18 พ.ค. เวลา 08:51 • หนังสือ

โลก 2 ใบของนักอ่าน : รีวิวหนังสือปราการสุดท้ายของเหล่าผู้รักหนังสือ

…..🌿🪴🌱……
หนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับร้านหนังสือ หรืออะไรทำนองนี้ มักมีแรงดึงดูดฉันเสมอ อดไม่ได้ที่จะซื้อสะสมเป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว
หนังสือเล่มนี้ก็เช่นเดียวกัน จากคำโปรยปกหลังบอกว่าเป็นนิยายซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากร้านหนังสือในลอนดอนไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากสงครามโลก ทำให้ฉันตัดสินใจสั่งซื้อออนไลน์ทันที
เรื่องนี้เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 1939-1945 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แนวอบอุ่นฮีลใจ เป็นเรื่องราวของหญิงสาววัย 23 ปี ชื่อ เกรซ เบนเนตต์
หลังจากที่แม่เสียชีวิตทำให้เกรซต้องออกจากเมืองเดรย์ตันเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนเพราะบ้านของเธอที่ชนบทถูกลุงยึดไป เธอเดินทางมาพร้อมเพื่อนสนิท
ในลอนดอนเธอพักอยู่ที่ทาวน์เฮาส์ของมิสซิสเวเธอร์ฟอร์ดที่เป็นเพื่อนสนิทกับแม่เธอ
เมื่อมาอยู่ในกรุงลอนดอนเธอต้องทำงานหาเลี้ยงชีพเนื่องจากเธอไม่มีหนังสือแนะนำตัวจึงไม่สามารถทำงานในห้างแฮร์รอดส์เหมือนเพื่อนเธอได้ มิสซิสเวเธอร์ฟอร์ดจึงฝากเธอให้ทำงานที่ร้านหนังสือพริมโรสฮิลล์บุ๊กส์ซึ่งเป็นร้านหนังสือเก่าโทรมตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของลอนดอน เจ้าของคือมิสเตอร์เอแวนส์ ชายชราที่เบื่อหน่ายโลกอยู่ตัวคนเดียว ครอบครัวเขาเสียชีวิตไปหมดแล้ว
เธอตั้งใจทำงานในร้านหนังสือแห่งนี้แค่หกเดือนเพื่อจะได้รับหนังสือรับรองจากเจ้าของร้านแล้วจะหางานใหม่
แต่ด้วยนิสัยขยันทำให้เกรซอดไม่ได้ที่จะปรับปรุงร้านหนังสือเก่าแห่งนี้ เธอทำความสะอาด จัดหมวดหมู่หนังสือให้เป็นระเบียบค้นหาได้ง่าย ร้านเปลี่ยนจากสภาพเก่า ๆโทรม ๆ มาเป็นร้านที่น่าเข้าทำให้ดึงดูดลูกค้าเพิ่มขึ้น ในระหว่างทำงานเธอก็ได้รู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าประจำของร้าน เขาเป็นหนอนหนังสือได้แนะนำหนังสือให้เธออ่าน จากคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือกลายเป็นชอบอ่านหนังสือ ทั้งสองเริ่มก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน
พอครบหกเดือนเกรซก็ตัดสินใจที่จะไม่ลาออกยังจะคงทำงานที่ร้านหนังสือแห่งนี้ต่อไป
ในระหว่างนั้น ตอนกลางวันเกรซทำงานในร้านหนังสือแต่พอกลางคืนเธอเป็นอาสาสมัครคอยตรวจตราป้องกันภัยในชุมชน
หน้ากากป้องกันแก๊สพิษ
ลอนดอนถูกโจมตีจากเยอรมันด้วยการทิ้งระเบิดอย่างหนักวันเว้นวัน ผู้คนต้องออกจากบ้านเรือนไปหลบอยู่ในหลุมหลบภัยซึ่งมีทั้งหลุมหลบภายในบริเวณบ้านและสถานีรถไฟใต้ดิน
เพื่อบรรเทาความหวาดกลัวของชาวเมือง เกรซอ่านหนังสือให้ผู้ที่มาหลบอยู่ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินฟาร์ริงดอน ทำให้ผู้คนมีความหวังและตั้งตารอที่จะมาฟังเกรซอ่านหนังสือในคืนต่อ ๆ ไป
ต่อมาร้านหนังสืออื่น ๆ ในลอนดอนถูกระเบิดลงทำให้ทุกร้านเสียหายอย่างหนัก จนปิดกิจการ ในช่วงแรกร้านของเกรซเป็นแห่งเดียวที่ปลอดภัย
แต่หลังจากนั้นร้านหนังสือพริมโรสฮิลล์บุู๊กส์แห่งนี้ก็ไม่รอดจากการโดนโจมตีเช่นกัน ชาวเมืองที่เคยฟังเกรซอ่านหนังสือได้ชักชวนกันมาช่วยเหลือซ่อมแซมร้านให้เธอ
ร้านพริมโรสฮิลล์บุ๊กส์จึงได้ชื่อว่าเป็นร้านหนังสือสุดท้ายของลอนดอน
สภาพสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใช้เป็นหลุมหลบภัย
ระหว่างที่ฉันอ่านหนังสือไป ก็อยากรู้ว่าหน้ากากกันแก๊สพิษหรือสถานีฟาร์ริงตันซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่ใช้เป็นหลุมหลบภัยในสมัยนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งต้องขอบคุณกูเกิ้ลทำให้ได้เห็นภาพเก่า ๆ เหล่านี้
หลังจากอ่านจบทำให้มีความรู้ความเข้าใจสภาพบ้านเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษที่อาศัยอยู่ในลอนดอนในช่วงสงครามโลก
นักเขียนคงค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 มาเป็นอย่างดี ทำให้คนอ่านเข้าใจวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงนั้น อย่างเช่นกระจกในบ้านหรือร้านค้าต่าง ๆ ต้องติดพลาสเตอร์เพื่อป้องกันกระจกแตกจากแรงสั่นเสทือนของระเบิด ชาวบ้านต้องเข้าร่วมทำหน้าที่อาสาสมัครร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล เป็นต้น
แต่น่าเสียดาย หนังสือเล่มนี้จะสนุกมากขึ้น หากนักเขียนลงรายละเอียดว่าการอ่านหนังสือทำให้ผู้คนที่กำลังหวาดกลัวภัยสงคราม มีความรู้สึกอบอุ่นหายจากความกลัวได้อย่างไร คนอ่านรู้สึกเหมือนขาดการเจาะลึกประเด็นสำคัญ
“ การอ่าน คือ การไปที่ไหนสักแห่งโดยไม่ต้องขึ้นรถไฟหรือลงเรือ คือการเปิดโลกใบใหม่ที่น่าเหลือเชื่อ มันคือการใช้ชีวิตที่เราไม่ได้เกิดมา และมีโอกาสได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่วาดระบายจากมุมมองของผู้อื่น มันคือการเรียนรู้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวและไม่ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ”
นี่คือ ประโยคในหน้าแรกของหนังสือเล่มนี้
เห็นด้วยว่าการอ่านหนังสือเหมือนอยู่ใน 2 โลก คือ โลกเก่า หรือโลกใหม่ ทำให้คนอ่านได้กำไร
#อ้อยคราฟต์ไดอารี่
โฆษณา