21 พ.ค. เวลา 13:30 • ข่าว

ปปท.บุกตรวจ 6 จุด แหล่งรายได้หลากหลายของ “วัดไร่ขิง” ชาวบ้านยังคาใจ เงินในตู้บริจาค

นครปฐม - เงินบริจาควัดไร่ขิงไร้ร่องรอย หลังโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เผย ไม่ได้รับเงินสนับสนุนมากว่า 3 ปี ชาวบ้านตั้งคำถาม เงินในตู้หายไปไหน-ใครจะรับผิดชอบ ด้าน ปปท.เร่งสอบบัญชีธนาคาร “วัดไร่ขิง” ทั้งที่มารายได้และรายจ่ายของวัด เตรียมรวบสรุปส่งส่วนกลาง
17
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ที่ จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานกระแสเกี่ยวกับเงินบริจาคของวัดไร่ขิงพระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หลังอดีตเจ้าคุณแย้ม หรือทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ถูกควบคุมตัว พร้อมกับหญิงสาวที่มีความโยงใยเกี่ยวกับการพนันออนไลน์
2
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางได้ประสานกับหลายหน่วยงานในการเข้าตรวจสอบและติดตามเส้นทางทางการเงินที่จะเชื่อมโยงไปถึงขบวนการการพนันและกลุ่มบุคคลที่ได้เสียกับเงินรับบริจาคและเงินในส่วนของวัดไร่ขิงรวมถึงมูลนิธิวัดไร่ขิง ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล โดยเบื้องต้นพบว่ามีความโยงใหญ่ในมูลค่า 300 ถึง 800 ล้านบาท
โดยภายหลังจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ตำรวจไซเบอร์ ปปท. ปปป. สตง. สำนักงานพระพุทธศาสนา และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารทางการเงิน โดยเมื่อวานนี้ได้มีการพบบัญชีเพิ่มอีกสี่เล่ม รวมเป็น 53 เล่ม ที่ไม่ได้มีการชี้แจงรายงานผลต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา
โดยล่าสุดยังมีกระแสว่าตู้เงินรับบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ไม่ได้รับการสนับสนุนมาแล้วกว่า 3 ปี ทำให้เกิดประเด็นในข้อสงสัยถึงตู้รับบริจาคและเงินรับบริจาค ว่ามีการบริหารการจัดการอย่างไรและมีตัวเป็นเงินสดมูลค่าอยู่ที่เท่าไหร่ที่สูญหาย โดยขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยคือ หมอเตย หญิงผู้ที่ถูกกล่าวถึงว่ามีอิทธิพลและมีบทบาททางด้านการเงินและกิจกรรมต่างๆ ของวัดมายาวนานหลายปี
ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่ภายในวัดไร่ขิง จุดหลักจะอยู่ที่พระอุโบสถที่ประดิษฐานของหลวงพ่อวัดไร่ขิง จะมีตู้รับบริจาคเรียงรายอยู่สองฝั่งของพระอุโบสถและมีการแยกประเภทต่างๆ ของการรับบริจาค และโดยรอบพระอุโบสถด้านนอกก็ยังมีตู้รับบริจาคอีกหลายโครงการ
ซึ่งเป็นการจัดการในการฝากวางตัวของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ยังอยู่ร่วมกับการทำบุญต่างๆ ทั้งการทำสังฆทาน การทำบุญน้ำมนต์ และการกราบไหว้พระประจำวันเกิด ซึ่งมีอยู่รอบพื้นที่ก็ยังมีตู้รับบริจาคอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งจุดนี้เป็นส่วนที่เป็นเงินสดจากการทำบุญของญาติโยมที่มาทำบุญในวัดไร่ขิง
นอกจากนี้ยังมีกระแสในข้อสงสัยและมีความเป็นห่วงถึงเรื่องการสนับสนุนสถานที่ราชการและหน่วยงานต่างๆ บริเวณรอบวัดไร่ขิง อาทิเช่นที่โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ซึ่งได้รับการก่อตั้งขึ้นจากพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสรูปเก่าผู้ล่วงลับ ผู้เป็นผู้มีคุณูปการกับวัดไร่ขิง
โดยมุ่งหวังก่อสร้างโรงพยาบาลดังกล่าวให้เป็นสถานที่ดูแลเรื่องสุขภาพของญาติโยมในพื้นที่ตำบลไร่ขิง เนื่องจากมีชุมชนที่คาบเกี่ยวกับแหล่งก่อตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม และเลือกสวนไร่นา ซึ่งต่อมาโรงพยาบาลดังกล่าวได้สร้างชื่อเสียงโดยเฉพาะในเรื่องการรักษาตามีชื่อเสียงระดับประเทศ ซึ่งในปัจจุบันได้อยู่ในสังกัดของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
