4 มิ.ย. เวลา 10:08 • ธุรกิจ

'โต-ตาล' สองผู้ก่อตั้ง เนื้อแท้ ปรับธุรกิจอาหารอย่างไร จึงสร้างไวรัล ดันยอด 750 ล้าน

'โต ตาล' สองผู้ก่อตั้ง 'เนื้อแท้' เร่งปรับแผนธุรกิจอาหาร จากไวรัล เนื้อย่างซอสจิ้มแจ่วชีสโทสต์แซนวิช สู่อาหารแปรรูป 'ลูกชิ้นยุค 90' พร้อมขยายธุรกิจกลุ่มใหม่ การจัดเลี้ยง หนุนยอดขายสู่ระดับ 750 ล้านบาทในปีนี้
ในปี 2568 ภาพรวมธุรกิจอาหาร เผชิญความท้าทายรอบด้านจากกำลังซื้อที่ไม่เหมือนเดิม และนักท่องเที่ยวที่หดตัวลงอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการไทยกลุ่มร้านอาหารต้องขยายแผนธุรกิจและกระจายความเสี่ยง เพื่อรับมือความไม่แน่นอน และเพิ่มโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
กว่า 12 ปีของ คอมพานี บี โดยผู้ก่อตั้งทั้งสอง ได้แก่ “โต วีรชน ศรัทธายิ่ง” ประธาน บริษัท คอมพานี บี จำกัด และ ตาล “นภศูล รามบุตร” ประธาน บริษัท คอมพานี บี จำกัด ได้ร่วมปลุกปั้นธุรกิจเนื้อวัว จนทำให้ธุรกิจแข็งแรง รวมถึงทำให้แบรนด์ "เนื้อแท้" กลายเป็นร้านอาหารเนื้อวัวยอดนิยมของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ในปีนี้ 2568 เป็นอีกปีที่ท้าทายของธุรกิจร้านอาหาร
"นักท่องเที่ยวจีนหายไปอย่างชัดเจน ตั้งแต่ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผลหลักมาจากสถานการณ์ของเรื่อง คอลเซ็นเตอร์ กระทบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวจีนสูงมาก และมีผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร ทั้งที่ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยวและอาหารสูงมากในโลก จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ และไม่ควรปล่อยสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน" เสียงสะท้อนของ "โต วีรชน ศรัทธายิ่ง” ประธาน บริษัท คอมพานี บี จำกัด ต่อธุรกิจร้านอาหารของไทยในปัจจุบัน
สำหรับภาพรวมธุรกิจอาหารในปี 2568 โดย โต "วีรชน ศรัทธายิ่ง” ประธาน บริษัท คอมพานี บี และ ตาล “นภศูล รามบุตร” ประธาน บริษัท คอมพานี บี กล่าวร่วมกันว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 เผชิญความท้าทาย จากสถานการณ์เศรษฐกิจ มีผลต่อการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้า และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศจีน ปรับลดลงในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดมีผลต่อธุรกิจร้านอาหารของบริษัทอยู่ในภาวะทรงตัวช่วง 3 เดือนแรก แต่หลังจากนั้นช่วงเดือน เม.ย.นี้ สถานการณ์เริ่มดีขึ้น และภาพรวมธุรกิจร้านอาหาร กลับมาขยายตัว 5%
ทั้งนี้แผนของบริษัทในปี 2568 จึงให้น้ำหนักปรับสัดส่วนการขยายธุรกิจ การร่วมกระจายความเสี่ยง และการขยายตลาดใหม่ โดยมุ่งขยายกลุ่มอาหารแปรรูปมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเนื้อวัวไปแปรรูปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้หลากหลายและขยายช่องทางร้านค้าปลีกมากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวเข้ามาทำตลาดไตรมาสละหนึ่งรายการ เช่น ผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นเนื้อสูตรพิเศษ ภายใต้แบรนด์เนื้อแท้ คอนเซปต์ยุค 90
สำหรับการขยายธุรกิจอาหารแปรรูปทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารได้สะดวกและสามารถมีติดครัวในบ้านเพื่อรับประทานได้ในทุกวัน อีกทั้งแนวโน้มธุรกิจอาหารแปรรูปที่มีการขยายตัวและมีอัตราการทำไรที่สูงกว่าธุรกิจร้านอาหาร พร้อมมีการหารือร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาสินค้าใหม่
จากที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนา เนื้อย่างซอสจิ้มแจ่วชีสโทสต์แซนวิช วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ผ่านความร่วมมือกับ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL Foods) ร่วมผลิตสินค้า สร้างกระแสไวรัลและได้รับผลตอบรับสูงมาก อีกทั้งพัฒนาสนใจอาหารพร้อมทาน (Ready to eat) อีกหลายรายการ
ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจมาสู่ธุรกิจการรับจัดเลี้ยง (แคทเทอริง) กับ เนื้อแท้ “Catering” รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทำให้ในปัจจุบันบริษัทมี 4 กลุ่มหลักของธุรกิจที่ประกอบด้วย ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจเนื้อสด ธุรกิจแคทเทอริ่ง และธุรกิจแปรรูปอาหาร
สำหรับธุรกิจร้านอาหารใสนใจขยายธุรกิจในรูปแบบสาขาขนาดเล็กผ่านในศูนย์อาหารต่างๆ ด้วยการขยายแบรนด์ Wok จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มจนถึงสิ้นปีนี้จำนวน 8 สาขา เน้นในทำเลต่างจังหวัด เพื่อทำให้แบรนด์เมนูอาหารจากเนื้อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด จากในปัจจุบันกลุ่มอาหารจากเนื้อมีตลาดที่กว้างมากขึ้นและมีกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
ภาพรวมในปัจจุบันบริษัทมีสาขาเปิดให้บริการรวม 45 สาขา ทั้งเนื้อแท้ มีจำนวนสาขามากสุด, เนื้อแท้ Wok กะ Steak, เนื้อแท้ Wok, The Beef Master, พันละวัน, เซียนเตี๋ยว รวมถึงร้าน เนื้อแท้ Buchery ร้านขายเนื้อสด
อย่างไรก็ตาม จากการกระจายเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจ เพื่อขยายตลาดที่กว้างขึ้น การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ทำให้บริษัทประเมินว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2568 อยู่ที่ระดับ 750 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่สร้างผลประกอบการรวม 630 ล้านบาท ส่วนผลกำไรคาดว่าจะมากกว่า 60 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจที่จะมีการขยายตัวมากที่สุดคือ ฟู้ดเซอร์วิส จากการขยายกลุ่มสินค้าใหม่ ที่มีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 100% ส่วนร้านอาหารคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 5% หรืออาจจะคงที่
สำหรับในปีต่อไป 2569 คาดว่าจะสร้างผลประกอบการขยายตัวถึงระดับ 1,000 ล้านบาท และแผนการเข้าบริษัทเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงปี 2570
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจBusiness
โฆษณา