19 พ.ค. เวลา 09:17 • ความคิดเห็น

ชีวิตก็เหมือนแกงจืดมะระ

-------------------
คนจำนวนมากติดในกับดักของมันคือเรามักมองโลกเป็นสองด้าน แยกขาดจากกัน เช่น ความรวยกับความจนเป็นสองเรื่องที่แยกจากกัน ถ้ารวยก็ไม่จน ถ้าจนก็ไม่รวย เราต้องเลือกเอาทางหนึ่ง หรือมุ่งหวังทางใดทางหนึ่ง
1
ในมุมมองของปรัชญาเต๋า นี่เป็นเรื่องผิดธรรมชาติ ในมุมมองของฟิสิกส์ ไม่มีด้านใดด้านหนึ่งสัมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นสัมพัทธ์ เพราะสุข-ทุกข์ รวย-จนเป็นแค่มุมมองที่สัมพัทธ์กัน
1
เล่าจื๊อจึงกล่าวว่า เมื่อโลกมองเห็นความงาม มันก็มีความน่าเกลียด เมื่อโลกเห็นความดี มันก็มีความชั่ว มันมาพร้อมกัน มันเป็นเรื่องเดียวกัน
1
หยินกับหยางคือสองด้านของสรรพสิ่ง เหมือนภูเขา มีด้านที่ต้องแสงตะวัน กับด้านที่มืด แต่มันเป็นภูเขาลูกเดียวกัน
1
หยินหยางแห่งชีวิตคือโลกที่มีสองด้าน สอดประสานกัน
1
บางคนกินแกงจืดมะระยัดไส้หมู โดยเขี่ยมะระทิ้ง ไม่ได้มองว่าแกงจืดชนิดนี้ออกแบบมาโดยรวมความหอมหวานและความขมเข้าด้วยกัน บางคำอาจขม บางคำอาจหวาน แต่ผสมกันแล้วอร่อย เราจึงไม่เลือกกัดเฉพาะส่วนหวาน และทิ้งส่วนขม ชีวิตก็เช่นกัน มันเป็น ‘แกงจืดมะระ’ อย่างนี้เอง มันคือองค์รวมของหลายส่วน มีทั้งส่วนที่เราชอบกับส่วนที่เราไม่ชอบ แต่เราไม่อาจเลือกเฉพาะส่วนที่เราชอบได้ มันมาพร้อมกันเป็นแพ็คเกจอย่างนี้
1
อิสระที่แท้จริงคือการมองว่าความสุขเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อเราเป็นอิสระจากสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่สังคมกำหนด
1
............................
วินทร์ เลียววาริณ
ปล. สรรพสิ่งในโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่คงที่ ดังนั้น เมื่อเราเกิดมาแล้ว จึงไม่อาจหลีกหนีความเปลี่ยนแปลง อันเป็นธรรมประจำโลก(โลกธรรม8)ไปได้ คือ มีลาภ ก็เสื่อมลาภ มียศ ก็เสื่อมยศ ได้รับคำสรรเสริญ ก็ถูกนินทา มีความสุข ก็มีความทุกข์ แต่ไม่ว่าจะประสบกับสภาวการณ์เช่นไรก็ตาม เราต้องฝึกจิตให้มีสติ ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม รักษาใจให้มั่นคง แล้วมุ่งมั่นสร้างความดีให้เต็มที่
1
โฆษณา