โดยจะมีมูลนิธิของโรงพยาบาลวัดไร่ขิง ประสานความร่วมมือกับมูลนิธิวัดไร่ขิงในการสนับสนุนงบประมาณในกิจกรรมต่างๆ เสมอมา ซึ่งยังเป็นคำถามว่าเงินที่ถูกอ้างว่าไม่ได้รับการสนับสนุนนั้นหายไปที่ใด หรือจะเป็นอาคารเฉลิมพระเกียรติที่อยู่ด้านข้างของวัดไร่ขิง
ซึ่งในส่วนดังกล่าวเป็นสถานที่ศึกษาของ มจร. โดยให้การศึกษากับคณะสงฆ์และประชาชนที่ติดอยู่กับริมแม่น้ำท่าจีน และในส่วนของโรงพยาบาลสามพราน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ก็จะมีส่วนที่วัดไร่ขิงได้ให้การสนับสนุนในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งนับจากนี้จะมีการจัดระบบในการดูแลด้านการเงินและรับการสนับสนุนในเรื่องใด ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนและญาติโยมก็อยากให้มีการตรวจสอบเพื่อเป็นการจัดระบบใหม่ขึ้นมาในการดำเนินงานใหม่ทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เดินทางเข้าตรวจสอบเอกสารทางการเงินเพิ่มเติมที่วัดไร่ขิง เพื่อเร่งดำเนินการในส่วนที่ยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ โดย น.ส.อนงนาต ชีวานันทกุล ผอ.กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 5 ป.ป.ท. ระบุสั้นๆ ก่อนเข้าไปตรวจสอบเอกสารภายในสำนักงาน มูลนิธิ 3 แห่ง ของวัดไร่ขิง
ซึ่งวันนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่ลงมาตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลที่ยังขาดอยู่โดยเฉพาะด้านแหล่งรายได้และรายจ่ายของวัดไร่ขิงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยแหล่งรายได้ของวัดตามที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ มีทั้ง 1. ตู้บริจาค 2. จุดขายวัตถุมงคล 3. จุดขายอาหารปลา 4. ค่าเช่าที่วัด 5. ร้านสวัสดิการ 6. มูลนิธิ มี 3 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิวัดไร่ขิง, มูลนิธิเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) และมูลนิธิพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ)
โดยวันพรุ่งนี้จะมีการรายงานความคืบหน้าของผลการตรวจสอบโดย ตร.สอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ ป.ป.ท., สตง. ที่ได้ลงพื้นที่กันมาตรวจสอบและจะได้ความชัดเจน ทั้งนี้ สำหรับการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า โซนร้านค้าสวัสดิการของวัดไร่ขิง แต่เดิมการจ่ายเงินเป็นชื่อของบุคคลอื่น แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นการโอนจ่ายในชื่อบัญชี "ร้านสวัสดิการวัดไร่ขิง" วันนี้ต้องเร่งสอบบัญชีธนาคาร "วัดไร่ขิง" ทั้งที่มารายได้และรายจ่ายของวัด เตรียมรวบสรุปส่งส่วนกลาง จ่อแถลงร่วม CIB พรุ่งนี้
ทางด้าน ดร.วศินโรจน์ ธนเกริกเกรียติ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า การดำเนินการเกี่ยวกับวัดไร่ขิง เป็นหน้าที่ของ CIB ดำเนินการ ปปท. ปปช. เพื่อให้ปรากฏว่าความเป็นมาเป็นอย่างไร จะได้ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ทางกรรมาธิการจะลงมาดูเรื่องการตรวจสอบบัญชีวัดเร็วๆ นี้ อยากให้สำนักพุทธตั้งกรรมการขึ้นมาร่วมกับวัฒนธรรมจังหวัด มาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในวัดให้มีระบบระเบียบ จะทำให้พุทธศาสนิกชนได้สบายใจ จะได้ไม่เกิดผลเสียในอนาคต
เรื่องในวัดไร่ขิงเรื่องมันเยอะมาก ผู้คนก็จะลดน้อยลง เราจะทำอย่างไรต้องเรียกศรัทธาของพี่น้องประชาชนกลับคืนมา ให้มากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง เราต้องแยกกันกับคนที่มาเป็นเจ้าอาวาส ส่วนต่างๆ เราต้องแยกจากกัน ทำให้วัดโปร่งใส ซึ่งเป็นการดีที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ความสนใจ จะได้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยต่อไป
โฆษณา