17 พ.ค. เวลา 05:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัด 19 พ.ค.นี้ ชงมาตรการรับมือภาษีสหรัฐฯ

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัด 19 พ.ค.นี้ ชงมาตรการรับมือภาษีสหรัฐฯ รมว.คลัง ยอมรับเศรษฐกิจไทย "ไม่เป็นตามที่หวัง"
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าภายในวันที่ 19 พ.ค. นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ร่วมไปถึงการเสนอมาตรการทางการเงิน เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยนโยบายภาษีตอบโต้ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ระหว่างพิจารณากรอบรายละเอียด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ครั้งนี้ได้ ซึ่งเราจะไม่รอให้ครบ 90 วัน หรือวันที่ 9 ก.ค.68 ที่ครบกำหนดสหรัฐเลื่อนขึ้นภาษี แต่เราจะเตรียมมาตรการรับมือผลกระทบไว้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก ทั้งนี้ ในแง่ของประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อ เพราะเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) เคยโตจาก 1.9% เป็น 2.5% ซึ่งมีความตั้งใจอยากให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ 3% แม้มีสถานการณ์ดังกล่าวเข้ามาทำให้สะดุด แต่เรามีมาตรการรับมือ เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจโตได้
"รมว.คลัง" รับ ศก.ไทย ไม่เป็นตามที่หวัง
นอกจากนี้ นายพิชัย ระบุว่า ตนเองยอมรับและเข้าใจว่าเศษฐกิจไทยยังไม่เกิดความมั่งคั่งตามที่หวัง แม้จะมีองค์ประกอบครบถ้วนที่เดินไปสู่ความมั่งคั่งก็ตาม ทั้งพื้นที่ ภูมิอากาศ เขตปลอดภัยพิบัติ เป็นต้น แต่ประเทศไทยต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างความมั่นใจและนำพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ประกอบด้วย แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างด้านเทคโนโลยี โดยจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้ประชากรเข้าถึงเทคโนโลยี ส่งเสริมการใช้โลคอลคอนเทนต์ในประเทศมากขึ้น ควบคู่การนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนความพร้อม เพื่อรองรับการเข้ามาลงทุน ผู้ประกอบการ และเยาวชนไทยที่กำลังจะเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้
แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภาคเกษตรกรรม ที่ปัจจุบันมีการเติบโตเพียง 8% ต่อจีดีพี ซึ่งอยู่ระดับต่ำเกินไปจากที่ภาครัฐอยากเห็นที่ 30% ต่อจีดีพี ซึ่งจะต้องลดต้นทุนการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าทางเกษตรทั้งในประเทศและการส่งออก เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันกับต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการขอเงินอุดหนุนจากภาครัฐได้
ขณะที่การยื่นข้อเสนอเจรจากับสหรัฐฯ ผ่านมาตรการ Win-Win Solution ด้วยการลดการส่งออก เพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตร แก้ไขการสวมสิทธิ์สินค้า ก็จะช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความยั่งยื่นและความมั่งคั่งในภาคการเกษตรด้วยเช่นกัน
รวมถึงแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการท่องเที่ยว ด้วยการดึงดูดการท่องเที่ยวด้วยอาหารท้องถิ่นและสถานที่ท่องเที่ยวผ่านโครงการ Man-made Destination เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและดึงนักท่องเที่ยวให้พักในไทยนานขึ้น
รัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยนถ่ายวิธีใช้งบประมาณ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพใช้ Digital Platform Economy ให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติ G-Token เป็นหนึ่งในเครื่องมือการลงทุนแทนการเก็บเงินในธนาคาร ได้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเปนช่องทางเชื่อมต่อตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างด้านต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการ ช่วยสร้างความมั่นใจการเปลี่ยนแปลงให้เศรษฐกิจมีความหวังด้วยทิศทางที่ถูกต้อง
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา