19 พ.ค. เวลา 09:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เกมซื้อเวลาของทรัมป์และสีจิ้นผิง - Blockdit Originals โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร

ทั้งทรัมป์และสีจิ้นผิงต่างต้องการเวลาให้เศรษฐกิจภายในของตนปรับตัว เพราะหากแตกหักกันทันที ก็พังกันทั้งคู่
1
ในระหว่างที่ผ่อนพักให้มีเวลาหายใจ บริษัทสหรัฐฯ ก็คงพยายามกระจายความเสี่ยงออกจากจีนเท่าที่เป็นไปได้ เริ่มวางแผนสั่งของผลิตของจากที่อื่นที่ไม่ใช่จีน บริษัทจีนเองก็คงพยายามเสาะหาตลาดและผู้ซื้อรายใหม่แทนส่งออกไปสหรัฐฯ
เพราะเมื่อขาด “ความไว้วางใจ” (Trust) ต่อกัน ไว้ใจไม่ได้ว่าจะกลับมาซัดกันอีกเมื่อไหร่ แถมทั้งคู่ตระหนักดีว่าความขัดแย้งเป็นมากกว่าความมุทะลุของทรัมป์ แต่เป็นความขัดแย้งพื้นฐานของการแข่งขันกันเป็นเจ้าเศรษฐกิจและเทคโนโลยีโลก
1
ละครต่อจากนี้จึงจะมีอีกหลายฉาก ฉากต่อไปอาจเป็นการจับมือประกาศข้อตกลงการค้าชิ้นประวัติศาสตร์ระหว่างกันก็ได้ แต่ท่านผู้ชมอย่าถูกหลอกให้หลงเชื่อว่าสองยักษ์ตกลงกันได้แล้ว หรือโลกาภิวัตน์จะกลับมาดังเดิมได้อีก
เพราะโลกนี้คือละคร ในมุมทรัมป์ก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์การเป็นดีลเมกเกอร์ตามสไตล์ The Art of the Deal ทรัมป์เป็นโชว์แมนและเซลล์แมน เขาต้องการภาพผลงาน แต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เรื่องความยั่งยืนหรือปฏิบัติได้จริงของข้อตกลง
2
ส่วนในมุมจีน ตามพิชัยสงคราม “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เมื่อมองขาดแล้วว่าทรัมป์ต้องการดีลและเป็นโชว์แมนที่ชอบภาพความสำเร็จ จีนย่อมจะเล่นเกมหลอกทรัมป์ดีลด้วยคุยด้วยเป็นมิตรด้วย จับมือประกาศความสำเร็จและเล่นบทกลับมารักกัน
แต่ในใจของจีนย่อมตระหนักดีว่า ทั้งหมดนี้คือเกมซื้อเวลา ระหว่างนี้ก็เร่งปรับตัวแยกเศรษฐกิจออกจากกันต่อไป เพราะที่ดีลกันได้ สุดท้ายก็คงไม่ยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาชี้หน้ากันว่าต่างไม่รักษาสัญญา และกลับมาซัดกันอีกเมื่อสองฝ่ายพร้อมขึ้นและปรับตัวได้มากขึ้น
ไม่ต่างจากข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่จีนเคยตกลงกับทรัมป์ในสมัยปลายรัฐบาลทรัมป์ 1 แต่สุดท้ายจีนก็ทำไม่ได้ตามสัญญา ตอนแรกจีนอ้างเหตุผลเรื่องโควิดซึ่งทำให้ซัพพลายเชนโลกหยุดสะดุดและปั่นป่วน มาตอนนี้จีนใช้เหตุผลใหม่ว่าตอนนั้นเป็นรัฐบาลไบเดนที่อ่อนแอ จีนจึงไม่สนใจ แต่ถ้าเป็นพี่ทรัมป์แล้วจีนยินดีคุยยินดีซื้อของยินดีตกลงด้วย
3
หลายคนตอนนี้เริ่มสับสนกับอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของทรัมป์ เดี๋ยวก็จะซัดจีนเต็มที่บอกว่าจะไม่ค้าขายกันอีกแล้ว ซัดภาษีร้อยละ 145 แต่ผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็กลับลำ 180 องศา บอกพร้อมดีลและกำลังทำดีลใหญ่โตกับจีน เพื่อจะกลับมา “Total Reset” ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ผู้ชมคงงงว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ยักษ์คู่นี้
1
ต้องมองให้ออกว่า ทิศทางภาพใหญ่ก็คือ การแยกห่วงโซ่เศรษฐกิจระหว่างกัน เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายทำทันทีไม่ได้ มันช็อคและจะพังกันหมด ทั้งสองฝ่ายต้องการเวลาปรับตัว ต้องการผ่อนเวลาออกไปก่อน ช่วงผ่อนก็เป็นช่วงการละคร ทรัมป์ก็ได้ภาพดีลเมกเกอร์เรียกคะแนนเสียง จีนก็เล่นเกมซื้อเวลา ในระหว่างทางก็เร่งปรับตัว ปรับซัพพลายเชน หาตลาดใหม่
3
มีคนถามว่า แล้วหากทรัมป์พ้นตำแหน่งไป มีโอกาสไหมที่จีนกับสหรัฐฯ จะกลับมาคืนดีกัน ลองฟังความเห็นของเกรทเชน ไวเมอร์ ผู้ว่าหญิงแกร่งของมิชิแกนจากพรรคเดโมแครต ที่หลายคนบอกเป็นตัวเต็งดาวรุ่งดวงใหม่ของพรรคเดโมแครตดูก็รู้แล้ว
เธอบอกว่า เธอเห็นด้วยกับนโยบายการขึ้นกำแพงภาษี นโยบายการพยายามเอาโรงงานกลับสหรัฐฯ และการพยายามโดดเดี่ยวจีนของทรัมป์
1
สิ่งที่เธอไม่เห็นด้วยคือ วิธีการปฏิบัติของทรัมป์เท่านั้นเอง ที่ทำแรงไป ซัดพันธมิตรถ้วนหน้า ขึ้นกำแพงภาษีทุกสินค้าไม่เจาะเฉพาะรายเซคเตอร์เชิงยุทธศาสตร์ และไม่ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้ธุรกิจมีเวลาปรับตัว
ชัดเจนครับว่า ทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน กลายมาเป็นความเห็นร่วมกันระหว่างสองพรรคเรียบร้อยแล้ว ที่เห็นต่างกันคือวิธีปฏิบัติเท่านั้นเอง อย่าลืมนะครับว่าในสมัยรัฐบาลไบเดนก็ไม่ได้ยกเลิกกำแพงภาษีใดๆ ที่ทรัมป์ตั้งไว้ต่อสินค้าจีนเลย แถมไบเดนยังตั้งเพิ่มอีก เพียงแต่ทำเฉพาะในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น
2
ข้อแตกต่างของทรัมป์คือทำแบบสุดขั้วทั้งเวลาที่ดีและร้าย เวลาที่จะซัดกัน ทรัมป์ทำเหมือนจะแตกหักไม่เผาผีกันแล้ว (ซึ่งใครก็รู้ว่าทำจริงไม่ได้ สหรัฐฯ เองก็จะหายนะไปด้วย) แต่เวลาจะดีกัน (ซึ่งตอนนี้กำลังจะเข้าสู่วงจรดีกัน) ก็จะจูบปากหอมคอกันอย่างชื่นมื่นว่าเป็นดีลและการรีเซ็ทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
1
แต่ผู้ชมละครพึงตระหนักว่า ไม่มีทางจิรังยั่งยืน เราคงขึ้นลงรถไฟเหาะกันอีกมากในยุคทรัมป์ แต่ไม่ว่าทรัมป์จะอยู่หรือไป ไม่ว่าสหรัฐและจีนจะตกลงกันได้ในระยะสั้นหรือไม่ ภาพใหญ่ภาพระยะยาวคือสองยักษ์จะเดินหน้าแยกห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจออกจากกัน ถ้าเป็นเดโมแครตก็จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่านี้ ส่วนถ้าเป็นทรัมป์ ก็จะผ่อนคลายระยะสั้นด้วยการทำดีลยักษ์ และจีนก็จะเล่นเกมซื้อเวลาในระหว่างปรับตัว
โฆษณา