18 พ.ค. เวลา 14:11 • การเมือง

หยุดอุดหนุนภาคเกษตร หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรง

หัวข้อนี้อาจจะขัดใจใครหลายคน แต่ความจริงมักเป็นสิ่งเจ็บปวดเสมอ
นอกจากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจแล้ว การทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศของทุกพรรคการเมืองก็ต้องได้รับการปรับวิธีคิด เพราะวิธีคิดการพัฒนาเศรษฐกิจของทุกพรรคที่ผ่านมา จะมีเพียงแค่เพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ ทำโครงสร้างพื้นฐาน ให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามในการเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มอุปสงค์ให้กับระบบเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจโดยตรง หากจะมีก็จะมีเพียงแค่ความพยายามในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ส่วนเรื่องการส่งออกและการท่องเที่ยวนั้น แม้รัฐบาลจะพยายามเพิ่มการส่งออกผ่านการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวผ่านการทำงานของกระทรวงท่องเที่ยวและ ททท. แต่หากเข้าไปเจาะลึกถึงการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงท่องเที่ยว และ ททท. ก็จะพบว่าในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขการส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวล้วนเกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ หากจะมีที่เกิดจากความพยายามของหน่วยงานทั้ง 3 ก็จะเป็นส่วนน้อย
พิสูจน์ได้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ไม่ว่าทั้งสามหน่วยงานจะช่วยกันมากน้อยเพียงใด แต่การส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับความพยายามและเมื่อเทียบกับในยามที่ปัจจัยภายนอกเอื้อ
หลายมาตรการทำไปเพื่อดึงเสียงทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งที่เกษตรกรจำนวนมากที่ผลิตผลผลิตการเกษตรหลายอย่างไม่ควรได้รับการส่งเสริมเพราะผลิตเกินความต้องการทำให้ over supply หรือผลิตภาพในการผลิตต่ำแต่อยู่ได้เพราะมีมาตรการรัฐเข้าช่วย เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยาง ปาล์ม หมู ข้าวโพด ถั่วเหลือง
บางผลผลิต เคยได้ผลตอบแทนดีมาก แต่เพียงแค่เริ่มมีปัญหา ก็ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐ
ซึ่งเงินช่วยเหลือเกษตรกรเหล่านี้ ล้วนแล้วมาจากผู้เสียภาษีที่ทำงานนอกภาคเกษตร เพราะเกษตรกรไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหากมองในมุมนี้ ก็ยิ่งไม่เป็นธรรมกับ SMEs จำนวนมากที่ไม่ใช่เกษตรกรและไม่ใช่วิสาหกิจชุมชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษีแต่ได้รับการช่วยเหลือน้อยมาก จำกัดมาก และเข้าถึงยากมากเมื่อเทียบกับการช่วยเหลือเกษตรกร และที่สำคัญ เกษตรกรจำนวนมากที่ได้รับการช่วยเหลือมีรายได้มากกว่า SMEs เสียอีก
การช่วยเหลือเพียงหวังคะแนนเสียงนี้ยังทำให้เกิดการบิดเบือนการกระจายทรัพยากรของระบบเศรษฐกิจทั้งทุนมนุษย์และทุนทางการเงินให้ยังคงอยู่ในภาคการผลิตที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขันและดึงประเทศให้ตกต่ำลงเรื่อย ๆ
หากต้องการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจริงๆ พรรคการเมืองต้องหยุดพฤติกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงแค่หวังผลระยะสั้น และหยุดช่วยเหลือภาคการผลิตที่ไม่มี productivity แต่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดและหันมาช่วยเหลือคนที่ต้องออกจากตลาดเพราะไม่สามารถอยู่ได้ ให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพสำหรับอาชีพใหม่
ซึ่งวิธีที่ทำกันโดยทั่วไปคือการพัฒนาปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดคือทุนมนุษย์และสร้างมาตรการที่อำนวยความสะดวกและเกิดแรงจูงใจให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปยังภาคการผลิตที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของโลกเพื่อเพิ่ม productivity ของระบบเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบแทน
โฆษณา