นักบวช ทำลายศาสนา ศาสนา มีคำสอนดีๆ ให้ศึกษา ให้ฝึกหัด ปฏิบัติ..เมื่อไม่ทำตามรอยคำสอน สวนทางต้นพระ ศาสดา ท่านทิ้งเวียงวัง ทรัพย์สินเงินทอง ยศบรรดาศักดิ์ ..เค้าทำสวนทาง รอยคำสอน..
คำว่า พระ มาจากคำว่า พอแล้ว พอแล้ว เรื่องราวของความโลกโกรธหลง เมื่อมาขอ เป็นนักบวชไปขอมาบวช ไปกระทำกันโบสถ์ ไม่ได้มีใครบังคับ ให้ไปขอ .ขอเครื่องหมายธรรม ขอลงค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครองผ้า กาสาวพัสตร์ ..ว่าจะมาเป็นผู้ที่เดืนตามรอยองค์พระศาสด าจะเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ที่ก็มีการับพระก้มมฐาน เนื้อ หนัง ขน ฟัน เล็บ . จะมีการกระทำฝึกหัด ในรอยทั้งสี่ ของพระ ยืน เดินนั่งนอน รอยของพระ เมื่อไม่มี ..สิ่งที่ได้
..เมื่อเอาพระกาสาวพัสตร์มาครอง สิ่งที่ได้ก็มีแต่น้ำเลือดน้ำหนองทุกข์ทรมาน ทั้งภัตตาหารมิตตาหาร ทีี่เค้าอนุโมทนา ..ถวาย ..เค้าถวาย ผ่านป้าเหลือง หากไม่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ใครเค้าจะถวาย ก่อนจะถวาย เค้าก็นอบน้อมถวาย เค้าถวายพระพุทธเจ้า บำรุงศาสนา ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า . เมื่อมาถือครองศาสนา .กลับทำตน ..เป็นผู้ที่จมอยู่กับโลกีย์ เอาศาสนามาบังหน้า.นรกอเวจี เป็นที่หมาย ..ตามเทวทัต .เค้าบวชมาหาลาภยศ โลกีย์ทรัพย์สมบัติ ..เค้ามาทำลายศาสนา .
เป็นนักบวช..เที่ยวสอนคนนั้นคนนี้ .สอนให้ อย่าโลภนะ อย่าโกรธนะ อย่าหลงนะ ..ปากก็พูดไปด้วยคำว่า ลิ้นกบิลยักษ์ ..พูดได้ เหมือนยักษ์ ที่จะจับชาวบ้านมากิน .พูดดีก็ได้ รู้ดี ..แต่ทำดีไม่ได้ ..เมืองเยี่ยงอย่างเดรัจฉานทั่วไป
ธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นบริสุทธิ์ ท่านฝากไว้ กับดินฟ้าอากาศ ไม่ได้ฝากกับผู้หนึ่งผู้ใด . ใครมาเรียนรู้ ก็ศึกษา รอยพระเวสสันดร รอยพระสิทธัตถะ ศึกษาให้ดี เป็นแบบอย่างว่า ผู้ที่จะหนีการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านทำอะไรมาบ้าง ในคำว่า สร้างบุญกุศลบารมี ลดละ ความยึดถือต่างๆ ในโลก ..ที่ว่า โลกนี้ไม่แก่นสาร ไม่มีสาระ ให้จิตไปยึดถือ
.ท่านก็ชี้ทางไว้ให้ เรื่องรอยของพระ เรื่องการสร้างบุญ ..เมื่อมาบวชในศาสนาของท่าน ท่านทำอย่างไร ก็เดินตามรอยท่าน ที่ท่านก็ให้กำเนิด ..ให้มีผ้ากาสาวพัสตร์ ให้ผู้ที่มาขอบวขใด้ฝึดหัด่ แก้ไขนิสัยสันดาน ปฏิบัติธรรมตามรอยท่าน ..แต่กลับไม่เอา ไม่ทำตาม อย่างนี้ ก็เหมือน ไอ้ลูกเนรคุณบิดามารดาที่ให้กำเนิด
ที่เค้าพูดว่า ..สัตว์นรกมาเกิด บริวารสาวกเทวทัตก็ขึ้นมาเกิด ..จิตที่มาจากนรก นั้นเค้า ไม่รู้จักดีชั่ว แต่เค้าพูดคำว่าดีชั่วได้ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง พูดดี..ให้คนฟังเคลิ้ม .หลงใหล ..แต่นิสัยของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมไม่มีในกายในจิต ..ไม่รู้ว่า .. รอยขอพระนั้น ..เค้าสอนไปเพื่ออะไร .
.สิ่งที่เค้าทำ .เอาวัตถุมา..ทำแจดจ่ายชาวบ้าน ทำพิธิอะไรต่างๆ แจกจ่ายให้คนเค้ายึดถือหลงใหล ทำพิธีอัญเชิญ เทพเทวา ร่ายคาถาอาคม …หูทิพย์ตาทิพย์ เค้ารู้จักเรื่องบุญบารมี เทพที่ไหน เค้าจะมา ..จะมาก็แต่เปรตอสุรกาย มาร่วม . เกาะกินเครื่องเซ่น ..มีแต่สีดำสีม่วง สีเวรสีกรรม ส่งไปทำลายจิต ที่เค้าหลงใหลยึดถือ เพราะความอยากร่ำรวยอยากรวย ก็กลับกลาย เปึเอาเปรตอสุรกายมาทำลายตัวเอง เกิดตัวกินเลือดกินเนื้อ กัดกินน้ำเลือดน้ำหนอง เกิดโรคนั้นโรคนี้ ทำลายกายที่จิตอาศัย
มีหูทิพย์ตาทิพย์ ..เค้าพูดว่า . เอาศาสนาขององค์พระสัมสัมพุทธเจ้า มาหากินเยี่ยงอย่างเดรัจฉาน ..เราก็ดูได้ ..ว่า ยุคนี้ เค้าสนใจเอาศาสนามาบังหน้า .เพื่อเค้าจะได้อะไร .เค้าเป็นผู้ที่ไม่รู้ ..ไม่มีสติสัมปชัญญะรู้จักกรรม ไมมีสติสัมปชัญญะรู้จักธรรม จิตนั่นจมอยู่กับโคลนตม จมบึกยิ่งกว่า อุบาสกอุบาสิกา
ไม่รู้จักเรื่องราวคำว่า การสร้างบุญกุศล .เค้าเป็นผทำลายจิตตัวเอง ทำศาสนาทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธา ปิดหนทางผู้อื่น เห็นแล้วก็ปฏิเสธ .ไม่อยากเรียนรู้ ..พระท่าน..บอกว่า การสอนธรรมให้มนุษย์ยุคนี้ยาก แม้แต่พญามาร ก็บอกว่า สมองมนุษย์ยุคนี้ ศึกษาปฏิบัติธรรมตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ ..พญามาร ก็ช่วยส่งเสริม ปล่อยแสงสีดำสีม่วง ไปทั่วโลก ..เหมือนให้หลงใหลอยู่กับโลก ทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง
..เค้าพูดกันมาตั้งแต่ กลางปีที่แล้ว ..เค้าจะช่วยเก็บตัวใหญ่ๆไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงมีเรื่องราว ต่างปรากฏขึ้นมา ..ให้เขยชม ..สัตว์นรกเอาสาสนามาหากิน..
นี่ แหละ ที่เค้าเรียกว่า นักบวช ภิกษุ จิตยังไม่เป็นพระ ..เค้ากอุตส่าห์เรียกว่า พระ.. แต่ข้างใน มันยังไม่เป็นพระ ..ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปได้บ้าง.
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
