20 พ.ค. เวลา 09:30 • ข่าว

นายกฯ แจงเหตุต้องยุติแจกเงินหมื่นเพราะมาตราการภาษี "ทรัมป์"

"นายกฯ อิ๊งค์" แจงยิบเลิกแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต อ้างภาษีสหรัฐฯ ทำผิดแผนต้องเร่งปรับการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ วอนนักธุรกิจเล็ก - ใหญ่ใครคุยกับ "ทรัมป์" ได้ ช่วยคุยหน่อย รัฐบาลไม่ติด
วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบทบทวนค่าใช้จ่ายงบประมาณปี 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามที่รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ขอให้ทบทวนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก เปลี่ยนเงินก้อนนี้มาลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนในมนุษย์ที่เป็นการลงทุนระยะยาว พร้อมกันนี้ ครม. ยังเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2569 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจและพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบรวม 39 เล่ม และขอให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นายกรัฐมนตรีบอกว่า โดยวาระที่ 1 จะพิจารณาวาระวันที่ 28-30 พฤษภาคม โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวเป็นการกำหนดให้ตั้งงบปี 2569 จำนวนไม่เกิน 3.7 ล้านล้านบาท เมื่อถามว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 1 และ 2 กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และเฟสที่ 3 ที่มีการชะลอ เพราะไม่มีเงินใช่หรือไม่
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สองรอบแรกกระตุ้นในกลุ่มคนเปราะบางและผู้สูงอายุ แต่เมื่อมีเรื่องกำแพงภาษีเข้ามา เราต้องพิจารณาทบทวน ซึ่งข้อเสนอจากธนาคารแห่งประเทศไทย และ สำนักเศรษฐกิจแห่งชาติให้ทบทวนว่าเงินก้อนนี้ควรใช้ที่จำเป็นและเร่งด่วนกว่าเรื่องเงินดิจิทัล คือเปลี่ยนรูปแบบไปทำอะไรที่เรียงลำดับความสำคัญ เราจึงต้องทบทวนใหม่
เมื่อถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีใช้คำว่าชะลอ แปลว่าดิจิทัลวอลเล็ตยังมีความหวังอยู่ หรือรัฐบาลไม่กล้าพูดเพราะกลัวกระทบฐานเสียง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ให้เข้าใจก่อนว่าตอนนี้มีปัญหามาแทรก เงินก้อนนี้เกิดประโยชน์ตรงไหนสูงสุดเราเน้นที่ตรงนั้น เราไม่บอกว่ายกเลิก แต่จะกลับมาทำอีกในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมันดีขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า จะกระทบกับฐานเสียงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เวลาหาเสียงพรรคเพื่อไทยประเมินสถานการณ์ว่าทำได้จริง แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐฯ ไม่มีประเทศไหนคาดคิด นโยบายนี้เราทำไปแล้วไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำ แต่สถานการณ์ที่แทรกมามันสุดวิสัย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะให้ สส. ไปทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าเงินก้อนนี้เรานำไปทำโครงสร้างพื้นฐาน
เมื่อถามว่า คนมองไม่ออกว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปต่อกรกับกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อย่างไร จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เงิน 1.57 แสนล้านบาทก้อนนี้มาจากงบกลาง ต้องใช้ให้หมดในวันที่ 30 กันยายน 2568 หลังจากวันที่ 30 กันยายน จะมีนโยบายระยะกลาง ระยะยาวรอรับต่อจากก้อนนี้ เงินก้อนนี้มันสำคัญเพราะฉะนั้นเราต้องทำอะไรก่อนเพื่อที่จะกอบกู้ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ อย่างกำแพงภาษีใครช่วยพูดได้รัฐบาลยินดี
เมื่อถามว่า การเจรจาภาษีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เสียดายที่นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ไปคุย และการที่นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ ไปพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรบ้าง อย่างไรก็ตามถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นธุรกิจเล็กก็ได้ ถ้าสามารถช่วยรัฐบาลได้ยิ่งดี
โฆษณา