18 พ.ค. เวลา 19:03 • ความคิดเห็น

เมื่อความคุ้นเคยกลายเป็น 'พันธนาการ': ชีวิต 13 ชั่วโมงของนักสู้ค่าแรงน้อย

ท่ามกลางความเร่งรีบของสังคมเมืองที่ค่าครองชีพสูงลิ่ว การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกลายเป็นภาพคุ้นตา แต่ในอีกมุมหนึ่งของสังคม ยังมีเรื่องราวของผู้ที่เลือกจะหยัดยืนในพื้นที่ที่คุ้นเคย แม้จะต้องแลกมาด้วยชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและค่าตอบแทนที่ดูเหมือนจะไม่สมดุล เรื่องราวของเพื่อนสองคนของฉัน สะท้อนให้เห็นถึงภาวะดังกล่าวได้อย่างชัดเจน
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อน ผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าใจ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเงินในมุมคนต่างจังหวัด
เพื่อนคนแรก ครูอัตราจ้างผู้มีเงินเดือนเพียง 6,500 บาทต่อเดือน แม้จะมีรายได้เสริมจากการสอนพิเศษอีกประมาณ 5,000 บาท แต่รวมแล้วก็ยังคงไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต หากเขาต้องเผชิญกับค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าอาหารเฉกเช่นคนเมืองทั่วไป ทว่าเขากลับเลือกที่จะทำงานวันละ 13 ชั่วโมง โดยมีงานเสริมที่เข้ามาเติมเต็มบ้างประปราย เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจนี้คือ การที่เขาไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านั้น เนื่องจากอาศัยอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเช่าห้อง และอาหารส่วนใหญ่ก็มาจากที่บ้าน
เพื่อนอีกคน ครูอัตราจ้างเช่นกัน เงินเดือนเริ่มต้นที่ 5,000 บาท อาจมีรายได้เสริมจากคลินิกเสริมความงามอีก 5,000 - 7,500 บาทต่อเดือน แต่ชีวิตก็ยังคงเดือนชนเดือน เธอเองก็เลือกที่จะอยู่ใน 'คอมฟอร์ตโซน' ของตัวเอง ไม่กล้าที่จะขยับขยายหรือมองหาโอกาสใหม่ๆ แม้จะรู้ว่ารายได้ที่มีนั้นค่อนข้างจำกัด เหตุผลหนึ่งที่เธอไม่กล้าเปลี่ยนแปลงคือ สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อความมั่นใจในการก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยที่คุ้นเคย
เมื่อลองเปรียบเทียบกับค่าครองชีพในเมืองใหญ่ จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เงินเดือน 10,000 - 12,000 บาท อาจเป็นเพียงค่าเช่าห้องพักขนาดเล็ก หรือค่าใช้จ่ายในการเดินทางในแต่ละเดือนด้วยซ้ำ ยังไม่รวมถึงค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ ทำให้การมีรายได้เท่ากันในต่างพื้นที่ กลับมีอำนาจซื้อที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในทางเศรษฐศาสตร์ ภาวะที่เพื่อนของฉันกำลังเผชิญ อาจสะท้อนถึงความไม่สมดุลของตลาดแรงงานและค่าจ้างที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพในบางพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การที่พวกเขายังคงเลือกที่จะอยู่ในสถานะเดิม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้การเปลี่ยนแปลงดูเหมือนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าโอกาสที่สดใสกว่าเดิม
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะต้องทำงานหนักถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อนของฉันกลับมีความสุขใน 'คอมฟอร์ตโซน' ของพวกเขา เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือ งานเสริมที่พวกเขาทำนั้น ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจของครอบครัว หรือเป็นการทำงานร่วมกับคนในครอบครัว ความอบอุ่นและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ชดเชยความเหนื่อยล้าและค่าตอบแทนที่ไม่สูงนัก ความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในการทำงานและผู้คนรอบข้าง อาจเป็น 'รางวัล' ทางใจที่เงินจำนวนมากก็ไม่อาจซื้อได้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา