16 พ.ค. เวลา 06:09 • ธุรกิจ

การตัดสินใจครั้งเดียวที่ล้ม IBM เมื่อยักษ์ใหญ่ประมาท กับดีลประวัติศาสตร์ที่ทำให้ Microsoft ครองโลก

ชีวิตคนเราประกอบด้วยจุดเปลี่ยนไม่กี่จุด บางทีแค่การตัดสินใจเดียวก็เปลี่ยนแปลงชีวิตไปในอีกทิศทางแล้ว ในโลกธุรกิจก็ไม่ต่างกัน ดีลสำคัญบางครั้งอาจพลิกโฉมทั้งอุตสาหกรรมได้เลย
ข้อตกลงระหว่าง Microsoft กับ IBM ในปี 1980 เป็นดีลที่ขีดชะตาชีวิตวงการเทคโนโลยีไปเลย มันเปลี่ยนทุกอย่างจนเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องจดจำกันมาถึงทุกวันนี้
ลองย้อนไปช่วงท้ายยุค 1970 กัน ตอนนั้นอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ใครมีไอเดียอะไรเด็ด ๆ ก็นำมาลงสังเวียนชนกันได้เลย
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยุคแรกเพิ่งจะถือกำเนิด มีสามรุ่นเด่นที่ออกมาในปี 1977: TR80, Apple 2 และ Commodore PET ที่ราคาไม่แพงมากนัก
ในขณะที่หลายบริษัทพุ่งทะยาน บางรายก็ดิ่งลงเหวเพราะความหยิ่งผยอง ท่ามกลางความสถานการณ์นี้ มีหนุ่มคนหนึ่งที่มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
หนุ่มคนนี้คือ Bill Gates ที่มีวิสัยทัศน์สุดล้ำและกล้าทำในสิ่งที่แตกต่าง Gates กับเพื่อนซี้ Paul Allen ก่อตั้ง Microsoft ในปี 1975 ที่เมืองอัลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก พวกเขาโฟกัสพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ Altair 8800
ตอนนั้นตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยังเล็กนิดเดียว ไม่มีระบบปฏิบัติการมาตรฐาน ซอฟต์แวร์ก็กระจัดกระจายเละเทะไปหมด
แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนในปี 1977 เมื่อ Steve Wozniak กับ Apple เปิดตัว Apple 2 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกที่ขายแบบสำเร็จรูป พร้อมใช้งานได้เลย
ภายในแค่สามปี ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพุ่งทะยานไปถึงมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์! ปรากฏการณ์นี้ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ตาลุกวาว
IBM เป็นลูกพี่ในวงการคอมพิวเตอร์ตอนนั้น พวกเขาชายตามองตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอยู่ และพร้อมจะถล่มตลาดนี้
IBM รู้ดีว่าพวกเขาเข้าตลาดช้ากว่าเพื่อน ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง แทนที่จะทำทุกอย่างเองตั้งแต่ศูนย์ พวกเขาเลือกที่จะซื้อชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมาประกอบกัน
วิธีนี้ช่วยให้ IBM สร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้ไวสุดๆ และสามารถเข้าไปแข่งในตลาดได้ทันที ไม่ต้องรอนานให้คู่แข่งวิ่งหนีไปไกล
โชคเข้าข้าง Gates มากๆ เมื่อแม่ของเขา Mary Maxwell Gates เป็นกรรมการที่ United Way International องค์กรที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับผู้บริหาร IBM
แม่ของเขาช่วยเซ็ตประชุมระหว่าง IBM กับลูกชาย เพื่อคุยเรื่องระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ของ IBM ซึ่งนี่คือโอกาสทองชัดๆ
1
ปัญหาคือตอนนั้น Microsoft ยังไม่มีระบบปฏิบัติการของตัวเองเลย! เมื่อ IBM ถาม Gates ในครั้งแรก เขาเลยส่งพวกเขาไปหา Gary Kildall
Kildall คือผู้สร้างระบบปฏิบัติการ CP/M ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแผ่นดิสก์ตัวแรกสำหรับไมโครคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นมีคอมพิวเตอร์มากถึง 3,000 รุ่นที่ใช้ CP/M อยู่
Gates บอก Kildall ว่า “มีคนสำคัญจะมาหา ต้อนรับดีๆ ล่ะ” แต่เพราะต้องรักษาความลับ เขาเลยไม่บอกว่าเป็น IBM ที่กำลังจะมาเยือน
มีเรื่องที่เล่าว่าตอนตัวแทน IBM ไปถึงบ้าน Kildall เขากำลังบินเครื่องบินส่วนตัวอยู่ Dorothy ภรรยาที่ดูแลธุรกิจตอนสามีไม่อยู่ ปฏิเสธที่จะเซ็น NDA (สัญญารักษาความลับทางธุรกิจ) กับ IBM
การเจรจาจึงล่มไม่เป็นท่า แม้ความจริงอาจซับซ้อนกว่านั้น Gates เคยพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การตัดสินใจไม่เข้าท่าที่จะไปบิน” เป็นโอกาสทองที่หลุดมือไป
หลังจากนั้น การเจรจาระหว่าง IBM กับ Kildall ก็มีปัญหา IBM เสนอค่าธรรมเนียม 250,000 ดอลลาร์สำหรับ CP/M พร้อมค่าลิขสิทธิ์ 50 ดอลลาร์ต่อเครื่อง
1
แต่ Kildall ปฏิเสธ เขาเชื่อว่าซอฟต์แวร์ของเขามีค่ามากกว่านั้น IBM เริ่มหงุดหงิดกับการเจรจาที่ยืดเยื้อ พวกเขาต้องการออกผลิตภัณฑ์ให้เร็วที่สุด
เมื่อ Kildall ปฏิเสธ IBM จึงกลับมาหา Gates อีกครั้ง ถามว่า Microsoft จะพัฒนาระบบปฏิบัติการให้ IBM PC ได้ไหม Gates กับ Allen ไม่รอช้า รีบรับโอกาสนี้ทันที
การประชุมระหว่าง Microsoft กับ IBM เคร่งเครียดมาก Gates วัย 25 นั่งอยู่ตรงข้ามผู้บริหารและวิศวกรจาก IBM ที่ดูโหดเหี้ยมน่าเกรงขาม
เขากำลังเข้าถ้ำเสือ เผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ เดิมพันมหาศาล ความกดดันสุงสุด แม้ทั้งสองฝ่ายอาจไม่รู้ตอนนั้น แต่นี่คือการประชุมที่จะขีดชะตาชีวิตวงการคอมพิวเตอร์
ในการเจรจา Gates ยอมรับเงื่อนไขที่ Kildall ปฏิเสธ เขาตกลงพัฒนาเวอร์ชันของ MS-DOS ที่ปรับแต่งพิเศษสำหรับ IBM PC และยอมรับค่าธรรมเนียมคงที่แทนค่าลิขสิทธิ์ต่อเครื่อง
แต่สิ่งที่ Gates ขอมีอย่างเดียว เขาต้องการให้ Microsoft สามารถอนุญาตให้บริษัทอื่นๆ ใช้ MS-DOS ได้ด้วย นี่คือความเจ๋งขั้นเทพของเขาเลยก็ว่าได้
นักกฎหมาย IBM มองหน้ากันยิ้มๆ พวกเขาคิดว่าไม่มีบริษัทไหนกล้าทำคอมพิวเตอร์แบบเดียวกับ IBM PC หรอก เลยตกลงตามนั้น โดยไม่รู้ว่าจะอีกไม่นานพวกเขาจะถูกไล่บี้ด้วยข้อตกลงดังกล่าวนี้
ข้อตกลงนี้เจ๋งมาก ๆ ในยุคนั้น เพราะทำให้ Microsoft ยังคงเป็นเจ้าของและควบคุมซอฟต์แวร์ ในขณะที่อนุญาตให้บริษัทอื่นใช้ได้อีกด้วย
IBM ยอมรับข้อกำหนดนี้ด้วยเหตุผลหลายอย่าง หนึ่ง พวกเขาไม่อยากถูกกล่าวหาว่าผูกขาดตลาด เพราะเคยมีประวัติด้านนี้มาอย่างยาวนาน
สอง IBM ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์ในยุคแรกๆ พวกเขาคิดว่าฮาร์ดแวร์คุณภาพสูงต่างหากที่สำคัญ ซอฟต์แวร์เป็นแค่เรื่องรอง ซึ่งมาพิสูจน์ทีหลังว่าเป็นการคิดผิดแบบสุดๆ
ปัญหาใหญ่คือ Microsoft ยังไม่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ! Gates ต้องหาทางแก้ด่วน เขาติดต่อบริษัท Seattle Computer Products และซื้อระบบปฏิบัติการ 86-DOS ในราคาแค่ 50,000 ดอลลาร์
Microsoft จัดเต็มปรับแต่งโค้ดให้เหมาะกับ IBM แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น MS-DOS (Microsoft Disk Operating System) สำหรับเวอร์ชันทั่วไป และ IBM PC DOS สำหรับเวอร์ชันเฉพาะของ IBM
IBM เปิดตัว PC ในเดือนสิงหาคม 1981 และได้รับความนิยมแทบจะทันที ภายในเพียง 6 เดือน IBM ขายได้มากกว่า 250,000 เครื่อง เกินความคาดหมายถึง 800%
IBM PC ได้รับความนิยมมากในภาคธุรกิจที่ชอบระบบเปิดที่ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ได้ IBM เลือกใช้สถาปัตยกรรมแบบเปิด ซึ่งอนุญาตให้ใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากบริษัทอื่น
1
การตัดสินใจนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ด้านหนึ่ง มันช่วยให้ IBM PC ปังในช่วงแรก เพราะระบบแบบเปิดดึงดูดทั้งผู้บริโภคและธุรกิจมากกว่าระบบปิดของคู่แข่ง
แต่อีกด้าน มันก็เปิดทางให้บริษัทอื่นๆ ลอกเลียนแบบ IBM PC ได้ มีบริษัทนับสิบแห่งเริ่มทำคอมพิวเตอร์แบบเดียวกัน เช่น Compaq, Dell และ Hewlett Packard
บริษัทเหล่านี้แข่งขันกันที่ราคาล้วนๆ เพราะสินค้าแทบไม่ต่างกัน พวกเขาตัดราคากันเละ ซึ่งทำให้กำไรจากฮาร์ดแวร์ลดฮวบ
นี่คือเหตุผลที่ข้อตกลงของ Gates กับ IBM สำคัญมาก มันเปลี่ยนอำนาจในอุตสาหกรรมจากฮาร์ดแวร์ไปสู่ซอฟต์แวร์ เป็นการพลิกเกมแบบสุดโหด
เพราะ Microsoft ขาย MS-DOS ให้คู่แข่ง IBM ได้ ส่วนแบ่งตลาดของ IBM จึงค่อยๆ ลดลง ขณะที่ Microsoft กลับดังกระฉูด
IBM ที่เคยใหญ่กว่า Microsoft 3,000 เท่า กลับขาดทุนพันล้านดอลลาร์ต่อปีในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และในปี 1993 Microsoft ก็แซงหน้า IBM ในแง่มูลค่าตลาด นี่คือการพลิกกลับที่สั่นคลอนวงการเทคโนโลยีในยุคนั้น
ทุกเรื่องราวนี้เกิดจากการตัดสินใจครั้งเดียวในปี 1980 ประวัติศาสตร์จดจำแต่ผู้ชนะ Gary Kildall คือผู้อยู่ฝั่งแพ้ในดีลใหญ่ที่สุดดีลหนึ่งในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
หลายคนคาดว่าถ้า Kildall ได้เจอ IBM และเซ็นสัญญา CP/M อาจกลายเป็นมาตรฐานแทน MS-DOS และประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์อาจเปลี่ยนไป Digital Research และ Kildall อาจเป็นผู้นำแทน Microsoft และ Gates
ชีวิตของ Kildall หลังพลาดโอกาสนี้ก็ดิ่งลงเหว เขาพยายามฟ้อง IBM และ Microsoft ฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แต่กฎหมายยุคนั้นยังไม่ชัดเจน
เขาไม่มีหลักฐานที่แข็งแรงมากพอ IBM ก็เป็นบริษัทอิทธิพลสูงมีทนายเต็มไปหมด แถมพ่อของ Gates ยังเป็นหุ้นส่วนบริษัทกฎหมายดังในซีแอตเทิลอีกต่างหาก
Kildall ต้องทนกับเรื่องเล่าที่ว่าเขากำลังบินเครื่องบินตอน IBM มาเยือน เรื่องนี้ตามหลอกหลอนเขาอีกหลายปี กลายเป็นสัญลักษณ์ของโอกาสทองที่พลาดไป
ชีวิตส่วนตัวของเขาได้รับผลกระทบหนัก เขากลายเป็นคนขมขื่น ภรรยาหย่าร้าง ชีวิตตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าและติดเหล้า
จุดจบของ Kildall เจ็บปวดรวดร้าวมาก เขาเสียชีวิตในปี 1994 ตอนอายุแค่ 52 ปี จากการบาดเจ็บที่ศีรษะในบาร์นักบิดในแคลิฟอร์เนีย
รายละเอียดของเหตุการณ์ยังเป็นที่ถกเถียง บางคนว่าเขาถูกทำร้ายเพราะใส่เสื้อ Harley-Davidson ในบาร์ผิดที่ บางคนว่าเขาล้มกระแทกศีรษะเอง
ในทางตรงข้าม Bill Gates ประสบความสำเร็จอย่างโหด ธุรกิจ Microsoft เติบโต ความมั่งคั่งของเขาก็พุ่งทะยาน
ในปี 1987 ตอนอายุแค่ 31 ปี เขากลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเจ๋งมากเมื่อคิดว่าตอนนั้นทั้งโลกมีมหาเศรษฐีแค่ 50 คน เทียบกับปัจจุบันที่มีกว่า 2,600 คน
ในปี 1995 Gates กลายเป็นคนรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าสุทธิ 12 พันล้านดอลลาร์ เขาครองตำแหน่งนี้หลายปี และในจุดพีคปี 1999 มูลค่าของเขาพุ่งไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์
ความสำเร็จทั้งหมดของ Gates คงเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของเขา Mary Maxwell Gates Connection ของเธอกับ IBM ช่วยเปิดประตูสู่โอกาสทองครั้งนี้
ข้อตกลงระหว่าง Microsoft กับ IBM เป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี มันยกระดับ Microsoft จากบริษัทเล็กๆ ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่
สิ่งที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้คือการมองเห็นโอกาสในจุดที่คนอื่นมองไม่เห็น การเจรจาต่อรองอย่างชาญฉลาด และวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจ
Gates เข้าใจว่าซอฟต์แวร์จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ IBM ยังหลงคิดว่าฮาร์ดแวร์สำคัญกว่า
เรื่องของ Kildall เตือนใจเราว่าบางครั้งโอกาสมาแค่ครั้งเดียว การตัดสินใจผิดแค่ครั้งเดียวอาจเปลี่ยนทุกอย่าง ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว
การตัดสินใจเล็กๆ ในขณะนั้นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในประวัติศาสตร์ ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิต Gates และ Kildall แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่เราใช้คอมพิวเตอร์จนถึงวันนี้
ในวงการเทคโนโลยี มักพูดกันว่ารางวัลไม่ได้ตกเป็นของผู้คิดค้นเสมอไป แต่เป็นของผู้ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจและใช้ประโยชน์จากมันได้ดีกว่า
ปัจจุบัน Microsoft ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผลิตภัณฑ์หลากหลายนอกเหนือจากระบบปฏิบัติการ
Bill Gates ก้าวออกจากตำแหน่งผู้บริหาร Microsoft ไปทุ่มเทกับงานการกุศลผ่านมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลยักษ์ใหญ่ของโลก
จากข้อตกลงเล็กๆ ในปี 1980 สู่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เป็นเรื่องราวอันน่าทึ่งของวิสัยทัศน์ ความกล้าเสี่ยง และความสามารถในการมองเห็นอนาคตที่คนอื่นมองไม่เห็น
ถ้าไม่มีการตัดสินใจโดยมีวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลในวันนั้น โลกเทคโนโลยีที่เรารู้จักในวันนี้อาจแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจยักษ์ใหญ่มักมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่คนมองข้าม ข้อตกลงระหว่าง Microsoft และ IBM เป็นตัวอย่างชัดเจน และเป็นบทเรียนสำหรับนักธุรกิจยุคใหม่ที่กำลังหาโอกาสในตลาดที่พลิกผันอยู่ตลอดเวลา
References: [computerhistory, wired, cnet, techrepublic, forbes]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา