (Microsoft Disk Operating System) สำหรับเวอร์ชันทั่วไป และ IBM PC DOS สำหรับเวอร์ชันเฉพาะของ IBM
IBM เปิดตัว PC ในเดือนสิงหาคม 1981 และได้รับความนิยมแทบจะทันที ภายในเพียง 6 เดือน IBM ขายได้มากกว่า 250,000 เครื่อง เกินความคาดหมายถึง 800%
IBM PC ได้รับความนิยมมากในภาคธุรกิจที่ชอบระบบเปิดที่ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ได้ IBM เลือกใช้สถาปัตยกรรมแบบเปิด ซึ่งอนุญาตให้ใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากบริษัทอื่น
1
การตัดสินใจนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ด้านหนึ่ง มันช่วยให้ IBM PC ปังในช่วงแรก เพราะระบบแบบเปิดดึงดูดทั้งผู้บริโภคและธุรกิจมากกว่าระบบปิดของคู่แข่ง
แต่อีกด้าน มันก็เปิดทางให้บริษัทอื่นๆ ลอกเลียนแบบ IBM PC ได้ มีบริษัทนับสิบแห่งเริ่มทำคอมพิวเตอร์แบบเดียวกัน เช่น Compaq, Dell และ Hewlett Packard
นี่คือเหตุผลที่ข้อตกลงของ Gates กับ IBM สำคัญมาก มันเปลี่ยนอำนาจในอุตสาหกรรมจากฮาร์ดแวร์ไปสู่ซอฟต์แวร์ เป็นการพลิกเกมแบบสุดโหด
เพราะ Microsoft ขาย MS-DOS ให้คู่แข่ง IBM ได้ ส่วนแบ่งตลาดของ IBM จึงค่อยๆ ลดลง ขณะที่ Microsoft กลับดังกระฉูด
IBM ที่เคยใหญ่กว่า Microsoft 3,000 เท่า กลับขาดทุนพันล้านดอลลาร์ต่อปีในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และในปี 1993 Microsoft ก็แซงหน้า IBM ในแง่มูลค่าตลาด นี่คือการพลิกกลับที่สั่นคลอนวงการเทคโนโลยีในยุคนั้น
ทุกเรื่องราวนี้เกิดจากการตัดสินใจครั้งเดียวในปี 1980 ประวัติศาสตร์จดจำแต่ผู้ชนะ Gary Kildall คือผู้อยู่ฝั่งแพ้ในดีลใหญ่ที่สุดดีลหนึ่งในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
หลายคนคาดว่าถ้า Kildall ได้เจอ IBM และเซ็นสัญญา CP/M อาจกลายเป็นมาตรฐานแทน MS-DOS และประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์อาจเปลี่ยนไป Digital Research และ Kildall อาจเป็นผู้นำแทน Microsoft และ Gates
ชีวิตของ Kildall หลังพลาดโอกาสนี้ก็ดิ่งลงเหว เขาพยายามฟ้อง IBM และ Microsoft ฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แต่กฎหมายยุคนั้นยังไม่ชัดเจน
เขาไม่มีหลักฐานที่แข็งแรงมากพอ IBM ก็เป็นบริษัทอิทธิพลสูงมีทนายเต็มไปหมด แถมพ่อของ Gates ยังเป็นหุ้นส่วนบริษัทกฎหมายดังในซีแอตเทิลอีกต่างหาก
Kildall ต้องทนกับเรื่องเล่าที่ว่าเขากำลังบินเครื่องบินตอน IBM มาเยือน เรื่องนี้ตามหลอกหลอนเขาอีกหลายปี กลายเป็นสัญลักษณ์ของโอกาสทองที่พลาดไป
ความสำเร็จทั้งหมดของ Gates คงเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของเขา Mary Maxwell Gates Connection ของเธอกับ IBM ช่วยเปิดประตูสู่โอกาสทองครั้งนี้
ข้อตกลงระหว่าง Microsoft กับ IBM เป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี มันยกระดับ Microsoft จากบริษัทเล็กๆ ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่
ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจยักษ์ใหญ่มักมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่คนมองข้าม ข้อตกลงระหว่าง Microsoft และ IBM เป็นตัวอย่างชัดเจน และเป็นบทเรียนสำหรับนักธุรกิจยุคใหม่ที่กำลังหาโอกาสในตลาดที่พลิกผันอยู่ตลอดเวลา