17 พ.ค. เวลา 14:52 • อาหาร

"กล้วยแขก" ของว่างไทยที่เดินทางมาจากแดนไกล

ใครหลายคนคงเคยซื้อลูกกล้วยสีเหลืองทองกรอบนอกนุ่มในจากรถเข็นริมถนน แล้วสงสัยว่า... “ทำไมของไทยๆ แบบนี้ถึงชื่อว่า กล้วยแขก?”
แม้ชื่อจะฟังดูแปลกหู แต่แท้จริงแล้ว กล้วยแขกเป็นภาพสะท้อนของการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างงดงาม ที่เริ่มต้นจากแดนไกลอย่างอินเดียและมาเลเซีย
รากเหง้าจากอินเดียใต้และมาเลย์
ในวัฒนธรรมอินเดียใต้ มีเมนูของทอดที่ใช้แป้งชุบผักหรือผลไม้ก่อนทอดในน้ำมันร้อน เช่น บาจี (Bhaji) หรือ ปากอเด (Pakora) ส่วนชาวมลายูเองก็มี Pisang Goreng — กล้วยชุบแป้งทอดที่นิยมกินเป็นของว่าง
เมื่อผู้คนจากแดนเหล่านี้เดินทางมาค้าขายและตั้งถิ่นฐานในดินแดนสยาม อาหารของพวกเขาก็เดินทางมาด้วย
จากกล้วยทอด...สู่ “กล้วยแขก”
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวแขกเจ้าเซ็นและชาวมุสลิมตั้งรกรากในหลายย่านของกรุงเทพฯ และมีบทบาทในการทำอาหารขาย โดยเฉพาะอาหารทอดแบบชุบแป้ง
คนไทยจึงเรียกของทอดแบบนี้ว่า “ของแขก” เมื่อนำกล้วยมาทอดก็เลยเรียกว่า “กล้วยแขก” ตามไปด้วย
สูตรไทยแบบบ้านๆ ที่ไม่ธรรมดา
แม้ต้นทางจะมาจากแดนไกล แต่กล้วยแขกที่เรากินในปัจจุบันคือเวอร์ชัน “ลูกผสม” ที่ไทยปรับสูตรให้เข้ากับรสนิยมคนไทย ใช้กล้วยน้ำว้าหั่นแฉลบ ชุบแป้งข้าวเจ้าใส่น้ำตาล งาขาว มะพร้าวขูด และเกลือเล็กน้อย ก่อนทอดจนกรอบสีทอง
นี่คือการดัดแปลงจากวัฒนธรรมหนึ่ง สู่อีกวัฒนธรรมหนึ่งอย่างกลมกลืน
ขนมริมทาง...ที่พาเราท่องประวัติศาสตร์
ทุกคำที่กัดกล้วยแขก ก็คือการลิ้มรสประวัติศาสตร์ การเดินทางของวัฒนธรรม และการเปิดใจรับสิ่งใหม่ของคนไทยในอดีต
จากของว่างธรรมดา ๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายที่ลงตัว
"กล้วยแขก" จึงไม่ใช่แค่ของทอดธรรมดา แต่คือบทเรียนของความร่วมมือระหว่างวัฒนธรรม ที่เปลี่ยนสิ่งเรียบง่ายให้กลายเป็นของอร่อยเหนือกาลเวลา
โฆษณา