Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Story Decoder
•
ติดตาม
19 พ.ค. เวลา 18:51 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
[รีวิว] Thunderbolts* - กลุ่มฮีโร่เส็งเคร็งในเส้นทางสดใหม่กับการปิดฉากเฟส 5 ของ MCU ที่น่าจดจำ
1) หลังจากเผด็จศึกปกป้องจักรวาลใน Avengers: Endgame เมื่อปี 2019 ก็อาจจะพูดได้ว่าภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ของ Marvel เดินหน้าเข้าสู่ภาวะซบเซา(ไปพร้อมๆ กับสถานการณ์วิกฤตการณ์โรงภาพยนตร์ทั่วโลก) แบบไม่มีวี่แววจะดีขึ้น จนหลายคนอาจจะปล่อยความคาดหวังและเลิกตื่นเต้นในคอนเทนต์ใหม่ๆ จาก MCU กันแล้ว ขนาดว่า Thunderbolts* ที่เป็นภาพยนตร์ลำดับสุดท้ายของ Phase 5 ช่วงก่อนหน้าที่จะเข้าฉายยังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพียงเมฆฝนบางๆ
ที่ตากผ้าไว้ยังไม่ต้องรีบไปเก็บเลย(เพราะไม่ต้องกังวลว่าผ้าจะเปียก) สู้เอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า
Thunderbolts* (2025)
2) และดูเหมือนทางสตูดิโอรวมถึงตัวของผู้กำกับ “เจค ชไรเออร์” (Jake Schreier) จะรู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ดี เมื่อไม่มีความคาดหวังว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ พวกเขาจึงมีอิสระในการเลือกทิศทางของภาพยนตร์ในแนวทางที่เราไม่เคยเห็นจาก MCU มาก่อนแน่ๆ โดยการจัดแจงรวบรวมกลุ่มฮีโร่ปลายแถว ไม่สิพวกเขายังไม่ได้รับการขนานนามว่าเป็นฮีโร่ด้วยซ้ำ
กลับกันพวกเขาเป็นเหล่าอาชญากรที่เคยคร่าชีวิตผู้อื่นมาแล้วทั้งสิ้น มาอยู่รวมกันในบรรยากาศที่หม่นหมองและไร้ซึ่งอุดมการณ์แบบฮีโร่ จนเรานึกไม่ออกว่าจะฝากความหวังไว้กับเหล่าผู้แพ้กลุ่มนี้ได้อย่างไร
Thunderbolts* (2025)
3) แม้ว่าสิ่งที่ Thunderbolts* เป็นจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่สำหรับหนังฮีโร่ แต่เมื่อมันถูกนำเสนอมาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม(ของ MCU) ก็กลายเป็นว่ามันช่วยสร้างความสดใหม่ให้จักรวาลฮีโร่มาร์เวลได้แบบน่าเหลือเชื่อ จากตัวเอกที่ต้องมาพร้อมกับรัศมีอันเจิดจ้าของพลังวิเศษและเจตนารมณ์อันกล้าแกร่ง กลายเป็นตัวละครที่มาพร้อมกับปัญหาเรื่องสภาพจิตที่เป็นความหลังฝังใจบอกใครไม่ได้ หนำซ้ำพวกเขายัง “บินไม่ได้ด้วยซ้ำ”
Thunderbolts* (2025)
4) ซึ่งที่ผ่านมาเนื้อเรื่องของ MCU พาเราไปโลดแล่นในสเกลพลังระดับจักรวาลและถึงขั้นไปยันระดับมัลติเวิร์สแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ได้คืบก็จะเอาศอก การกลับมาเล่าเรื่องในระดับมนุษย์หรือเรื่องของอเมริกาจึงเป็นอะไรที่ชวนง่วงเอามากๆ และส่งผลให้แทบไม่มีที่ยืนสำหรับฮีโร่ระดับตำบลเข้าไปอีก(พวกเขาควรจะนอนอยู่บ้านดีกว่า) แต่ Thunderbolts* กลับเปลี่ยนให้พลังในระดับซุปเปอร์ฮิวแมนกลายมาเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจได้อีกครั้ง
Thunderbolts* (2025)
5) ด้วยการที่ผู้กำกับเจคพยายามสื่อถึงความไร้พลังของฮีโร่กลุ่มนี้อยู่ตลอด เห็นได้ชัดที่สุดในฉากที่พวกเขาพยายามปีนขึ้นมาจากกับดักของ “วาเลนตินา” (Julia Louis-Dreyfus) ที่หากเป็นปกติแล้วตัวละครฮีโร่ที่เราคุ้นเคย พวกเขาคงกระโดดขึ้นมาได้ง่ายๆ หรือไม่ก็ใช้พลังทะลุมิติออกมาข้างนอกอะไรเทือกนั้น แต่สิ่งที่เหล่า Thunderbolts คิดออกและทำได้ คือ เอาหลังชนกันแล้วยันตัวขึ้นมาทีละนิดๆ อย่างทุลักทุเล
Thunderbolts* (2025)
6) หรือการปะทะกับ “เซนทรี่” (Lewis Pullman) ฮีโร่พลังเหลือล้นดุจดวงอาทิตย์นับพันดวง แน่นอนว่าพลังต่อสู้เมื่อเทียบกับ Thunderbolts แล้วก็เหมือนเอาน้ำแข็งก้อนเท่านิ้วโป้งมือไปโยนใส่ลาวาในภูเขาไฟ ทางที่พวกเขาเลือกใช้คือ “หนีก่อนละกัน”
หรือการปรากฏตัวของ “บัคกี้” (Sebastian Stan) ในฉากที่พยายามขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจไล่ล่าเหล่า Thunderbolts ในช่วงแรก เป็นครั้งหนึ่งที่เรารู้สึกว่า “บัคกี้โคตรเก่งเลย” ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้พาเราทะลุมิติไปเอิร์ธอื่นๆ หรือย่อตัวไปยังมิติทางควอนตัมที่ผันผวน และมันยังเป็นจุดที่บอกเราว่าเหล่า Thunderbolts อยู่ระดับไหนในห่วงโซ่อาหาร
บัคกี้ (Sebastian Stan)
7) ไม่เพียงเท่านั้นปัญหาสภาพจิตใจที่ตัวละครต้องแบบรับมันกลับเป็นจุดที่สามารถเพิ่มมิติความเป็น “มนุษย์” ให้กับตัวละครได้แบบไม่ต้องพยายามปั้นนู่นนี่มาใส่ เบื้องหน้าที่เฮฮา ปากแซ่บตามประสาแอนตี้ฮีโร่ แต่ภายในจิตใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความตรอมตรม
แม้ว่าสารที่ Thunderbolts* ต้องการสื่อถึงทางออกมันไม่ใช่อะไรที่ใหม่ แต่มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว การได้เห็นเหล่าคนป่วย(ทางจิต)ช่วยประคับประคองกันขึ้นมา มันเป็นภาพที่วิเศษไม่แพ้การได้เห็นแผ่นหลังของฮีโร่ที่ช่วยผู้คนจากเหตุการณ์สัตว์ประหลาดบุกเมืองแล้วบินจากไปโดยไม่ลาสักคำ
Thunderbolts* (2025)
8) ฟลอเรนซ์ พิวจ์ (Florence Pugh) ในบทเยเลน่า เป็นตัวละครที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยคาแรคเตอร์ที่คอยปล่อยและตบมุกออกมาได้แบบไหลลื่น กลายเป็นศูนย์กลางให้กับทุกคนในเรื่อง ซึ่งเสน่ห์(พลังดารา)ของเธอเป็นสิ่งที่สร้างภาพลักษณ์ในแง่บวกให้ตัวละครอย่างเหลือล้นจริงๆ ในขณะที่เรด การ์เดี้ยน (David Harbour) เป็นตัวละครจำพวก “แหกปาก” ที่เราเห็นได้บ่อยๆ ในอนิเมะของญี่ปุ่นที่จะต้องมีแบบนี้สักคนในกลุ่มเสมอ ซึ่งใน Thunderbolts ก็เช่นกัน
แม้จะดูพิลึกไปหน่อย แต่ในยามคับขันการได้อารมณ์ขันจากใครสักคนมันก็ช่วยได้ไม่น้อยเหมือนกัน
เยเลน่า (Florence Pugh)
เรด การ์เดี้ยน (David Harbour)
9) แน่นอนว่าภายในเวลา 2 ชั่วโมง 6 นาที คงไม่สามารถลงลึกไปถึงก้นบึ้งในใจของทุกๆ ตัวละครในเรื่องได้ บ๊อบ (Lewis Pullman) คือตัวละครที่เป็นจุดขัดแย้งของเรื่องจึงถูกขับเน้นเป็นพิเศษ การดีไซน์ตัวละครที่มีความไม่แน่นอนทางจิตใจแบบนี้ เหมือนต้องการสื่อถึง “อาวุธทรงอานุภาพ” ที่หากตกอยู่ในมือฝ่ายดีก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล แต่ตกอยู่ในฝ่ายชั่วก็จะนำมาซึ่งหายนะได้เช่นกัน
บ๊อบ (Lewis Pullman)
10) วาเลนตินาก็เป็นอีกตัวละครที่น่ากล่าวถึง จอมบงการในร่างหญิงตัวเล็กเป็นสิ่งที่คัดค้านกันดีนักแล ความพยายามต้องการควบคุมพลังระดับพระเจ้าของเซนทรี่ ชวนให้นึกถึงเรื่องราวของ “โพรมีธีอุส” (Prometheus) ที่มีแก่นเรื่องสื่อถึงการลงโทษคนที่ริบังอาจท้าทายอำนาจของพระเจ้า แต่วาเลนตินาเป็นตัวละครที่มีความฉลาดเป็นกรด เส้นทางไปสู่จุดจบของเธอจึงมีความแตกต่างจากระบบความคิดแบบตัวร้ายต้องมลายในตอนจบ
วาเลนตินา (Julia Louis-Dreyfus)
11) แม้ Thunderbolts* อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด มันยังมีจุดที่เบาบางหรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่หากวัดกันในแง่ของความรู้สึกแล้ว ภาพยนตร์รวมดาวฮีโร่เส็งเคร็งกลุ่มนี้สามารถส่งสาส์นของเรื่องถึงผู้ชมได้อย่างหนักแน่น มันให้อารมณ์ต่างจากหนังมาร์เวลที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ไม่ใช่ที่สุด ไม่ใช่ฮีโร่ แต่ไม่ยอมแพ้ กลายเป็นลายเซนต์เฉพาะตัว ปิดฉาก Phase 5 ของ MCU ได้อย่างน่าจดจำแบบสุดๆ
Thunderbolts* (2025)
Story Decoder
ภาพยนตร์
ศิลปะ
บันเทิง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย