20 พ.ค. เวลา 13:39 • ไอที & แก็ดเจ็ต

Xiaomi ทุ่ม 7 พันล้านเหรียญทำชิปของตัวเอง อยากแกร่งเทียบชั้น Apple สู้ศึกฮาร์ดแวร์ระดับโลก

Xiaomi บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่จากจีน เตรียมทุ่มงบกว่า 5 หมื่นล้านหยวนหรือกว่า 6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปประมวลผลของตนเอง เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ตอบรับกับกระแสโลกที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา “ชิป” ในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่จำเป็นต่อศักยภาพด้านเทคโนโลยี
การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทเทคโนโลยีจีนในการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีมากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการจำกัดการเข้าถึงชิปและเทคโนโลยีสำคัญ ๆ สำหรับบริษัทจีน ในบริบทของสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
“ชิปคือยอดเขาที่เราจำเป็นต้องปีน และเป็นสมรภูมิที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต้องการก้าวสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ระดับโลก” การยกระดับศักยภาพด้านเซมิคอนดักเตอร์ครั้งนี้ยังถือเป็นการเดินหน้ากลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ระดับโลก ตามคำยืนยันจาก Lei Jun ซีอีโอของบริษัท
  • ใช้เวลากว่า 4 ปี ปั้นทีมพัฒนาชิปกว่า 2,500 คน
นอกจากการลงทุนครั้งใหญ่แล้ว Xiaomi ยังเตรียมเปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ “Xring O1” ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของบริษัท โดย Xring O1 จะเป็นชิประดับ 3nm แบบ "System-on-Chip" (SoC) ตัวแรกของ Xiaomi ที่ซุ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของแผนระยะยาว 10 ปีในการเข้าสู่เวทีเซมิคอนดักเตอร์อย่างจริงจัง
ตามข้อมูลจาก Lei การตัดสินใจพัฒนาชิป Xring ระบุว่า Xiaomi ได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 13.5 พันล้านหยวนและในปี 2025 เพียงปีเดียว บริษัทเตรียมลงทุนอีก 6 พันล้านหยวนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยปัจจุบัน Xiaomi มีบุคลากรในฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์มากกว่า 2,500 คน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างทีมเทคนิคระดับโลก
โดยก่อนหน้านี้บริษัทเคยเปิดตัวชิป Surge S1 ในปี 2017 แต่ต้องหยุดการพัฒนาชิป SoC ไปชั่วคราวจากอุปสรรคหลายด้าน กล่าวคือ SoC คือ ชิปเซ็ตที่รวมเอาหลายองค์ประกอบของฮาร์ดแวร์เข้าไว้ด้วยกัน เช่น หน่วยความจำ และระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในอุปกรณ์อย่างสมาร์ตโฟน
ดังนั้นการมีชิป SoC ของตัวเองจะทำให้ Xiaomi สามารถควบคุมการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ดีขึ้น พร้อมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง อย่างไรก็ตามมีบริษัทเพียงไม่กี่รายทั่วโลกที่สามารถออกแบบชิป SoC ด้วยตนเองได้ เนื่องจากต้นทุนและความซับซ้อนในการวิจัยและพัฒนา อย่างไรก็ดี Xiaomi ยังเดินหน้าพัฒนาชิปประเภทอื่น ๆ เช่น ชิปสำหรับการจัดการพลังงานหรือการประมวลผลภาพ
  • จากลูกค้าชิปสู่ผู้ท้าทายเชิงกลยุทธ์ ท้าชน Apple
ทั้งนี้ “Xring O1” จะถือเป็นการกลับมาสู่การพัฒนาชิป SoC หลักสำหรับสมาร์ตโฟนอีกครั้ง โดยชิปดังกล่าวถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีระดับ 3 นาโนเมตร (3nm) รุ่นที่สอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม และเทียบชั้นได้กับชิป Apple A18 Pro ที่ใช้ใน iPhone 16 Pro
โดยที่ผ่านมา Xiaomi พึ่งพาชิปจากบริษัทต่างชาติอย่าง Qualcomm และ MediaTek สำหรับสมาร์ตโฟนเรือธงของตน แต่การเดินหน้าสู่การออกแบบชิปของตัวเองสะท้อนถึงความพยายามในการเลียนแบบแนวทางของคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดจีน และเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่สามารถออกแบบชิปควบคู่ไปกับซอฟต์แวร์เพื่อสร้างระบบที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อและล่าสุดยังขยายการออกแบบชิปของตนไปยังคอมพิวเตอร์ Mac อีกด้วย
มากไปกว่านั้นในบริบทของจีนการพัฒนาชิปของ Xiaomi ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการเห็นประเทศสามารถพัฒนาเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ได้ด้วยตนเอง จนสามารถแข่งขันหรือแซงหน้าสหรัฐฯ ได้
  • เส้นทางใหม่ท่ามกลางแรงกดดันจากตลาด
การลงทุนครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความพยายามของ Xiaomi ในการแสวงหา “ขุมพลังเติบโตใหม่” นอกเหนือจากธุรกิจสมาร์ตโฟน ซึ่งกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและการชะลอตัวของตลาดโลก
โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรก SU7 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีการเปิดตัว Xring O1 อาจเป็นโอกาสให้ Xiaomi เสริมแกร่งความเชื่อมั่นในฐานะบริษัทเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ที่ไม่เพียงแค่ผลิตสมาร์ตโฟน แต่กำลังสร้างรากฐานใหม่บนเวทีเทคโนโลยีระดับโลก ผ่านชิปที่ออกแบบด้วยมือของตนเอง
อ้างอิงข้อมูล CNBC , Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
โฆษณา