Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เติมความสุข
•
ติดตาม
21 พ.ค. เวลา 13:15 • ประวัติศาสตร์
Thailland
ทาทาเรีย: ความจริงที่ถูกซ่อน หรือเพียงทฤษฎีสมคบคิด?
เคยได้ยินเรื่อง **"อาณาจักรทาทาเรีย" (Tartaria)** กันบ้างไหมครับ? นี่ไม่ใช่แค่อาณาจักรโบราณทั่วไป แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมบนอินเทอร์เน็ตที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แนวคิดนี้เชื่อว่าครั้งหนึ่งโลกเราเคยถูกปกครองโดยจักรวรรดิทาทาเรียอันยิ่งใหญ่และล้ำยุคอย่างเหลือเชื่อ แต่แล้วก็เกิดหายนะครั้งใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็น **"น้ำท่วมโคลน" (Mud Flood)** ทำให้จักรวรรดิล่มสลายและประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของพวกเขาก็ถูกลบเลือนไปจากประวัติศาสตร์กระแสหลักที่เราเรียนกันมา
มุมมองของผู้เชื่อ
ผู้ที่เชื่อในทฤษฎีทาทาเรียวาดภาพจักรวรรดิแห่งนี้ว่ารุ่งเรืองสุดขีด มีศูนย์กลางในเอเชียเหนือและเอเชียกลาง แต่แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกในช่วงศตวรรษที่ 18-19 พวกเขาเชื่อว่าชาวทาทาเรียนมี **เทคโนโลยี** ที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะด้าน **พลังงานฟรี** หรือพลังงานไร้สาย และเป็นสังคมในอุดมคติที่ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีปัญญา
หลักฐานที่พวกเขานำมาอ้างอิงคือ **สถาปัตยกรรม** เก่าแก่ที่สวยงามและยิ่งใหญ่ทั่วโลก เช่น อาคารสไตล์นีโอคลาสสิก โบซาร์ หรือป้อมดาวต่างๆ รวมถึง **แผนที่โบราณ** ที่ปรากฏคำว่า "ทาทาเรีย" หรือ "แกรนด์ทาทาเรีย" นอกจากนี้ เรื่อง **น้ำท่วมโคลน** ที่อ้างว่าฝังกลบเมืองต่างๆ จนอาคารมีชั้นล่างจมดิน ก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้อธิบายการหายไปของอารยธรรมนี้ และบางกลุ่มยังเชื่อว่าชาวทาทาเรียนอาจเป็น **มนุษย์ยักษ์** หรืออยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์ยักษ์ด้วย
การล่มสลายของทาทาเรียถูกอธิบายว่าเกิดจากน้ำท่วมโคลนใหญ่ และประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของพวกเขาก็ถูก **ปกปิดอย่างเป็นระบบ** โดยกลุ่มอำนาจปริศนา บ้างก็เชื่อมโยงกับตระกูลร่ำรวยอย่างรอธไชลด์ หรือแนวคิดระเบียบโลกใหม่ การที่ประวัติศาสตร์กระแสหลักไม่กล่าวถึงทาทาเรียเลย กลับถูกมองเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของการปกปิดครั้งนี้
มุมมองของนักประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ในทางกลับกัน นักประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์มองว่าคำว่า **"ทาทาเรีย"** ที่ปรากฏในแผนที่โบราณของชาวยุโรปนั้นเป็นเพียงคำศัพท์ทาง **ภูมิศาสตร์** ที่ใช้เรียกดินแดนอันกว้างใหญ่และไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในเอเชียกลางและเอเชียเหนือ ไม่ได้หมายถึงจักรวรรดิที่มีการรวมศูนย์อำนาจเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่บางฉบับยังแบ่ง "ทาทาเรีย" ออกเป็นส่วนๆ เช่น ทาทาเรียของจีนหรือรัสเซีย ซึ่งบ่งบอกว่าไม่ใช่ดินแดนที่เป็นเอกภาพ
การที่ "ทาทาเรีย" หายไปจากแผนที่โลกในช่วงศตวรรษที่ 19-20 นั้น ไม่ได้เกิดจากการสมคบคิด แต่เป็นผลจาก **ความก้าวหน้าทางภูมิศาสตร์** ทำให้รู้จักดินแดนเหล่านี้ละเอียดขึ้น และการ **ขยายอำนาจของจักรวรรดิรัสเซียและจีน** ที่ผนวกดินแดนเหล่านี้เข้ามาอยู่ในเขตปกครองของตน จึงมีการใช้ชื่อเรียกที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
สำหรับ "หลักฐาน" ที่ทฤษฎีทาทาเรียอ้างถึงนั้น ก็มีคำอธิบายที่แตกต่างกันไป **สถาปัตยกรรม** ที่ยิ่งใหญ่ล้วนมีรากฐานมาจากสถาปัตยกรรมกรีก-โรมันโบราณ และสร้างขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ก้าวหน้าในศตวรรษที่ 19
ส่วนปรากฏการณ์ **"ชั้นใต้ดินที่ถูกฝัง"** นั้นไม่ได้เกิดจากน้ำท่วมโคลนระดับโลก แต่มาจาก **การทับถมของชั้นดินในเมือง** หรือ **การยกระดับถนน** เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น และในทางธรณีวิทยาก็ไม่มีหลักฐานการเกิดน้ำท่วมโคลนครั้งใหญ่ทั่วโลกในช่วงศตวรรษที่ 19 เช่นกัน แนวคิดเรื่อง **พลังงานฟรี** ก็ขัดกับกฎพื้นฐานทางฟิสิกส์และไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
ทาทาเรียในฐานะปรากฏการณ์อินเทอร์เน็ต
แม้จะขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์รองรับ แต่เรื่องราวของทาทาเรียกลับแพร่หลายอย่างมากบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น YouTube และ Reddit โดยเริ่มบูมจริงจังในช่วงปี 2016-2018 ความนิยมนี้สะท้อนถึง **ความไม่ไว้วางใจต่อประวัติศาสตร์กระแสหลัก** ความต้องการ **"ความจริงที่ถูกปิดบัง"** และความหลงใหลในความสวยงามลึกลับของสถาปัตยกรรมโบราณ
นอกจากนี้ การเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหมือนนิยายไซไฟยังดึงดูดผู้คนได้มาก ทฤษฎีนี้ยังเชื่อมโยงกับทฤษฎีสมคบคิดอื่นๆ เช่น New Chronology หรือแม้แต่แนวคิดที่ดูสุดโต่งกว่านั้น เช่น ทฤษฎีต่อต้านชาวยิว
เรื่องราวของทาทาเรียจึงเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นว่าในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลท่วมท้น **ข้อมูลเท็จหรือประวัติศาสตร์เทียม** สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเพียงใด และตอกย้ำความจำเป็นของการ **ตั้งคำถาม ตรวจสอบแหล่งข้อมูล และใช้วิจารณญาณ** ในการบริโภคข้อมูล
ความรู้รอบตัว
ประวัติศาสตร์
แนวคิด
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย